นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Microsoft
อัปเดตล่าสุด: พฤศจิกายน 2024
คุณอาจสังเกตเห็นรูปลักษณ์ใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2024 เราได้อัปเดตความเป็นส่วนตัวที่เว็บไซต์ Microsoft ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยซึ่งสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ขณะนี้คุณสามารถค้นหานโยบายความเป็นส่วนตัวของ Microsoft ได้ที่ microsoft.com/privacy และเราจะไฮไลต์การอัปเดตที่สำคัญใดๆ ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Microsoft ไว้ในหน้ามีอะไรใหม่เหมือนเช่นเคย
คุกกี้
ไซต์ของ Microsoft ส่วนใหญ่ใช้คุกกี้ ซึ่งเป็นไฟล์ข้อความขนาดเล็กที่อยู่ในอุปกรณ์ของคุณซึ่งเว็บเซิร์ฟเวอร์ในโดเมนที่วางคุกกี้สามารถเรียกดูได้ในภายหลัง เราใช้คุกกี้ในการเก็บการตั้งค่าและการกำหนดลักษณะของคุณ ช่วยในการลงชื่อเข้าใช้งาน จัดเตรียมสื่อโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว และวิเคราะห์การทำงานของไซต์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ส่วน คุกกี้และเทคโนโลยีที่คล้ายกัน ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
กรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนเพิ่มเติมของสหราชอาณาจักร และระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา
Microsoft ปฏิบัติตามกรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนเพิ่มเติมของสหราชอาณาจักรสำหรับสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา และระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูที่ส่วน เราจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ใด และ เยี่ยมชมเว็บไซต์กรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา
ติดต่อเรา
ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว คำร้องเรียน หรือคำถามสำหรับ Microsoft Chief Privacy Officer หรือ EU Data Protection Officer โปรดติดต่อเราโดยใช้ ฟอร์มบนเว็บของเรา หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดต่อ Microsoft รวมถึง Microsoft Ireland Operations Limited ให้ดูส่วน วิธีติดต่อเรา ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ Microsoft ประมวลผล วิธีการที่ Microsoft ประมวลผล และวัตถุประสงค์ในการประมวลผล
Microsoft นำเสนอผลิตภัณฑ์นานาชนิด ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เพื่อช่วยในการดำเนินการขององค์กรต่างๆ ทั่วโลก อุปกรณ์ที่คุณใช้ภายในบ้าน ซอฟต์แวร์ที่นักเรียนใช้ในโรงเรียน และบริการที่ผู้พัฒนาใช้ในการสร้างและโฮสต์ผลิตภัณฑ์ที่จะเปิดตัว การอ้างอิงไปยังผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ในคำชี้แจงนี้ประกอบด้วยบริการ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ของ Microsoft
โปรดอ่านรายละเอียดเฉพาะผลิตภัณฑ์ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ซึ่งให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม คำชี้แจงนี้มีผลบังคับใช้กับการติดต่อที่ Microsoft มีกับคุณและผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ตามรายการด้านล่าง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft ที่แสดงคำชี้แจงนี้
เยาวชนอาจต้องการเริ่มต้นด้วยหน้าความเป็นส่วนตัวสําหรับเยาวชน หน้าดังกล่าวเน้นข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อเยาวชน
สำหรับบุคคลในสหรัฐอเมริกา โปรดดูประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกาและ นโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสุขภาพของผู้บริโภคของเราเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณและสิทธิ์ของคุณภายใต้กฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ใช้บังคับของสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เรารวบรวม
Microsoft เก็บรวบรวมข้อมูลจากคุณ ผ่านการโต้ตอบกับคุณ และผ่านผลิตภัณฑ์ของเรา คุณให้ข้อมูลบางอย่างนี้โดยตรง และเรารับข้อมูลบางอย่างโดยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการโต้ตอบของคุณ การใช้งาน และประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ของเรา ข้อมูลที่เรารวบรวมขึ้นอยู่กับบริบทของการโต้ตอบของคุณกับ Microsoft และตัวเลือกที่คุณเลือก รวมทั้งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ที่คุณใช้ นอกจากนี้ เรายังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับคุณจากบริษัทในเครือ บริษัทสาขา และบุคคลที่สามของ Microsoft อีกด้วย
หากคุณเป็นตัวแทนขององค์กร เช่น ธุรกิจหรือโรงเรียน ที่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนาจาก Microsoft โปรดดูที่หัวข้อ ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนา ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อเรียนรู้วิธีที่เราดำเนินการกับข้อมูลของคุณ หากคุณเป็นผู้ใช้ปลายทางของผลิตภัณฑ์ Microsoft หรือบัญชี Microsoft ที่องค์กรของคุณจัดหาให้ โปรดดูหัวข้อ ผลิตภัณฑ์ที่องค์กรของคุณจัดหาให้ และหัวข้อ บัญชี Microsoft เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
คุณมีตัวเลือกเมื่อเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่คุณใช้ และข้อมูลที่คุณแชร์ เมื่อเราขอให้คุณระบุข้อมูลส่วนบุคคล คุณสามารถปฏิเสธได้ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเราจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างเพื่อให้บริการกับคุณ หากคุณเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการให้ผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์กับคุณ คุณจะไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์ดังกล่าวได้ ในลักษณะเดียวกัน เมื่อเราจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายเพื่อทำสัญญา หรือดำเนินการตามสัญญากับคุณ และคุณไม่ได้ให้ข้อมูล เราจะไม่สามารถทำสัญญา หรือหากข้อมูลนี้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้งานอยู่ เราอาจต้องระงับหรือยกเลิกผลิตภัณฑ์ เราจะแจ้งให้คุณทราบหากเกิดกรณีนี้ขึ้น เมื่อการให้ข้อมูลเป็นตัวเลือก และคุณเลือกที่จะไม่แชร์ข้อมูลส่วนบุคคล ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การตั้งค่าส่วนบุคคลที่ใช้ข้อมูลดังกล่าวจะไม่ทำงานสำหรับคุณ
Microsoft เก็บรวบรวมข้อมูลจากคุณผ่านการโต้ตอบกับคุณ และผ่านผลิตภัณฑ์ของเราสำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ ที่อธิบายไว้ด้านล่าง รวมถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและการมอบประสบการณ์ดีที่สุดในการใช้งานผลิตภัณฑ์ของเรา คุณให้ข้อมูลเหล่านี้บางรายการกับเราโดยตรง เช่น เมื่อคุณสร้างบัญชี Microsoft, ดูแลบัญชีการให้สิทธิ์ขององค์กรของคุณ, ส่งคำสืบค้นให้กับ Bing, ลงทะเบียนสำหรับเหตุการณ์ของ Microsoft, อัปโหลดเอกสารไปยัง OneDrive, ลงทะเบียน Microsoft 365 หรือติดต่อเราเพื่อขอรับการสนับสนุน เราได้รับข้อมูลบางอย่างโดยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการโต้ตอบของคุณ การใช้งาน และประสบการณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการสื่อสารของเรา นอกจากนี้ เรายังได้รับข้อมูลจากบริษัทในเครือ บริษัทสาขา และบริษัทภายนอกของ Microsoft
เราใช้เหตุผลทางกฎหมายและสิทธิ์ต่างๆ (บางครั้งเรียกว่า "มูลฐานทางกฎหมาย") ในการประมวลผลข้อมูล รวมถึงความยินยอมของคุณ การปรับผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฏหมายให้สมดุล ความจำเป็นในการทำสัญญา และดำเนินการตามสัญญา และปฏิบัติตามภาระผูกพันทางกฎหมาย สำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบายไว้ด้านล่างนี้
เรายังได้ข้อมูลมาจากบุคคลที่สามอีกด้วย เราปกป้องข้อมูลที่ได้รับจากบุคคลที่สามตามวิธีปฏิบัติที่อธิบายไว้ในคำชี้แจงนี้ รวมถึงข้อจำกัดเพิ่มเติมที่กำหนด โดยแหล่งที่มาของข้อมูล แหล่งที่มาของบริษัทภายนอกเหล่านี้จะแตกต่างกันเมื่อเวลาผ่านไป และรวมถึง:
- โบรกเกอร์ข้อมูลที่เราซื้อข้อมูลด้านประชากรเพื่อเพิ่มข้อมูลที่เราเก็บรวบรวม
- บริการที่ทำให้เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างจากบริการของพวกเขาสามารถใช้งานโดยบุคคลอื่น เช่น ความเห็นทางธุรกิจในท้องถิ่น หรือโพสต์สื่อสังคมออนไลน์สาธารณะ
- บริการการสื่อสาร รวมถึงผู้ให้บริการอีเมลและเครือข่ายสังคม เมื่อคุณให้สิทธิ์กับเราในการเข้าถึงข้อมูลของคุณบนบริการหรือเครือข่ายของบริษัทภายนอกดังกล่าว
- ผู้ให้บริการที่ช่วยให้เราระบุตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ของคุณ
- คู่ค้าที่เรานำเสนอบริการของแบรนด์ร่วม หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมการตลาดร่วมกัน
- ผู้พัฒนาที่สร้างประสบการณ์การใช้งานผ่านทางหรือสำหรับผลิตภัณฑ์ Microsoft
- บริษัทภายนอกที่มอบประสบการณ์การใช้งานผ่านทางผลิตภัณฑ์ของ Microsoft
- แหล่งข้อมูลที่พร้อมใช้งานแบบสาธารณะ เช่น ชุดข้อมูลภาครัฐ การศึกษา และเชิงพาณิชย์แบบสาธารณะ และแหล่งข้อมูลอื่นๆ
หากคุณเป็นตัวแทนขององค์กร เช่น ธุรกิจหรือโรงเรียนที่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนาจาก Microsoft โปรดดูที่ส่วน ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนา ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อเรียนรู้วิธีการที่เราประมวลผลข้อมูลของคุณ หากคุณเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft หรือบัญชี Microsoft ที่จัดหาโดยองค์กรของคุณ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วน ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนา และ บัญชี Microsoft
คุณมีตัวเลือกเมื่อเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่คุณใช้ และข้อมูลที่คุณแชร์ เมื่อคุณได้รับการขอให้แจ้งข้อมูลส่วนบุคคล คุณสามารถปฏิเสธได้ ผลิตภัณฑ์จำนวนมากของเราจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างเพื่อดำเนินการและให้บริการกับคุณ หากคุณเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการ และการให้ผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์กับคุณ คุณจะไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์ดังกล่าวได้ ในลักษณะเดียวกัน เมื่อเราจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามกฏหมายเพื่อทำสัญญา หรือดำเนินการตามสัญญากับคุณ และคุณไม่ได้ให้ข้อมูล เราจะไม่สามารถทำสัญญา หรือหากข้อมูลนี้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้งานอยู่ เราอาจต้องระงับหรือยกเลิกผลิตภัณฑ์ เราจะแจ้งให้คุณทราบหากเกิดกรณีนี้ขึ้น เมื่อการให้ข้อมูลเป็นตัวเลือก และคุณเลือกที่จะไม่แชร์ข้อมูลส่วนบุคคล ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การตั้งค่าส่วนบุคคลที่ใช้ข้อมูลจะไม่ทำงานสำหรับคุณ
ข้อมูลที่เรารวบรวมจะขึ้นอยู่กับบริบทการโต้ตอบของคุณกับ Microsoft และตัวเลือกที่คุณเลือก (รวมถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว) ผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ที่คุณใช้ ตำแหน่งที่ตั้งของคุณ และกฎหมายที่ใช้บังคับ
ข้อมูลที่เรารวบรวมสามารถรวมถึงข้อมูลต่อไปนี้
ชื่อและข้อมูลการติดต่อ ชื่อและนามสกุล อีเมลแอดเดรส ที่อยู่ทางไปรษณีย์ หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลการติดต่อที่คล้ายกันอื่นๆ ของคุณ
ข้อมูลประจำตัว รหัสผ่าน คำใบ้รหัสผ่าน และข้อมูลความปลอดภัยที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งใช้สำหรับการรับรองความถูกต้องและการเข้าถึงบัญชี
ข้อมูลด้านประชากร ข้อมูลเกี่ยวกับคุณ เช่น อายุ เพศ ประเทศ และภาษาที่คุณต้องการใช้
ข้อมูลการชำระเงิน ข้อมูลในการดำเนินการชำระเงิน เช่น หมายเลขเครื่องมือในการชำระเงินของคุณ (เช่น หมายเลขบัตรเครดิต) และรหัสความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือในการชำระเงินของคุณ
ข้อมูลการสมัครใช้งานและการให้สิทธิ์การใช้งาน ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครใช้งานของคุณ สิทธิ์การใช้งาน และการให้สิทธิ์อื่นๆ
การโต้ตอบ ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ของคุณ ในบางกรณี เช่น แบบสอบถามการค้นหา ซึ่งเป็นข้อมูลที่คุณระบุเพื่อใช้งานผลิตภัณฑ์ ในบางกรณี เช่น รายงานข้อผิดพลาด ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราสร้าง ตัวอย่างอื่นๆ ของข้อมูลการโต้ตอบจะประกอบด้วย:
- ข้อมูลอุปกรณ์และการใช้งาน ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ และผลิตภัณฑ์ และฟีเจอร์ที่คุณใช้ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของคุณ วิธีการทำงานของผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงการตั้งค่าของคุณ ตัวอย่างเช่น:
- ประวัติการชําระเงินและบัญชี ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่คุณซื้อและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบัญชีของคุณ
- ประวัติการเรียกดู ข้อมูลเกี่ยวกับหน้าเว็บที่คุณเยี่ยมชม
- ข้อมูลอุปกรณ์ การเชื่อมต่อ และการกำหนดค่า ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ การกำหนดค่าอุปกรณ์ของคุณ และเครือข่ายใกล้เคียง ตัวอย่างเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่ติดตั้งในอุปกรณ์ของคุณ เช่น หมายเลขผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังรวมถึงที่อยู่ IP, ตัวระบุอุปกรณ์ (เช่น หมายเลข IMEI สําหรับโทรศัพท์), การตั้งค่าภูมิภาคและภาษา และข้อมูลเกี่ยวกับจุดเข้าใช้งาน WLAN ใกล้อุปกรณ์ของคุณอีกด้วย
- รายงานข้อผิดพลาดและข้อมูลประสิทธิภาพการทำงาน ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของผลิตภัณฑ์และปัญหาใดๆ ที่คุณพบ รวมถึงรายงานข้อผิดพลาด รายงานข้อผิดพลาด (บางครั้งเรียกว่า “บันทึกข้อมูลการหยุดทํางาน”) อาจมีรายละเอียดของซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องกับข้อผิดพลาด เนื้อหาของไฟล์ที่เปิดอยู่เมื่อเกิดข้อผิดพลาด และข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์อื่นๆ บนอุปกรณ์ของคุณ
- ข้อมูลการแก้ไขปัญหาและความช่วยเหลือ ข้อมูลที่คุณระบุเมื่อคุณติดต่อ Microsoft เพื่อขอความช่วยเหลือ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ และรายละเอียดอื่นๆ ที่ช่วยให้เราให้การสนับสนุน ตัวอย่างเช่น ข้อมูลการติดต่อหรือการรับรองความถูกต้อง, เนื้อหาของการแชทและการติดต่อสื่อสารอื่นๆ ของคุณกับ Microsoft, ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพของอุปกรณ์ของคุณ และผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ที่เกี่ยวข้องกับการสอบถามวิธีใช้ของคุณ เมื่อคุณติดต่อเรา เช่น เพื่อรับการสนับสนุนลูกค้า เราอาจตรวจสอบและบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ หรือเซสชันการสนทนากับตัวแทนของเรา
- ข้อมูลการใช้งานบอท การโต้ตอบกับบอทและทักษะที่พร้อมใช้งานผ่านผลิตภัณฑ์ของ Microsoft รวมถึงบอทและทักษะที่จัดหาโดยบริษัทภายนอก
- สิ่งที่สนใจและรายการโปรด ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจและรายการโปรดต่างๆ เช่น ทีมกีฬาที่คุณติดตาม ภาษาการเขียนโปรแกรมที่คุณชอบ หุ้นที่คุณติดตาม หรือเมืองที่คุณเพิ่มเพื่อติดตามสิ่งต่างๆ เช่น สภาพอากาศ หรือการจราจร นอกเหนือจากที่คุณระบุไว้อย่างชัดเจนแล้ว ความสนใจและรายการโปรดของคุณยังสามารถอนุมานหรือได้มาจากข้อมูลอื่นๆ ที่เราเก็บรวบรวม เช่น การโต้ตอบของคุณบนเว็บไซต์ที่ใช้เทคโนโลยีของเราในการแสดงหรือวัดผลโฆษณา
- ข้อมูลการบริโภคเนื้อหา ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาสื่อ (เช่น ทีวี วิดีโอ เพลง เสียง หนังสือข้อความ แอป และเกม) ที่คุณเข้าถึงผ่านผลิตภัณฑ์ของเรา
- การค้นหาและคำสั่ง คิวรีการค้นหาและคำสั่งเมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ร่วมกับฟังก์ชันการค้นหาหรือการทำงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การโต้ตอบกับบอทการแชท
- ข้อมูลเสียง ข้อมูลเสียงของคุณ ในบางครั้งจะเรียกว่า “คลิปเสียง” เช่น การสอบถามการค้นหา คำสั่ง หรือการเขียนตามคำบอกที่คุณพูด ซึ่งอาจรวมถึงเสียงประกอบ
- ข้อมูลข้อความ การใช้หมึก และการพิมพ์ ข้อความ ข้อมูลการใช้หมึก และการพิมพ์ และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้หมึก เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของเครื่องมือการใช้หมึกบนอุปกรณ์ของคุณ
- รูปภาพ รูปภาพและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลเมตาของรูปภาพ ตัวอย่างเช่น เราเก็บรวบรวมรูปภาพที่คุณระบุเมื่อคุณใช้บริการที่เปิดใช้งานรูปภาพ Bing
- รายชื่อผู้ติดต่อและความสัมพันธ์ ข้อมูลเกี่ยวกับกับรายชื่อผู้ติดต่อและความสัมพันธ์ของคุณ ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อแชร์ข้อมูลกับบุคคลอื่น จัดการการรายชื่อผู้ติดต่อ สื่อสารกับบุคคลอื่น หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของคุณ
- ข้อมูลสังคมออนไลน์ ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณและการโต้ตอบระหว่างคุณ บุคคลอื่นๆ และองค์กร เช่น ประเภทของการมีส่วนร่วม (เช่น ชอบ ไม่ชอบ กิจกรรม ฯลฯ) ที่เกี่ยวข้องกับผู้คนและองค์กรต่างๆ
- ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งตำแหน่งที่ตั้งที่มีความแม่นยำสูงหรือตำแหน่งที่ตั้งโดยประมาณ ตัวอย่างเช่น เรารวบรวมข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งโดยใช้ระบบการนำทางด้วยดาวเทียม (Global Navigation Satellite System (GNSS)) (เช่น GPS) และข้อมูลเกี่ยวกับเสาสัญญาณและ Wi-Fi ฮอตสปอตที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ยังสามารถอนุมานตำแหน่งที่ตั้งจากที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ หรือข้อมูลในโปรไฟล์บัญชีของคุณที่มีการระบุตำแหน่งที่ตั้งซึ่งมีความแม่นยำน้อย เช่น ในระดับเมืองหรือรหัสไปรษณีย์
- การป้อนข้อมูลอื่นๆ มีการป้อนข้อมูลอื่นๆ เมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา ตัวอย่างเช่น ข้อมูล เช่น ปุ่มที่คุณกดบนอุปกรณ์ควบคุม Xbox Wireless โดยใช้เครือข่าย Xbox ข้อมูลการตรวจจับโครงกระดูกเมื่อคุณใช้ Kinect และข้อมูลเซนเซอร์อื่นๆ เช่น จำนวนก้าวที่คุณเดิน เมื่อคุณใช้อุปกรณ์ที่มีเซนเซอร์ที่เกี่ยวข้อง ถ้าคุณเข้าร่วมกิจกรรมในร้านค้า เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลที่คุณให้กับเราเมื่อลงทะเบียนหรือในระหว่างกิจกรรม และถ้าคุณใส่ข้อมูลลงในรางวัลสำหรับการส่งเสริมการขาย เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลที่คุณป้อนลงในฟอร์มรายการ
เนื้อหา เนื้อหาของไฟล์และการติดต่อสื่อสารที่คุณป้อน อัปโหลด ได้รับ สร้าง และควบคุม ตัวอย่างเช่น หากคุณส่งไฟล์โดยใช้ Skype ไปยังผู้ใช้ Skype คนอื่น เราจำเป็นต้องเก็บรวบรวมเนื้อหาของไฟล์ดังกล่าวเพื่อแสดงต่อคุณและผู้ใช้อื่นๆ ถ้าคุณรับอีเมลด้วย Outlook.com เราจำเป็นต้องรวบรวมเนื้อหาของอีเมลนั้นเพื่อส่งไปยังกล่องขาเข้าของคุณ แสดงเนื้อหาต่อคุณ อนุญาตให้คุณตอบกลับอีเมลนั้น และเก็บรักษาไว้ให้คุณจนกว่าคุณจะเลือกที่จะลบทิ้ง เนื้อหาอื่นๆ ที่เราเก็บรวบรวมเมื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้คุณมีดังต่อไปนี้:
- การติดต่อสื่อสารรวมถึงเสียง วิดีโอ ข้อความ (พิมพ์ เขียน ถอดเสียง หรืออย่างอื่น) ในข้อความ อีเมล การโทร การเรียกประชุม หรือการแชท
- รูปภาพ รูปถ่าย เพลง ภาพยนตร์ ซอฟต์แวร์ และสื่อหรือเอกสารอื่นๆ ที่คุณเก็บ เรียกใช้ หรือดำเนินการอย่างอื่นในระบบคลาวด์ของเรา
วิดีโอหรือการบันทึก บันทึกเหตุการณ์และกิจกรรมที่อาคาร พื้นที่ขายปลีก และตำแหน่งอื่นๆ ของ Microsoft หากคุณเข้าไปยังที่ตั้งของ Microsoft Store หรือสถานที่อื่นๆ หรือเข้าร่วมกิจกรรมของ Microsoft ที่มีการบันทึกไว้ เราอาจประมวลผลรูปภาพและข้อมูลเสียงของคุณ
คำติชมและการจัดอันดับ ข้อมูลที่คุณให้กับเรา และเนื้อหาของข้อความที่คุณส่งให้กับเรา เช่น คำติชม ข้อมูลการสำรวจ และคำวิจารณ์ผลิตภัณฑ์ที่คุณเขียน
ข้อมูลปริมาณการใช้งาน ข้อมูลที่สร้างขึ้นผ่านการใช้บริการการติดต่อสื่อสารของ Microsoft ของคุณ ข้อมูลปริมาณการใช้งานระบุว่าคุณติดต่อสื่อสารกับใคร และการติดต่อสื่อสารของคุณเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราจะประมวลผลข้อมูลปริมาณการใช้งานของคุณเมื่อมีความจำเป็นต้องมอบ บำรุงรักษา และปรับปรุงบริการการติดต่อสื่อสารของเราเท่านั้น และเราจะดำเนินการดังกล่าวโดยได้รับความยินยอมจากคุณ
หัวข้อที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ด้านล่างนี้จะอธิบายเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่บังคับใช้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ
วิธีที่เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
Microsoft ใช้ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมเพื่อมอบประสบการณ์เชิงโต้ตอบที่หลากหลายให้กับคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราใช้ข้อมูลเพื่อ:
- ส่งมอบผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งรวมถึงการอัปเดต การรักษาความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหา ตลอดจนการให้การสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีการแชร์ข้อมูล เมื่อจำเป็นต้องให้บริการ หรือดำเนินการธุรกรรมที่คุณร้องขอ
- ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา
- ปรับแต่งผลิตภัณฑ์ของเราให้เป็นแบบส่วนตัวและให้คำแนะนำ
- นำเสนอโฆษณาและการตลาดให้กับคุณ ซึ่งรวมถึงการส่งการสื่อสารเกี่ยวกับการส่งเสริมการขาย การกำหนดเป้าหมายโฆษณา และนำเสนอข้อเสนอที่เกี่ยวข้องให้กับคุณ
นอกจากนี้ เรายังใช้ข้อมูลเพื่อดำเนินธุรกิจของเรา ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของเรา ปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมายของเรา การพัฒนาบุคคลากรของเรา และทำการค้นคว้า
ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์เหล่านี้ เรารวมข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมจากบริบทที่แตกต่างกัน (ตัวอย่างเช่น จากการใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Microsoft สองผลิตภัณฑ์ของคุณ) หรือได้รับจากบุคคลที่สามเพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น มีความสอดคล้องกัน และเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพื่อทำการตัดสินใจทางธุรกิจโดยใช้ข้อมูล และเพื่อวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้รวมถึงวิธีการประมวลผลแบบอัตโนมัติและด้วยตนเอง (โดยมนุษย์) วิธีการแบบอัตโนมัติมักจะมีความเกี่ยวข้องกับและได้รับการสนับสนุนจากวิธีการด้วยตนเอง ตัวอย่างเช่น ในการสร้าง ฝึกอบรม และปรับปรุงความแม่นยําของวิธีการประมวลผลอัตโนมัติของเรา (รวมถึงปัญญาประดิษฐ์หรือ AI) เราตรวจสอบผลลัพธ์บางส่วนที่เกิดจากวิธีการอัตโนมัติกับข้อมูลพื้นฐานด้วยตนเอง
ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามของเราในการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราอาจใช้ข้อมูลของคุณเพื่อพัฒนาและฝึกโมเดล AI ของเรา เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
Microsoft ใช้ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมเพื่อมอบประสบการณ์เชิงโต้ตอบที่หลากหลายให้กับคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราใช้ข้อมูลเพื่อ:
- ส่งมอบผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งรวมถึงการอัปเดต การรักษาความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหา ตลอดจนการให้การสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีการแชร์ข้อมูล เมื่อจำเป็นต้องให้บริการ หรือดำเนินการธุรกรรมที่คุณร้องขอ
- ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา
- ปรับแต่งผลิตภัณฑ์ของเราให้เป็นแบบส่วนตัวและให้คำแนะนำ
- นำเสนอโฆษณาและการตลาดให้กับคุณ ซึ่งรวมถึงการส่งการสื่อสารเกี่ยวกับการส่งเสริมการขาย การกำหนดเป้าหมายโฆษณา และนำเสนอข้อเสนอที่เกี่ยวข้องให้กับคุณ
นอกจากนี้เรายังใช้ข้อมูลเพื่อดำเนินธุรกิจของเรา ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของเรา ปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมายของเรา การพัฒนาบุคคลากรของเรา และทำการค้นคว้า
สำหรับวัตถุประสงค์เหล่านี้ เรารวมข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมจากบริบทที่แตกต่างกัน (ตัวอย่างเช่น จากการใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Microsoft สองผลิตภัณฑ์ของคุณ) ตัวอย่างเช่น Microsoft Store ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับแอปและบริการที่คุณใช้เพื่อแนะนําแอปที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เรามีการป้องกันทางเทคโนโลยีและกระบวนการในแอป ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องชุดข้อมูลบางอย่างที่ระบุไว้ตามกฎหมาย ตัวอย่างเช่น เราจัดเก็บข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมจากคุณ เมื่อคุณไม่ได้รับรองความถูกต้อง (ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้) แยกต่างหากจากข้อมูลบัญชีผู้ใช้ใดๆ ที่ระบุตัวตนของคุณโดยตรง เช่น ชื่อ อีเมลแอดเดรส หรือหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ ที่ระบุไว้ตามกฎหมาย
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้รวมถึงวิธีการประมวลผลแบบอัตโนมัติและด้วยตนเอง (โดยมนุษย์) วิธีการแบบอัตโนมัติมักจะมีความเกี่ยวข้องกับและได้รับการสนับสนุนจากวิธีการด้วยตนเอง ตัวอย่างเช่น ในการสร้าง ฝึกอบรม และปรับปรุงความแม่นยําของวิธีการประมวลผลอัตโนมัติของเรา (รวมถึงปัญญาประดิษฐ์หรือ AI) เราตรวจสอบผลลัพธ์บางส่วนที่เกิดจากวิธีการอัตโนมัติกับข้อมูลพื้นฐานด้วยตนเอง
ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามของเราในการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราอาจใช้ข้อมูลของคุณเพื่อพัฒนาและฝึกโมเดล AI ของเรา เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
วัตถุประสงค์และเหตุผลทางกฎหมายในการประมวลผล
เมื่อเราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับคุณ เราดําเนินการดังกล่าวโดยได้รับความยินยอมจากคุณ และ/หรือตามความจําเป็นในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ ดําเนินธุรกิจของเรา ปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาและทางกฎหมายของเรา ปกป้องการรักษาความปลอดภัยและความปลอดภัยของระบบและลูกค้าของเรา หรือตอบสนองต่อประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายอื่นๆ ของ Microsoft หรือบริษัทภายนอกตามที่อธิบายไว้ในส่วนนี้ และในส่วนเหตุผลที่เราแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เหตุผลของเราในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอาจแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับวิธีการและประเภทผลิตภัณฑ์และบริการที่เราประมวลผลข้อมูลของคุณ
เมื่อเราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายของเราหรือของบริษัทภายนอก เราจะพิจารณาและสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์เหล่านั้นกับสิทธิ์และเสรีภาพของคุณ และเราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเฉพาะในกรณีที่ประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายที่เรามีในการประมวลผลดังกล่าวไม่มีความสำคัญเกินประโยชน์ของคุณ
เมื่อเราถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากเขตเศรษฐกิจยุโรป เราทำตามกลไกทางกฎหมายที่หลากหลาย ตามที่อธิบายไว้ในส่วนตำแหน่งที่เราจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการประมวลผล:
- มอบผลิตภัณฑ์ของเรา เราใช้ข้อมูลเพื่อดำเนินการผลิตภัณฑ์ของเรา และมอบประสบการณ์เชิงโต้ตอบที่หลากหลายให้กับคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใช้ OneDrive เราจะประมวลผลเอกสารที่คุณอัปโหลดไปยัง OneDrive เพื่อให้คุณสามารถเรียกใช้ ลบ แก้ไข ส่งต่อ หรือประมวลผล ตามความต้องการของคุณในฐานะส่วนหนึ่งของบริการ หรือ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณป้อนการสอบถามการค้นหาในโปรแกรมค้นหาของ Bing เราใช้การสอบถามเพื่อแสดงผลลัพธ์การค้นหาให้คุณ นอกจากนี้ เราจะใช้ข้อมูลเพื่อติดต่อกับคุณ เนื่องจากการติดต่อสื่อสารเป็นฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์ โปรแกรม และกิจกรรมต่างๆ ตัวอย่างเช่น เราอาจติดต่อกับคุณทางโทรศัพท์ หรืออีเมล หรือวิธีการอื่นๆ เพื่อแจ้งให้คุณทราบเมื่อการบอกรับเป็นสมาชิกสิ้นสุดลง หรือพูดคุยเกี่ยวกับบัญชีการให้สิทธิ์ของคุณ เรายังสื่อสารกับคุณเพื่อรักษาความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ของเรา ตัวอย่างเช่น แจ้งให้คุณทราบเมื่อมีการอัปเดตผลิตภัณฑ์
- การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เราใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์หรือความสามารถใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น เราใช้รายงานข้อผิดพลาดเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย ใช้การสอบถามการค้นหาและการคลิกใน Bing เพื่อปรับปรุงความเกี่ยวข้องของผลลัพธ์การค้นหา ข้อมูลการใช้งานเพื่อระบุฟีเจอร์ใหม่ๆ ในการจัดลำดับความสำคัญ และใช้ข้อมูลเสียงเพื่อพัฒนาและปรับปรุงความแม่นยำของการรู้จำเสียง
- การตั้งค่าส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงฟีเจอร์ที่ปรับให้เป็นส่วนตัว เช่น คำแนะนำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความเพลิดเพลินของคุณ ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้กระบวนการโดยอัตโนมัติเพื่อปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานของผลิตภัณฑ์ของคุณตามข้อมูลที่เรามีเกี่ยวกับตัวคุณ เช่น ข้อสรุปของเราเกี่ยวกับคุณ และการใช้ผลิตภัณฑ์ กิจกรรม สิ่งที่น่าสนใจ และตำแหน่งที่ตั้งของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณสตรีมภาพยนตร์ในเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์ Windows ของคุณ คุณอาจเห็นคำแนะนำสำหรับแอปจาก Microsoft Store ที่สตรีมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า หากคุณมีบัญชี Microsoft เราสามารถซิงค์การตั้งค่าของคุณบนอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยการอนุญาตจากคุณ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเราให้การควบคุมเพื่อปิดใช้งานฟีเจอร์ที่ปรับให้เป็นส่วนตัว
- การเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ เราใช้ข้อมูลต่างๆ เช่น ชนิดอุปกรณ์และแอปพลิเคชัน ตำแหน่งที่ตั้ง รวมทั้งตัวระบุที่ไม่ซ้ำกันของอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน เครือข่าย และการสมัครใช้งาน เพื่อเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีการเปิดใช้งาน
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น เราใช้ข้อมูลซึ่งมักจะลบข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงตัวบุคคลเพื่อรับทราบถึงความต้องการด้านการประมวลผลและประสิทธิภาพการทํางานของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และเพื่อฝึกและปรับแต่งโมเดล AI ซึ่งสามารถกําหนดทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้
- การสนับสนุนลูกค้า เราใช้ข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาและวินิจฉัยปัญหาของผลิตภัณฑ์ ซ่อมแซมอุปกรณ์ของลูกค้า และให้บริการดูแลลูกค้าและการสนับสนุนอื่นๆ รวมถึงเพื่อช่วยเราจัดหา ปรับปรุง และรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ บริการ และการฝึกอบรม และเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย ข้อมูลบันทึกการโทรอาจใช้เพื่อรับรองความถูกต้องหรือระบุตัวตนของคุณตามเสียงของคุณเพื่อให้ Microsoft สามารถให้บริการสนับสนุนและตรวจสอบเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยได้
- ช่วยรักษาความปลอดภัยและแก้ไขปัญหา เราใช้ข้อมูลเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหาผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งรวมถึงการใช้ข้อมูลเพื่อปกป้องความปลอดภัยและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และลูกค้าของเรา ตรวจหามัลแวร์และกิจกรรมที่เป็นอันตราย การแก้ไขปัญหาด้านประสิทธิภาพและปัญหาความเข้ากันได้เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากประสบการณ์ใช้งาน และแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการอัปเดตผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อตรวจจับปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยและความปลอดภัย
- ความปลอดภัย เราใช้ข้อมูลเพื่อปกป้องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และลูกค้าของเรา ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ของเราสามารถขัดจังหวะการทำงานของซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย และแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ หากพบซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายบนอุปกรณ์ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์บางอย่างของเรา เช่น Outlook.com หรือ OneDrive จะสแกนเนื้อหาอย่างเป็นระบบโดยอัตโนมัติเพื่อระบุสแปม ไวรัส การดำเนินการที่ไม่เหมาะสมที่น่าสงสัย หรือ URL ที่ถูกตั้งค่าสถานะเป็นลิงก์การฉ้อโกง ฟิชชิ่ง หรือมัลแวร์ และเราขอสงวนสิทธิ์ในการบล็อกการส่งมอบการสื่อสารหรือลบเนื้อหา ถ้าละเมิดข้อกำหนดของเรา เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับของสหภาพยุโรป (EU) เลขที่ 2021/1232 เราได้อุทธรณ์การยกเลิกบทกฎหมายเพียงบางส่วนที่ได้รับอนุญาตตามข้อบังคับดังกล่าวจากมาตรา 5(1) และ 6(1) ของคำสั่งของสหภาพยุโรปเลขที่ 2002/58/EC เราใช้เทคโนโลยีการสแกนเพื่อสร้างลายเซ็นดิจิทัล (เรียกว่า “แฮช”) ของรูปภาพและเนื้อหาวิดีโอบางอย่างในระบบของเรา จากนั้นเทคโนโลยีเหล่านี้จะเปรียบเทียบแฮชที่สร้างขึ้นกับแฮชของภาพที่มีการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่ได้รับรายงาน (เรียกว่า “ชุดแฮช”) ในกระบวนการที่เรียกว่า “การจับคู่แฮช” Microsoft ได้รับชุดแฮชจากองค์กรที่ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ในการต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ซึ่งอาจส่งผลให้มีการแบ่งปันข้อมูลกับศูนย์เพื่อเด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติ (NCMEC) และหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย
- การอัปเดต เราใช้ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมเพื่อพัฒนาการอัปเดตผลิตภัณฑ์และโปรแกรมแก้ไขด้านการรักษาความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น เราอาจใช้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของอุปกรณ์ของคุณ เช่น หน่วยความจำที่พร้อมใช้งานเพื่อให้การอัปเดตซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมแก้ไขด้านความปลอดภัยให้คุณ การอัปเดตและโปรแกรมแก้ไขมีไว้เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด ช่วยคุณปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลของคุณ ให้ฟีเจอร์ใหม่ๆ และประเมินว่าอุปกรณ์ของคุณพร้อมที่จะประมวลผลการอัปเดตดังกล่าวหรือไม่
- การติดต่อสื่อสารเพื่อส่งเสริมการขาย เราใช้ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมมาเพื่อส่งมอบการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการขาย คุณสามารถลงทะเบียนสำหรับการสมัครรับบริการทางอีเมล และเลือกว่าคุณต้องการที่จะรับการติดต่อสื่อสารเพื่อส่งเสริมการขายจาก Microsoft ทางอีเมล SMS จดหมาย และโทรศัพท์หรือไม่ สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลการติดต่อ การสมัครใช้งานทางอีเมล และการติดต่อสื่อสารเพื่อส่งเสริมการขาย โปรดดูที่ส่วน วิธีการเข้าถึงและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
- ข้อเสนอที่เกี่ยวข้อง Microsoft ใช้ข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและมีประโยชน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรากับคุณ เราวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อคาดการณ์ข้อมูลที่คุณน่าจะสนใจมากที่สุดและเกี่ยวข้องกับคุณ และส่งมอบข้อมูลดังกล่าวให้คุณด้วยวิธีการต่างๆ ตัวอย่างเช่น เราสามารถคาดการณ์ความสนใจของคุณในการเล่นเกม และสื่อสารกับคุณเกี่ยวกับเกมใหม่ที่คุณอาจชอบ
- การโฆษณา Microsoft จะไม่ใช้สิ่งที่คุณกล่าวถึงในอีเมล การสนทนาระหว่างมนุษย์ การสนทนาทางวิดีโอหรือข้อความเสียง หรือเอกสารของคุณ ภาพถ่ายหรือไฟล์ส่วนตัวอื่นๆ เพื่อกำหนดเป้าหมายในการโฆษณาไปยังคุณ เราใช้ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมไว้ผ่านการโต้ตอบกับคุณ ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ แอปและทรัพยากรบนเว็บบางอย่างที่เราเป็นเจ้าของเอง (ทรัพยากรของ Microsoft) และทรัพยากรบนเว็บของบุคคลภายนอก เพื่อการโฆษณาในทรัพยากรของเราและทรัพยากรของบุคคลภายนอก เราอาจใช้กระบวนการอัตโนมัติเพื่อช่วยให้การโฆษณามีความเกี่ยวข้องกับคุณเพิ่มขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใช้งานข้อมูลของคุณในการโฆษณา โปรดดูที่ส่วน การโฆษณา ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
- การส่งเสริมการขายและกิจกรรมเพื่อชิงรางวัล เราใช้ข้อมูลของคุณเพื่อจัดการรางวัลสำหรับการส่งเสริมการขายและกิจกรรมที่มีในร้านค้า Microsoft Store ซึ่งเป็นหน้าร้านจริงของเรา ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใส่ข้อมูลลงในรางวัลสำหรับการส่งเสริมการขาย เราอาจใช้ข้อมูลของคุณเพื่อเลือกผู้ชนะและให้รางวัลกับคุณถ้าคุณชนะ หรือถ้าคุณลงทะเบียนสำหรับเวิร์คช้อปการเขียนโค้ดหรือกิจกรรมเล่นเกม เราจะเพิ่มชื่อของคุณลงในรายการผู้เข้าร่วมที่คาดไว้
- การทำธุรกรรมทางการค้า เราใช้ข้อมูลเพื่อดำเนินการธุรกรรมของคุณกับเรา ตัวอย่างเช่น เราประมวลผลข้อมูลการชำระเงินเพื่อให้การสมัครใช้งานผลิตภัณฑ์กับลูกค้า และใช้ข้อมูลการติดต่อเพื่อจัดส่งสินค้าที่ซื้อจาก Microsoft Store
- การรายงานและการดำเนินธุรกิจ เราใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์การปฏิบัติงานของเรา และดำเนินการจัดทำข่าวกรองธุรกิจ ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล และรายงานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของธุรกิจของเรา
- การปกป้องสิทธิ์และทรัพย์สิน เราใช้ข้อมูลเพื่อตรวจหาและป้องกันการฉ้อโกง แก้ไขปัญหาข้อโต้แย้ง บังคับใช้ข้อตกลง และป้องกันทรัพย์สินของเรา ตัวอย่างเช่น เราใช้ข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้องของสิทธิ์การใช้งานซอฟต์แวร์เพื่อลดการละเมิดลิขสิทธิ์ เราอาจใช้กระบวนการอัตโนมัติเพื่อตรวจหาและป้องกันกิจกรรมที่ละเมิดสิทธิ์ของเราและสิทธิ์ของผู้อื่น เช่น การฉ้อโกง
- การปฏิบัติตามกฎหมาย เราประมวลผลข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับ ตัวอย่างเช่น เราใช้อายุลูกค้าของเราเพื่อช่วยให้ปฏิบัติตามข้อผูกมัดของเราเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของเด็ก เรายังประมวลผลข้อมูลที่ติดต่อและข้อมูลประจำตัวเพื่อช่วยลูกค้าใช้สิทธิ์ในการปกป้องข้อมูลของตน
- การค้นคว้า เราใช้ข้อมูลเพื่อดำเนินการค้นคว้า ซึ่งรวมถึงความสามารถของการเรียนรู้ของเครื่องและปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงเพื่อประโยชน์ของสาธารณประโยชน์และวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์ ด้วยมาตรการทางเทคนิคและเชิงองค์กรที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิ์และเสรีภาพของบุคคล
เหตุผลที่เราแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล
เราแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณด้วยความยินยอมของคุณหรือเพื่อทำธุรกรรมใดๆ ให้แล้วเสร็จ หรือให้บริการผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่คุณร้องขอหรือได้รับอนุญาต เรายังแชร์ข้อมูลให้กับบริษัทในเครือและบริษัทสาขาที่ Microsoft ควบคุม และกับผู้จำหน่ายที่ทำงานในนามของเรา เมื่อมีความจำเป็นตามกฎหมายหรือเพื่อตอบสนองต่อกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อปกป้องลูกค้าของเรา เพื่อปกป้องชีวิต เพื่อรักษาความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ของเรา และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์และทรัพย์สินของ Microsoft และลูกค้า
โปรดทราบว่า ตามที่ได้กําหนดไว้ในกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในรัฐของสหรัฐอเมริกา “การแบ่งปัน” ยังเกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในรัฐของสหรัฐอเมริกาด้านล่างและประกาศเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกา
เราแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณด้วยความยินยอมของคุณหรือตามที่จำเป็น เพื่อทำธุรกรรมใดๆ ให้แล้วเสร็จ หรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่คุณร้องขอหรืออนุญาต ตัวอย่างเช่น เราแชร์ข้อมูลของคุณกับบุคคลที่สามเมื่อคุณบอกให้เราดำเนินการเช่นนั้น เช่น เมื่อคุณส่งอีเมลให้กับเพื่อน แชร์ภาพและเอกสารใน OneDrive หรือเชื่อมโยงบัญชีเข้ากับบริการอื่น หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่ให้บริการโดยองค์กรหนึ่งที่คุณมีความเกี่ยวข้องด้วย เช่นนายจ้างหรือโรงเรียน หรือใช้ที่อยู่อีเมลที่องค์กรดังกล่าวเป็นผู้จัดหาให้เพื่อเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เรามีข้อมูลบางอย่าง เช่น ข้อมูลการโต้ตอบและข้อมูลการวินิจฉัยเพื่อช่วยให้องค์กรของคุณจัดการผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้ เมื่อคุณให้ข้อมูลการชำระเงินเพื่อทำการซื้อ เราจะแชร์ข้อมูลการชำระเงินให้กับธนาคารและหน่วยงานอื่นๆ ที่ดำเนินการธุรกรรมการชำระเงิน หรือบริการการเงินอื่นๆ และเพื่อการป้องกันการฉ้อโกงและลดความเสี่ยงด้านเครดิต นอกจากนี้ เมื่อคุณบันทึกวิธีการชำระเงิน (เช่น บัตร) ลงในบัญชีที่คุณและผู้ถือบัญชี Microsoft รายอื่นใช้ในการซื้อจาก Microsoft หรือบริษัทในเครือ เราอาจแชร์ใบเสร็จการซื้อของคุณกับใครก็ตามที่ใช้และสามารถเข้าถึงวิธีการชำระเงินเดียวกันเพื่อทำการซื้อจาก Microsoft รวมถึงผู้ถือบัญชีที่มีชื่อตรงกับวิธีการชำระเงิน เมื่อคุณอนุญาตให้มีการแจ้งเตือนแบบพุชสำหรับผลิตภัณฑ์หรือแอปพลิเคชันของ Microsoft บนอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ Windows ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์นั้นจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างเพื่อให้การแจ้งเตือนแบบพุช ดังนั้น Microsoft อาจส่งข้อมูลไปยังผู้ให้บริการการแจ้งเตือนภายนอกของบริษัทอื่นเพื่อส่งการแจ้งเตือนแบบพุช บริการแจ้งเตือนแบบพุชของอุปกรณ์คุณอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเฉพาะของบริการและนโยบายความเป็นส่วนตัว
นอกจากนี้ เรายังแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาแบบดิจิทัลอีกด้วย เมื่อคุณเยี่ยมชม เว็บไซต์หรือใช้แอป ที่ต้องการแสดงโฆษณาแก่คุณ ทรัพย์สิน ดิจิทัล อาจอนุญาตให้ Microsoft เข้าถึงหรือรับข้อมูลอุปกรณ์หรือข้อมูลอื่นๆ บางอย่างที่ระบุใน ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวม ข้างต้น จากนั้นเราอาจแบ่งปันข้อมูลนี้กับแพลตฟอร์มโฆษณาและผู้ลงโฆษณาบุคคลที่สามเพื่ออำนวยความสะดวกในการแสดงและการวัดผลโฆษณาในทรัพย์สินดิจิทัลดังกล่าว โปรดดูหัวข้อการโฆษณาและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในรัฐของสหรัฐอเมริกาด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ข้อมูลของคุณถูกนำมาใช้เพื่อการโฆษณา
นอกจากนี้ เรายังแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทในเครือและบริษัทสาขาที่ Microsoft ควบคุมอีกด้วย และเรายังแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้จำหน่ายหรือตัวแทนที่ทำงานในนามของเราเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่อธิบายไว้ในคำชี้แจงนี้ ตัวอย่างเช่น บริษัทที่เราจ้างมาเพื่อให้การสนับสนุนบริการลูกค้าหรือช่วยปกป้องและรักษาความปลอดภัยให้บริการและระบบของเรานั้นอาจจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้การทำงานดังกล่าว ในกรณีดังกล่าว บริษัทเหล่านี้จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของข้อมูลของเรา และไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่พวกเขาได้รับจากเราไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด เรายังอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรมขององค์กร เช่น การควบรวมกิจการหรือการจำหน่ายสินทรัพย์
และประการสุดท้าย เราจะรักษา เข้าถึง โอนถ่าย เปิดเผย และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งเนื้อหาของคุณ (เช่น เนื้อหาของอีเมลของคุณใน Outlook.com หรือไฟล์ในโฟลเดอร์ส่วนตัวบน OneDrive) เมื่อเรามีความเชื่อโดยสุจริตว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อไปนี้:
- เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือตอบสนองต่อกระบวนการทางกฎหมายที่ถูกต้อง รวมทั้งจากการบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ
- ปกป้องความปลอดภัยของลูกค้า องค์กร และสาธารณชนของเรา เช่น เพื่อป้องกันสแปมหรือพยายามหลอกลวงหรือก่อให้เกิดอันตราย หรือเพื่อตรวจหา ป้องกัน และต่อต้านพฤติกรรมที่เป็นอันตรายหรือผิดกฎหมาย รวมถึงการสร้างและการแชร์เนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือผิดกฎหมาย
- เพื่อดำเนินการและรักษาความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงป้องกันหรือหยุดยั้งการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายของเรา
- ป้องกันสิทธิ์หรือคุณสมบัติของ Microsoft รวมถึงบังคับใช้ข้อกำหนดที่ควบคุมการใช้บริการ อย่างไรก็ตามหากเราได้รับข้อมูลที่ระบุว่ามีบางคนกำลังใช้บริการของเราเพื่อส่งข้อมูลทรัพย์สินลิขสิทธิ์ทางปัญหาหรือกายภาพของ Microsoft เราจะไม่ตรวจสอบเนื้อหาความเป็นส่วนตัวของลูกค้าเอง แต่เราอาจอ้างอิงเรื่องนี้ไปยังฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่เราเปิดเผยตามคำขอของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายหรือหน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ โปรดดู รายงานการร้องขอสำหรับการบังคับใช้กฎหมายของเรา
โปรดทราบว่าผลิตภัณฑ์บางส่วนของเราอาจมีลิงก์ไปยังหรือให้คุณสามารถเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่นที่มีวิธีปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวแตกต่างจากของ Microsoft ถ้าคุณให้ข้อมูลส่วนตัวกับผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ข้อมูลของคุณจะได้รับการควบคุมภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
วิธีเข้าถึงและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการรวบรวมและการใช้งานข้อมูลของคุณของ Microsoft ได้อีกด้วย คุณสามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ Microsoft ได้รับและใช้สิทธิ์ในการปกป้องข้อมูลของคุณ โดยการติดต่อ Microsoft หรือโดยใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เรามีให้ ในบางกรณี ความสามารถในการเข้าถึงหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะถูกจำกัดตามที่จำเป็นหรือได้รับอนุญาตโดยกฎหมายที่บังคับใช้ วิธีที่คุณสามารถเข้าถึงหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ด้วย ตัวอย่าง เช่น คุณสามารถ:
- ควบคุมการใช้ข้อมูลของคุณสำหรับโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวจาก Microsoft ซึ่งรวมถึง Xandr โดยการไปที่ หน้าการเลือกไม่รับของเรา
- เลือกว่าคุณต้องการรับอีเมลส่งเสริมการขาย ข้อความ SMS การติดต่อทางโทรศัพท์และจดหมายทางไปรษณีย์จาก Microsoft หรือไม่ได้ตลอดเวลา
- เข้าถึงและล้างข้อมูลบางส่วนของคุณผ่าน แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft
เฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างที่ Microsoft ประมวลผลเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงหรือควบคุมผ่านเครื่องมือข้างต้น หากคุณต้องการเข้าถึงหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ Microsoft ประมวลผลซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้โดยใช้เครื่องมือข้างต้นหรือผ่านทางผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่คุณใช้โดยตรง คุณสามารถติดต่อ Microsoft ได้ตลอดเวลาตามที่อยู่ในหัวข้อ วิธีการติดต่อเรา หรือโดยใช้ แบบฟอร์มบนเว็บของเรา
เราจัดทำเมตริกรวมเกี่ยวกับคำขอของผู้ใช้ในการใช้สิทธิ์การปกป้องข้อมูลของตนเองผ่านทาง รายงานความเป็นส่วนตัวของ Microsoft
นอกจากนี้ คุณยังสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการรวบรวมและการใช้งานข้อมูลของคุณของ Microsoft ได้อีกด้วย คุณสามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ Microsoft ได้รับและใช้สิทธิ์ในการปกป้องข้อมูลของคุณ โดยการติดต่อ Microsoft หรือโดยใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เรามีให้ ในบางกรณี ความสามารถในการเข้าถึงหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะถูกจำกัดตามที่จำเป็นหรือได้รับอนุญาตโดยกฎหมายที่บังคับใช้ วิธีที่คุณสามารถเข้าถึงหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ด้วย ตัวอย่าง เช่น คุณสามารถ:
- ควบคุมการใช้ข้อมูลของคุณสําหรับโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวจาก Microsoft โดยไปที่หน้า เลือกไม่รับของเรา
- เลือกว่าคุณต้องการรับอีเมลส่งเสริมการขาย ข้อความ SMS การติดต่อทางโทรศัพท์และจดหมายทางไปรษณีย์จาก Microsoft หรือไม่ได้ตลอดเวลา
- เข้าถึงและล้างข้อมูลบางส่วนของคุณผ่าน แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft
เฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างที่ Microsoft ประมวลผลเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงหรือควบคุมผ่านเครื่องมือข้างต้น หากคุณต้องการเข้าถึงหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ Microsoft ประมวลผลซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้โดยใช้เครื่องมือข้างต้นหรือผ่านทางผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่คุณใช้โดยตรง คุณสามารถติดต่อ Microsoft ได้ตลอดเวลาตามที่อยู่ในหัวข้อ วิธีการติดต่อเรา หรือโดยใช้ แบบฟอร์มบนเว็บของเรา
เราจัดทำเมตริกรวมเกี่ยวกับคำขอของผู้ใช้ในการใช้สิทธิ์การปกป้องข้อมูลของตนเองผ่านทาง รายงานความเป็นส่วนตัวของ Microsoft
คุณสามารถเข้าถึงและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ Microsoft ได้รับด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่ Microsoft มีให้คุณ ตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง หรือโดยติดต่อ Microsoft ตัวอย่างเช่น:
- หาก Microsoft ได้รับความยินยอมจากคุณเพื่อใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ คุณสามารถยกเลิกการยินยอมดังกล่าวได้ตลอดเวลา
- คุณสามารถร้องขอการเข้าถึง การลบ และการอัปเดตข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
- หากคุณต้องการย้ายข้อมูลของคุณไปที่อื่น คุณสามารถใช้เครื่องมือที่ Microsoft มีให้เพื่อดำเนินการดังกล่าว หรือหากไม่มีเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ คุณสามารถติดต่อ Microsoft เพื่อขอรับความช่วยเหลือ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถคัดค้านหรือจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณของ Microsoft ได้ด้วย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถคัดค้านการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้ตลอดเวลา:
- สำหรับวัตถุประสงค์ด้านการตลาดโดยตรง
- ในกรณีที่เรากำลังดำเนินงานเพื่อสาธารณะประโยชน์หรือแสวงหาผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือของบุคคลที่สาม
คุณอาจมีสิทธิ์เหล่านี้ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้ รวมถึงกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) แต่เรานำเสนอโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งที่ตั้งของคุณ ในบางกรณี ความสามารถในการเข้าถึงหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะถูกจำกัดตามที่จำเป็นหรือได้รับอนุญาตโดยกฎหมายที่บังคับใช้
ถ้าองค์กรของคุณ เช่น นายจ้าง โรงเรียน หรือผู้ให้บริการ ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงและบริหารจัดการการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ให้ติดต่อองค์กรของคุณเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึง และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
คุณสามารถเข้าถึงและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ Microsoft ได้รับและใช้สิทธิ์ในการปกป้องข้อมูลของคุณโดยการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เรามีให้ เครื่องมือที่เป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับคุณจะขึ้นอยู่กับการโต้ตอบของเรากับคุณและการใช้งานของผลิตภัณฑ์ของเรา ต่อไปนี้เป็นรายการทั่วไปของเครื่องมือที่เรามีให้เพื่อช่วยให้คุณสามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงอาจมีการควบคุมเพิ่มเติม
- Bing หากคุณลงชื่อเข้าใช้ Bing คุณสามารถดูและล้างประวัติการค้นหาและการแชทที่จัดเก็บไว้บน แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัวของคุณได้ หากคุณไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ Bing คุณสามารถดูและล้างประวัติการค้นหาที่จัดเก็บไว้ซึ่งเชื่อมโยงกับอุปกรณ์ของคุณใน การตั้งค่า Bing ของคุณได้
- บัญชี Microsoft หากคุณต้องการเข้าถึง แก้ไข หรือลบข้อมูลโปรไฟล์และข้อมูลการชำระเงินในบัญชี Microsoft ของคุณ เปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน เพิ่มข้อมูลการรักษาความปลอดภัย หรือปิดบัญชีของคุณ คุณสามารถทำได้โดยการไปที่ เว็บไซต์บัญชี Microsoft
- หากคุณมีโปรไฟล์สาธารณะของ Microsoft Developer Network (MSDN) คุณสามารถเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลของคุณได้โดยการลงชื่อเข้าใช้ที่ ฟอรั่มของ MSDN
- แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft คุณสามารถควบคุมข้อมูลบางอย่างที่ Microsoft ประมวลผลได้ผ่านการใช้บัญชี Microsoft ของคุณบน แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft ตัวอย่างเช่น จากที่นี่ คุณสามารถดูและล้างข้อมูลการเรียกดู การค้นหา และตำแหน่งที่ตั้งที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Microsoft ของคุณ
- Microsoft Store. คุณสามารถเข้าถึงโปรไฟล์ Microsoft Store และข้อมูลบัญชีของคุณได้โดยไปที่ Microsoft Store และเลือก ดูบัญชี หรือ ประวัติการสั่งซื้อ
- Microsoft Teams สำหรับการใช้งานส่วนบุคคล คุณสามารถค้นหาวิธีการส่งออกหรือลบข้อมูล Teams ที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลของคุณได้โดยการไปที่ หน้านี้
- OneDrive คุณสามารถดู ดาวน์โหลด และลบไฟล์และรูปถ่ายของคุณใน OneDrive ได้โดยการลงชื่อเข้าใช้ OneDriveของคุณ
- Outlook.com คุณสามารถดาวน์โหลดอีเมลของคุณใน Outlook.com โดยการลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณและนําทางไปยังการตั้งค่า ความเป็นส่วนตัวและข้อมูล ของคุณ
- Skype หากคุณต้องการเข้าถึง แก้ไข หรือลบโปรไฟล์และข้อมูลการชําระเงินบางอย่างสําหรับ Skype หรือเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านของคุณ โปรด ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณ หากคุณต้องการส่งออกประวัติการแชท Skype และไฟล์ที่แบ่งปันบน Skype คุณสามารถ ร้องขอสําเนาได้
- Volume Licensing Service Center (VLSC) หากคุณเป็นลูกค้า Volume Licensing คุณสามารถควบคุมข้อมูลที่ติดต่อและการสมัครใช้งานและข้อมูลการให้สิทธิการใช้งานของคุณได้ในที่เดียวโดยการไปที่ เว็บไซต์ Volume Licensing Service Center
- Xbox ถ้าคุณใช้งานเครือข่าย Xbox หรือ Xbox.com คุณสามารถดูหรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ รวมทั้งข้อมูลบัญชีและการเรียกเก็บเงิน การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และการกำหนดลักษณะความปลอดภัยออนไลน์และการแบ่งปันข้อมูล ด้วยการเข้าไปที่ Xbox ของฉัน บนคอนโซล Xbox หรือบนเว็บไซต์ Xbox.com
เฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างที่ Microsoft ประมวลผลเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงหรือควบคุมผ่านเครื่องมือข้างต้น หากคุณต้องการเข้าถึงหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ Microsoft ประมวลผลซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้โดยใช้เครื่องมือข้างต้นหรือผ่านทางผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่คุณใช้โดยตรง คุณสามารถติดต่อ Microsoft ได้ตลอดเวลาตามที่อยู่ในหัวข้อ วิธีการติดต่อเรา หรือโดยใช้ แบบฟอร์มบนเว็บของเรา เราจะตอบกลับคำขอเพื่อควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามที่กฎหมายกำหนด
การกำหนดลักษณะการติดต่อสื่อสารของคุณ
คุณสามารถเลือกได้ว่าคุณต้องการรับการติดต่อสื่อสารสำหรับการส่งเสริมการขายจาก Microsoft ทางอีเมล SMS จดหมาย และโทรศัพท์หรือไม่ ถ้าคุณได้รับข้อความอีเมลส่งเสริมการขายหรือข้อความ SMS จากเรา และไม่อยากได้รับอีกในอนาคต คุณสามารถทำได้ด้วยการทำตามขั้นตอนในข้อความนั้น คุณยังสามารถตัดสินใจเลือกการรับอีเมล โทรศัพท์ และไปรษณีย์เพื่อส่งเสริมการขายได้โดยการลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลของคุณและดู สิทธิ์ในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งคุณสามารถอัปเดตข้อมูลที่ติดต่อ, จัดการการกำหนดลักษณะข้อมูลที่ติดต่อทั่วทั้ง Microsoft, ปฏิเสธเข้าร่วมการสมัครรับข้อมูลทางอีเมล และเลือกว่าจะแบ่งปันข้อมูลที่ติดต่อของคุณกับคู่ค้าของ Microsoft หรือไม่ ถ้าคุณไม่มีบัญชี Microsoft ส่วนบุคคล คุณสามารถจัดการการกำหนดลักษณะที่ติดต่อทางอีเมลของ Microsoft ของคุณโดยใช้ ฟอร์มเว็บนี้ ตัวเลือกเหล่านี้จะไม่นำไปใช้กับบริการการติดต่อสื่อสารบังคับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ โปรแกรม กิจกรรมของ Microsoft บางส่วน หรือเพื่อทำการสำรวจหรือการติดต่อสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลอื่นๆ ที่มีวิธีการยกเลิกการสมัครใช้งานอยู่แล้ว
ทางเลือกในการรับโฆษณาของคุณ
หากต้องการเลือกไม่รับโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวจาก Microsoft รวมถึง Xandr โปรดไปที่หน้า การเลือกไม่รับของเรา เมื่อคุณเลือกที่จะปฏิเสธเข้าร่วม การตั้งค่าของคุณจะถูกเก็บไว้ในคุกกี้ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเว็บเบราว์เซอร์ที่คุณใช้อยู่ คุกกี้การปฏิเสธเข้าร่วมนี้จะหมดอายุในห้าปี ถ้าคุณลบคุกกี้ในอุปกรณ์ของคุณ คุณต้องปฏิเสธการเข้าร่วมใหม่อีกครั้ง
คุณยังสามารถเชื่อมโยงตัวเลือกการปฏิเสธเข้าร่วมนี้เข้ากับบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลของคุณได้ด้วย การเชื่อมโยงดังกล่าวจะนำไปใช้ในอุปกรณ์ที่คุณใช้บัญชีนั้น และจะมีผลใช้งานไปจนกว่าจะมีใครลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลบัญชีอื่นในอุปกรณ์เครื่องนั้น ถ้าคุณลบคุกกี้ในอุปกรณ์ของคุณ คุณจะต้องลงชื่อเข้าใช้ใหม่อีกครั้งเพื่อให้การตั้งค่านี้มีผลใช้งานได้ คุณสามารถดู คู่ค้าด้านโฆษณาบุคคลที่สามของเรา ได้ที่ ประกาศเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในรัฐของสหรัฐอเมริกา และปฏิเสธเข้าร่วมการแบ่งปันข้อมูลกับบุคคลที่สามได้ที่หน้าการเลือกไม่รับของเรา
สำหรับโฆษณาที่ Microsoft ควบคุมที่ปรากฏในแอปบน Windows คุณสามารถใช้ตัวเลือกการปฏิเสธเข้าร่วมที่เชื่อมโยงกับบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลของคุณ หรือปฏิเสธไม่รับโฆษณาที่อิงตามความสนใจโดยการปิดรหัสโฆษณาในการตั้งค่า Window
เนื่องจากข้อมูลที่ใช้สำหรับโฆษณาที่อิงตามความสนใจจะนำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์ที่จำเป็นอื่นๆ ด้วย (รวมทั้งการให้บริการผลิตภัณฑ์ของเรา การวิเคราะห์ และการตรวจสอบการฉ้อโกง) การปฏิเสธไม่รับโฆษณาที่อิงตามความสนใจไม่ได้เป็นการหยุดการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว คุณจะยังคงได้รับโฆษณา แม้ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคุณน้อยลง
คุณสามารถเลิกรับโฆษณาตามความสนใจจากบุคคลภายนอกที่เราเป็นคู่ค้าด้วยโดยไปที่ไซต์ของบริษัทดังกล่าว (ดูข้างต้น)
การควบคุมบนเบราว์เซอร์
เมื่อคุณใช้เบราว์เซอร์ คุณสามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณโดยใช้ฟีเจอร์บางอย่าง ตัวอย่างเช่น:
- การควบคุมคุกกี้ คุณสามารถควบคุมข้อมูลที่จัดเก็บไว้โดยคุกกี้ และยกเลิกการยินยอมใช้งานคุกกี้โดยใช้การควบคุมคุกกี้บนเบราว์เซอร์ตามที่อธิบายไว้ในหัวข้อ คุกกี้ ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
- การป้องกันการติดตาม คุณสามารถควบคุมข้อมูลที่ไซต์ของบริษัทภายนอกสามารถเก็บรวบรวมเกี่ยวกับคุณโดยใช้การป้องกันการติดตามใน Internet Explorer (เวอร์ชัน 9 และสูงกว่า) และ Microsoft Edge ได้ ฟีเจอร์นี้จะบล็อกเนื้อหาของบุคคลที่สาม รวมทั้งคุกกี้ จากเว็บไซต์ใดๆ ที่แสดงอยู่ในรายการการป้องกันการติดตามที่คุณเพิ่ม
- การควบคุมเบราว์เซอร์สำหรับ"ฟีเจอร์ไม่ต้องติดตาม" เบราว์เซอร์บางส่วนได้รวมฟีเจอร์"ไม่ต้องติดตาม" (DNT) ที่สามารถส่งสัญญาณไปยังเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมได้ โดยระบุว่าคุณไม่ต้องการให้มีการติดตาม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังไม่มีความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการตีความสัญญาณ DNT บริการของ Microsoft จึงไม่ได้ตอบสนองใดๆ ต่อสัญญาณ DNT เราจะดำเนินการร่วมกันภายในวงการออนไลน์ต่อไปเพื่อกำหนดความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการกับสัญญาณ DNT ในระหว่างนี้ คุณสามารถใช้เครื่องมืออื่นๆ อีกหลากหลายที่เราให้ไว้ เพื่อควบคุมการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูล รวมทั้งความสามารถในการปฏิเสธเข้าร่วมรับโฆษณาที่อิงตามความสนใจจาก Microsoft ตามที่ได้อธิบายไว้ด้านบน
คุกกี้และเทคโนโลยีที่คล้ายกัน
คุกกี้คือไฟล์ข้อความขนาดเล็กที่อยู่ในอุปกรณ์ของคุณเพื่อจัดเก็บข้อมูลที่สามารถเรียกดูอีกครั้งโดยเว็บเซิร์ฟเวอร์ในโดเมนที่จัดเก็บคุกกี้ไว้ เราใช้คุกกี้และเทคโนโลยีที่คล้ายกันสำหรับการจัดเก็บและให้ความสำคัญกับการกำหนดลักษณะและการตั้งค่าของคุณ ซึ่งช่วยคุณในการลงชื่อเข้าใช้ นำเสนอโฆษณาที่อิงตามความสนใจ ต่อสู้กับการฉ้อโกง วิเคราะห์การทำงานของผลิตภัณฑ์ และดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ แอปของ Microsoft ใช้ตัวระบุเพิ่มเติมเพื่อวัตถุประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน เช่น รหัสโฆษณาใน Windows ที่อธิบายไว้ในส่วนรหัสโฆษณาของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
นอกจากนี้ เรายังใช้ “เว็บบีคอน” เพื่อช่วยส่งคุกกี้และรวบรวมข้อมูลการใช้งานและประสิทธิภาพการทำงาน เว็บไซต์ของเราอาจรวมถึงเว็บบีคอน คุกกี้ หรือเทคโนโลยีที่คล้ายกันจากบริษัทในเครือและคู่ค้าของ Microsoft รวมถึงบริษัทภายนอก เช่น ผู้ให้บริการที่ดําเนินการในนามของเรา
คุกกี้ของบริษัทภายนอกอาจรวมถึง: คุกกี้สื่อสังคมที่ออกแบบมาเพื่อแสดงโฆษณาและเนื้อหาตามโปรไฟล์สื่อสังคมและกิจกรรมของคุณในเว็บไซต์ของเรา คุกกี้การวิเคราะห์ที่จะทำให้เข้าใจวิธีที่คุณและผู้อื่นใช้เว็บไซต์ของเราได้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ และเพื่อให้บริษัทภายนอกสามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของตนเองได้ คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคุณ และคุกกี้ที่จําเป็นที่ใช้เพื่อดําเนินการฟังก์ชันเว็บไซต์ที่สำคัญ หากจําเป็น เราขอความยินยอมจากคุณก่อนที่จะวางหรือใช้คุกกี้เพิ่มเติมที่ไม่มี (i) ความจำเป็นอย่างเคร่งครัดในการให้เว็บไซต์ หรือ (ii) เพื่อวัตถุประสงค์ในการอํานวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร
โปรดดูส่วนเรียนรู้เพิ่มเติมด้านล่างสําหรับข้อมูลเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของบริษัทภายนอก เว็บบีคอน และบริการของการวิเคราะห์ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายกันในเว็บไซต์และบริการของเรา สําหรับรายชื่อของบริษัทภายนอกที่ตั้งค่าคุกกี้บนเว็บไซต์ของเรา รวมถึงผู้ให้บริการที่ดำเนินการในนามของเรา โปรดไปที่คลังข้อมูลคุกกี้ของบริษัทภายนอกของเรา ในบางเว็บไซต์ของเรา รายการของบริษัทภายนอกจะพร้อมใช้งานบนไซต์โดยตรง บริษัทภายนอกบนไซต์เหล่านี้อาจไม่ได้รวมอยู่ในรายการบนคลังข้อมูลคุกกี้ของบริษัทภายนอกของเรา
คุณมีเครื่องมือในการควบคุมข้อมูลที่รวบรวมโดยคุกกี้ เว็บบีคอน และเทคโนโลยีที่คล้ายกันมากมาย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้การควบคุมในอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ของคุณเพื่อจำกัดว่าเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมสามารถใช้คุกกี้ได้อย่างไร และถอนการยินยอมของคุณโดยการลบ หรือบล็อกคุกกี้
คุกกี้คือไฟล์ข้อความขนาดเล็กที่อยู่ในอุปกรณ์ของคุณเพื่อจัดเก็บข้อมูลที่สามารถเรียกดูอีกครั้งโดยเว็บเซิร์ฟเวอร์ในโดเมนที่จัดเก็บคุกกี้ไว้ ข้อมูลนี้ส่วนมากจะประกอบด้วยชุดตัวอักษรและตัวเลขที่ระบุเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณโดยเฉพาะ แต่ก็อาจมีข้อมูลอื่นๆ ด้วยเช่นกัน คุกกี้บางตัวจะถูกวางโดยบริษัทภายนอกที่ทำหน้าที่ในนามของเรา เราใช้คุกกี้และเทคโนโลยีที่คล้ายกันเพื่อจัดเก็บและให้ความสำคัญกับการกำหนดลักษณะและการตั้งค่าของคุณ ซึ่งช่วยคุณในการลงชื่อเข้าใช้ นำเสนอโฆษณาที่อิงตามความสนใจ ต่อต้านการทุจริต วิเคราะห์การทำงานของผลิตภัณฑ์ และดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ แอป Microsoft ใช้ตัวระบุเพิ่มเติม เช่น รหัสโฆษณาใน Windows เพื่อวัตถุประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน และเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของเราจำนวนมากก็มีเว็บบีคอนหรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันได้ตามที่อธิบายไว้ด้านล่างนี้
วิธีการใช้งานคุกกี้และเทคโนโลยีที่คล้ายกัน
Microsoft ใช้คุกกี้และเทคโนโลยีที่คล้ายกันสำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ ขึ้นอยู่กับบริบทหรือผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง:
- การจัดเก็บการกำหนดลักษณะและการตั้งค่าของคุณ เราใช้คุกกี้เพื่อจัดเก็บการกำหนดลักษณะและการตั้งค่าบนอุปกรณ์ของคุณ และเพื่อส่งเสริมประสบการณ์การใช้งานของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใส่เมืองหรือรหัสไปรษณีย์ของคุณเพื่อรับข่าวสารในท้องถิ่นหรือข้อมูลสภาพอากาศบนเว็บไซต์ของ Microsoft เราจะจัดเก็บข้อมูลนั้นในคุกกี้เพื่อให้คุณเห็นข้อมูลในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเมื่อคุณกลับไปยังไซต์นั้น ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของคุณ การบันทึกการกำหนดลักษณะของคุณด้วยคุกกี้ เช่น ภาษาที่คุณต้องการ จะช่วยไม่ให้คุณต้องตั้งค่าการกำหนดลักษณะของคุณซ้ำๆ หากคุณเลิกรับโฆษณาตามความสนใจ เราจะจัดเก็บการกำหนดลักษณะการปฏิเสธโฆษณาของคุณไว้ในคุกกี้ในเครื่องของคุณ เช่นเดียวกัน ในสถานการณ์สมมติที่เราได้รับการยินยอมของคุณให้วางคุกกี้ในอุปกรณ์ของคุณ เราจะจัดเก็บตัวเลือกของคุณในคุกกี้
- การลงชื่อเข้าใช้และการรับรองความถูกต้อง เราใช้คุกกี้เพื่อรับรองความถูกต้องให้คุณ เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์ โดยใช้บัญชี Microsoft ส่วนตัวของคุณ เราจะจัดเก็บหมายเลขรหัสที่ไม่ซ้ำกัน และเวลาที่คุณลงชื่อเข้าใช้ไว้ในคุกกี้ที่เข้ารหัสในอุปกรณ์ของคุณ คุกกี้นี้จะยินยอมให้คุณย้ายจากเพจหนึ่งไปยังอีกเพจหนึ่งได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการลงชื่อเข้าระบบอีกในแต่ละเพจ คุณยังสามารถบันทึกข้อมูลการลงชื่อเข้าใช้ของคุณได้ เพื่อให้คุณไม่จำเป็นต้องลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้งที่คุณกลับมาที่ไซต์
- การรักษาความปลอดภัย เราใช้คุกกี้เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ช่วยให้เรารักษาความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ของเรา รวมทั้งตรวจจับการฉ้อโกงและการใช้งานในทางที่ผิด
- การจัดเก็บข้อมูลที่คุณระบุไว้กับเว็บไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อจดจำข้อมูลที่คุณแชร์ เมื่อคุณให้ข้อมูลกับ Microsoft ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเพิ่มผลิตภัณฑ์ลงในรถเข็นสินค้าบนเว็บไซต์ของ Microsoft เราจะจัดเก็บข้อมูลในคุกกี้เพื่อจดจำข้อมูล
- โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ของเราบางตัวมีคุกกี้สื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งส่วนที่ทำให้ผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าสู่ระบบสื่อสังคมออนไลน์สามารถแบ่งปันเนื้อหาผ่านบริการนั้นได้
- คำติชม Microsoft ใช้คุกกี้เพื่อแสดงคำติชมบนเว็บไซต์
- โฆษณาตามความสนใจ Microsoft ใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมกิจกรรมออนไลน์ของคุณ และระบุความสนใจของคุณเพื่อให้เราสามารถนำเสนอโฆษณาที่เหมาะกับคุณมากที่สุด คุณสามารถเลือกไม่รับโฆษณาตามความสนใจจาก Microsoft ได้ตามที่อธิบายไว้ในส่วน วิธีการเข้าถึงและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
- การแสดงโฆษณา Microsoft ใช้คุกกี้เพื่อบันทึกจํานวนผู้เยี่ยมชมที่คลิกบนโฆษณา ตัวอย่างเช่น บันทึกโฆษณาที่คุณเห็นเพื่อที่คุณจะได้ไม่เห็นโฆษณาเดียวกันซ้ำๆ
- การวิเคราะห์ เราใช้คุกกี้ตัวแรก และคุกกี้ของบริษัทภายนอก และตัวระบุอื่นๆ ในการรวบรวมข้อมูลการใช้งานและประสิทธิภาพการทำงาน ตัวอย่างเช่น เราใช้คุกกี้เพื่อนับจำนวนของผู้เข้าชมเฉพาะที่เข้ามายังหน้าเว็บหรือบริการ และเพื่อพัฒนาสถิติด้านอื่นๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติการของผลิตภัณฑ์ของเรา
- ประสิทธิภาพการทำงาน Microsoft ใช้คุกกี้เพื่อทำความเข้าใจและปรับปรุงวิธีการทำงานของผลิตภัณฑ์ของเรา ตัวอย่างเช่น เราใช้คุกกี้เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ช่วยในการปรับสมดุลการโหลด ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ของเรายังคงใช้งานได้
หากจําเป็น เราขอความยินยอมจากคุณก่อนที่จะวางหรือใช้คุกกี้เพิ่มเติมที่ไม่มี (i) ความจำเป็นอย่างเคร่งครัดในการให้เว็บไซต์ หรือ (ii) เพื่อวัตถุประสงค์ในการอํานวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร โปรดดูส่วน “วิธีการควบคุมคุกกี้” ด้านล่างสําหรับข้อมูลเพิ่มเติม
คุกกี้บางส่วนที่เราใช้บ่อยๆ แสดงอยู่ด้านล่างนี้ รายการนี้ยังไม่ครบถ้วน หากแต่มีเจตนาเพื่อแสดงจุดประสงค์หลักที่เราตั้งค่าคุกกี้โดยทั่วไป ถ้าคุณเข้าชมหนึ่งในเว็บไซต์ของเรา เว็บไซต์จะตั้งค่าคุกกี้บางส่วนหรือทั้งหมดดังต่อไปนี้:
- MSCC มีตัวเลือกผู้ใช้สำหรับคุณสมบัติของ Microsoft ส่วนใหญ่
- MUID, MC1, MSFPC และ MSPTC ระบุเบราว์เซอร์เฉพาะของเว็บเบราว์เซอร์ที่เยี่ยมชมไซต์ Microsoft คุกกี้เหล่านี้ใช้สำหรับการโฆษณา การวิเคราะห์เว็บไซต์ และวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิบัติงานอื่นๆ
- ANON ประกอบด้วย ANID ซึ่งเป็นรหัสเฉพาะที่ได้รับจากบัญชี Microsoft ของคุณ โดยจะใช้เพื่อการโฆษณา การตั้งค่าส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ยังใช้เพื่อเก็บรักษาข้อมูลที่คุณเลือกปฏิเสธการรับโฆษณาที่ยึดตามความสนใจจาก Microsoft เมื่อคุณเลือกปฏิเสธการรับโฆษณาด้วยบัญชี Microsoft ของคุณ
- CC ประกอบด้วยรหัสประเทศตามที่กำหนดจากที่อยู่ IP ของคุณ
- PPAuth, MSPAuth, MSNRPSAuth, KievRPSAuth, WLSSC, MSPProf ช่วยรับรองความถูกต้องให้คุณเมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ของคุณ
- MC0 ตรวจจับว่ามีการเปิดใช้งานคุกกี้ในเบราว์เซอร์หรือไม่
- MS0 ระบุเซสชันที่เฉพาะเจาะจง
- NAP ประกอบด้วยข้อมูลเข้ารหัสที่ประกอบด้วยข้อมูลประเทศ รหัสไปรษณีย์ อายุ เพศ ภาษาและอาชีพของคุณ หากข้อมูลนั้นเป็นที่ทราบอยู่แล้ว ตามโปรไฟล์ของบัญชี Microsoft ของคุณ
- MH จะปรากฏขึ้นในไซต์ของแบรนด์ร่วมที่ Microsoft เป็นคู่ค้ากับบริษัทโฆษณา คุกกี้นี้จะกำหนดผู้โฆษณา เพื่อให้สามารถเลือกโฆษณาที่เหมาะสม
- childinfo, kcdob, kcrelid, kcru, pcfm ประกอบด้วยข้อมูลที่บัญชี Microsoft ใช้ในหน้าที่เกี่ยวข้องกับบัญชีลูก
- MR Microsoft ใช้คุกกี้นี้เพื่อรีเซ็ตหรือรีเฟรชคุกกี้ MUID
- x-ms-gateway-slice ระบุเกตเวย์สำหรับการปรับสมดุลการโหลด
- TOptOut บันทึกการตัดสินใจของคุณที่จะไม่รับโฆษณาที่อ้างอิงตามความสนใจที่ Microsoft นำเสนอ ในกรณีที่จำเป็น เราจะวางคุกกี้นี้ตามค่าเริ่มต้นและจะนำออกเมื่อคุณยินยอมให้มีการโฆษณาที่อ้างอิงตามความสนใจ
- ApplicationGatewayAffinity และ ApplicationGatewayAffinityCORS คุกกี้เซสชันเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับสมดุลการโหลดและเพื่อให้แน่ใจว่าคําขอสําหรับเซสชันผู้ใช้จะได้รับการจัดการโดยเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน
นอกจากนี้ เราอาจใช้คุกกี้ของบริษัทในเครือ บริษัทและคู่ค้าอื่นๆ ของ Microsoft เช่น LinkedIn และ Xandr
คุกกี้ของบริษัทภายนอก
นอกเหนือจากคุกกี้ที่ Microsoft ตั้งค่าไว้เมื่อคุณเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา เรายังใช้คุกกี้จากบริษัทภายนอกเพื่อปรับปรุงบริการในไซต์ของเรา บริษัทภายนอกบางรายยังสามารถตั้งค่าคุกกี้เมื่อคุณเยี่ยมชมไซต์ของ Microsoft ตัวอย่างเช่น:
- บริษัทที่เราว่าจ้างเพื่อให้บริการในนามของเรา เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์ จะวางคุกกี้ไว้เมื่อคุณเยี่ยมชมไซต์ของเรา
- บริษัทที่มอบเนื้อหาในไซต์ของ Microsoft เช่น วิดีโอหรือข่าว หรือโฆษณา บริษัทดังกล่าวจะวางคุกกี้ด้วยตนเอง
บริษัทเหล่านี้จะใช้ข้อมูลที่มีการประมวลผลตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของพวกเขา ซึ่งอาจทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเก็บรวบรวม และรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของคุณบนเว็บไซต์ แอป หรือบริการออนไลน์ได้
ประเภทคุกกี้ของบริษัทภายนอกต่อไปนี้อาจถูกใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบท บริการหรือผลิตภัณฑ์ รวมถึงการตั้งค่าและสิทธิ์ของคุณ:
- คุกกี้โซเชียลมีเดีย เราและบริษัทภายนอกใช้คุกกี้โซเชียลมีเดียเพื่อแสดงโฆษณาและเนื้อหาตามโปรไฟล์โซเชียลมีเดียและกิจกรรมของคุณบนเว็บไซต์ของเรา พวกเขาใช้เชื่อมต่อกิจกรรมของคุณบนเว็บไซต์ของเรากับโปรไฟล์โซเชียลมีเดียของคุณเพื่อให้โฆษณาและเนื้อหาที่คุณเห็นในเว็บไซต์ของเราและบนโซเชียลมีเดียจะสะท้อนความสนใจของคุณได้ดียิ่งขึ้น
- คุกกี้การวิเคราะห์ เราอนุญาตให้บริษัทภายนอกใช้คุกกี้การวิเคราะห์เพื่อรับทราบถึงวิธีการที่คุณใช้เว็บไซต์ของเราเพื่อให้เราสามารถปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นได้ และบริษัทภายนอกสามารถพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตน ซึ่งอาจใช้บนเว็บไซต์ที่ Microsoft ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือผู้ดำเนินการ ตัวอย่างเช่น คุกกี้การวิเคราะห์จะถูกใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเพจที่คุณเยี่ยมชมและจํานวนการคลิกที่คุณต้องการเพื่อทํางานให้สําเร็จ คุกกี้เหล่านี้อาจใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณา
- คุกกี้โฆษณา เราและบริษัทภายนอกใช้คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาใหม่โดยการบันทึกโฆษณาที่คุณเคยเห็นแล้ว นอกจากนี้ยังใช้เพื่อติดตามว่าคุณคลิกหรือซื้อโฆษณาใดหลังจากคลิกที่โฆษณา เพื่อวัตถุประสงค์ในการชำระเงินและเพื่อแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคุณมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โฆษณาดังกล่าวจะถูกใช้เพื่อตรวจหาเมื่อคุณคลิกที่โฆษณาและแสดงโฆษณาตามความสนใจของโซเชียลมีเดียและประวัติการเข้าชมเว็บไซต์
- คุกกี้ที่ต้องใช้ เราใช้คุกกี้ที่ต้องใช้เพื่อทำงานที่สำคัญบนเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น เพื่อการเข้าสู่ระบบของคุณ บันทึกการกําหนดลักษณะภาษาของคุณ มอบประสบการณ์รถเข็นช้อปปิ้ง ปรับปรุงประสิทธิภาพการทํางาน กําหนดเส้นทางปริมาณการใช้งานระหว่างเว็บเซิร์ฟเวอร์ ตรวจหาขนาดหน้าจอของคุณ กําหนดเวลาการโหลดหน้า และวัดผู้ชม คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ของเราในการทำงาน
หากจําเป็น เราขอความยินยอมจากคุณก่อนที่จะวางหรือใช้คุกกี้เพิ่มเติมที่ไม่มี (i) ความจำเป็นอย่างเคร่งครัดในการให้เว็บไซต์ หรือ (ii) เพื่อวัตถุประสงค์ในการอํานวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร
สําหรับรายชื่อของบริษัทภายนอกที่ตั้งค่าคุกกี้บนเว็บไซต์ของเรา รวมถึงผู้ให้บริการที่ดำเนินการในนามของเรา โปรดไปที่ คลังข้อมูลคุกกี้ของบริษัทภายนอกของเรา นอกจากนี้ คลังคุกกี้ของบริษัทภายนอกยังมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์หรือประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริษัทภายนอกเหล่านั้น โปรดดูที่เว็บไซต์หรือประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริษัทภายนอกสําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับคุกกี้ที่อาจตั้งค่าไว้ในเว็บไซต์ของเรา ในบางเว็บไซต์ของเรา รายการของบริษัทภายนอกจะพร้อมใช้งานบนไซต์โดยตรง บริษัทภายนอกบนไซต์เหล่านี้อาจไม่ได้รวมอยู่ในรายการบน คลังข้อมูลคุกกี้ของบริษัทภายนอกของเรา
วิธีควบคุมคุกกี้
เว็บเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่ยอมรับคุกกี้โดยอัตโนมัติแต่จะให้การควบคุมที่อนุญาตให้คุณบล็อกหรือลบคุกกี้เหล่านั้นได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถบล็อกหรือลบคุกกี้ใน Microsoft Edge ได้โดยการเลือก การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและบริการ > ล้างข้อมูลการเรียกดู > คุกกี้และข้อมูลไซต์อื่นๆ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการลบคุกกี้ของคุณในเบราว์เซอร์ของ Microsoft โปรดดูที่ Microsoft Edge, Microsoft Edge รุ่นดั้งเดิม หรือ Internet Explorer ถ้าคุณใช้เบราว์เซอร์อื่น ดูที่คำแนะนำของเบราว์เซอร์ดังกล่าว
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อจำเป็น เราขอความยินยอมจากคุณก่อนที่จะวางหรือใช้คุกกี้เพิ่มเติมที่ไม่มี (i) ความจำเป็นอย่างเคร่งครัดในการให้เว็บไซต์ หรือ (ii) เพื่อวัตถุประสงค์ในการอํานวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร เราจะแยกคุกกี้เพิ่มเติมเหล่านี้ตามวัตถุประสงค์ เช่น สำหรับวัตถุประสงค์ในการโฆษณาและสื่อทางสังคม คุณอาจยินยอมคุกกี้้บางประเภทเพิ่มเติมและไม่ยินยอมประเภทอื่น นอกจากนี้คุณยังสามารถปรับเปลี่ยนตัวเลือกของคุณได้โดยการคลิก "จัดการคุกกี้" ในส่วนท้ายของเว็บไซต์หรือผ่านการตั้งค่าที่มีให้ใช้งานบนเว็บไซต์ ฟีเจอร์บางอย่างของผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ขึ้นอยู่กับคุกกี้ หากคุณเลือกที่จะบล็อกคุกกี้ คุณจะไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้หรือใช้ฟีเจอร์บางอย่างเหล่านั้นได้ และการกำหนดลักษณะที่ขึ้นอยู่กับคุกกี้นั้นจะหายไป หากคุณเลือกลบคุกกี้ การตั้งค่าและการกำหนดลักษณะที่ควบคุมโดยคุกกี้เหล่านี้ รวมทั้งการกำหนดลักษณะโฆษณาจะถูกลบและอาจจำเป็นต้องได้รับการสร้างขึ้นใหม่
การควบคุมความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมที่อาจส่งผลกระทบต่อคุกกี้ รวมถึงฟีเจอร์การป้องกันการติดตามของเบราว์เซอร์ Microsoft มีคำอธิบายในส่วน วิธีการเข้าถึงและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
การใช้งานเว็บบีคอนและบริการการวิเคราะห์ของเรา
เว็บเพจของ Microsoft บางเพจอาจประกอบด้วยแท็กอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกกันว่า เว็บบีคอน ซึ่งเราใช้เพื่อช่วยส่งคุกกี้ไปยังเว็บไซต์ของเรา นับจำนวนผู้ใช้ที่เข้าชมเว็บไซต์เหล่านั้น และให้บริการผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ร่วมได้ เรายังรวมเว็บบีคอน หรือเทคโนโลยีที่คล้ายกันนี้ไว้ในการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ของเราอีกด้วย เพื่อกำหนดว่าคุณเปิดและดำเนินการกับข้อความเหล่านั้นหรือไม่
นอกเหนือจากการวางเว็บบีคอนไว้บนเว็บไซต์ของเราเองแล้ว บางครั้งเรายังทำงานร่วมกับบริษัทอื่นๆ เพื่อวางเว็บบีคอนของเราบนเว็บไซต์หรือในโฆษณาของพวกเขา ซึ่งช่วยให้เราพัฒนาสถิติว่าต้องคลิกบนโฆษณาในเว็บไซต์ของ Microsoft บ่อยแค่ไหน เป็นต้น จึงมีผลกับการซื้อหรือการดำเนินการอื่นๆ บนเว็บไซต์ของผู้โฆษณา นอกจากนี้ยังช่วยให้เราสามารถเข้าใจกิจกรรมของคุณบนเว็บไซต์ของคู่ค้าของ Microsoft ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานของผลิตภัณฑ์หรือบริการของ Microsoft ด้วย
ท้ายที่สุด ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft มักจะประกอบด้วยเว็บบีคอนหรือเทคโนโลยีที่คล้ายๆ กันจากผู้ให้บริการทางการวิเคราะห์รายอื่น ซึ่งช่วยให้เรารวมสถิติที่แท้จริงเกี่ยวกับประสิทธิภาพในแคมเปญส่งเสริมการขายของเราหรือการปฏิบัติการอื่นๆ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการวิเคราะห์สามารถตั้งค่าและอ่านคุกกี้หรือตัวระบุอื่นๆ ของตนบนอุปกรณ์ของคุณได้ ซึ่งผู้ให้บริการดังกล่าวสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ของคุณทั่วทั้งแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม เราห้ามมิให้ผู้ให้บริการทางการวิเคราะห์ใช้เว็บบีคอนในเว็บไซต์ของเราเพื่อเก็บรวบรวมหรือเข้าถึงข้อมูลที่สามารถระบุโดยตรงว่าคุณเป็นใคร (เช่น ชื่อหรืออีเมลแอดเดรสของคุณ) คุณสามารถเลือกที่จะไม่ให้มีการรวบรวมหรือการใช้ข้อมูลโดยผู้ให้บริการวิเคราะห์เหล่านี้บางรายได้โดยการไปที่ไซต์ใดไซต์หนึ่งต่อไปนี้: Adjust, AppsFlyer, Clicktale, Flurry Analytics, Google Analytics (คุณต้องติดตั้งโปรแกรมเสริมของเบราว์เซอร์), Kissmetrics, Mixpanel, Nielsen, Acuity Ads, WebTrends หรือ Optimizely
เทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายกัน
นอกเหนือจากคุกกี้และเว็บบีคอนมาตรฐานแล้ว ผลิตภัณฑ์ของเรายังสามารถใช้เทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายกันในการจัดเก็บและอ่านไฟล์ข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งโดยปกติแล้วทำไว้เพื่อรักษาการกำหนดฟีเจอร์ของคุณหรือเพื่อปรับปรุงความเร็วและประสิทธิภาพการทำงานด้วยการจัดเก็บไฟล์บางไฟล์ลงในเครื่อง แต่ก็เหมือนกับคุกกี้มาตรฐานทั่วไป เทคโนโลยีเหล่านี้ยังสามารถจัดเก็บตัวระบุเฉพาะสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งสามารถใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมได้ เทคโนโลยีเหล่านี้รวมถึง Local Shared Objects (หรือ"คุกกี้ของ Flash") และ Silverlight Application Storage
Local Shared Objects หรือ"คุกกี้ของ Flash" เว็บไซต์ที่ใช้เทคโนโลยี Adobe Flash สามารถใช้ Local Shared Objects หรือ"คุกกี้ของ Flash" เพื่อจัดเก็บข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ของคุณได้ หากต้องการเรียนรู้วิธีการจัดการหรือบล็อกคุกกี้ของ Flash โปรดไปที่ หน้าความช่วยเหลือเกี่ยวกับ Flash Player
Silverlight Application Storage เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานเทคโนโลยี Microsoft Silverlight ยังมีความสามารถที่จะจัดเก็บข้อมูลด้วยการใช้ Silverlight Application Storage หากต้องการเรียนรู้วิธีการจัดการหรือบล็อกที่เก็บข้อมูลดังกล่าว โปรดดูที่ส่วน Silverlight ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ผลิตภัณฑ์ที่จัดหาโดยองค์กรของคุณและคำชี้แจงถึงผู้ใช้
ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft โดยใช้บัญชีที่องค์กรของคุณจัดหามาให้ เช่น บัญชีที่ทำงานหรือโรงเรียนของคุณ องค์กรดังกล่าวสามารถ:
- ควบคุมและจัดการผลิตภัณฑ์ของ Microsoft และบัญชีผลิตภัณฑ์ รวมถึงการควบคุมการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของผลิตภัณฑ์หรือบัญชีผลิตภัณฑ์
- เข้าถึงและประมวลผลข้อมูลของคุณ เช่น ข้อมูลการโต้ตอบ ข้อมูลการวินิจฉัย และเนื้อหาการติดต่อสื่อสารและไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ Microsoft และบัญชีผลิตภัณฑ์
หากคุณไม่สามารถเข้าถึงบัญชีที่ทำงานหรือที่โรงเรียนของคุณ (ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน) คุณอาจไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่คุณได้รับในนามของคุณเอง หากคุณใช้บัญชีที่ทำงานหรือที่โรงเรียนเพื่อลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft มากมายมีไว้สำหรับการใช้งานโดยองค์กรต่างๆ เช่น โรงเรียนและธุรกิจ โปรดดูส่วน ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนา ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ถ้าองค์กรของคุณให้คุณสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Microsoft ได้ การใช้งานผลิตภัณฑ์ Microsoft ของคุณจะอยู่ภายใต้นโยบายขององค์กรของคุณ หากมี คุณควรสอบถามความเป็นส่วนตัวของคุณโดยตรง รวมทั้งคำขอใดๆ เพื่อใช้สิทธิ์ในการปกป้องข้อมูลของคุณ ไปยังผู้ดูแลระบบขององค์กรของคุณ เมื่อคุณใช้ฟีเจอร์สังคมออนไลน์ในผลิตภัณฑ์ Microsoft ผู้ใช้รายอื่นในเครือข่ายของคุณอาจมองเห็นกิจกรรมบางอย่างของคุณ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะสังคมออนไลน์และการทำงานอื่นๆ โปรดตรวจสอบเอกสารประกอบหรือเนื้อหาวิธีใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ Microsoft นั้น Microsoft ไม่ได้รับผิดชอบข้อปฏิบัติในด้านความเป็นส่วนตัวหรือการรักษาความปลอดภัยของลูกค้าของเรา ซึ่งอาจแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัว
เมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์ Microsoft ที่จัดหาโดยองค์กรของคุณ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของ Microsoft ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นั้นจะอยู่ภายใต้สัญญาระหว่าง Microsoft และองค์กรของคุณ Microsoft จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับองค์กรของคุณและคุณ และในบางกรณี สำหรับการดำเนินธุรกิจของ Microsoft ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาผลิตภัณฑ์ตามที่อธิบายไว้ในส่วน ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนา ตามที่กล่าวถึงข้างต้น หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของ Microsoft ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับองค์กรของคุณ โปรดติดต่อองค์กรของคุณ ถ้าคุณมีคำถามเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ Microsoft เกี่ยวกับการจัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับองค์กรของคุณตามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ โปรดติดต่อ Microsoft ตามที่อธิบายไว้ในส่วน วิธีติดต่อเรา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของเรา โปรดดูส่วน ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนา
สำหรับผลิตภัณฑ์ Microsoft รวมทั้ง Microsoft 365 Education ที่ให้บริการโดยโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาของคุณ Microsoft จะ
- ไม่รวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียนนอกเหนือจากที่จำเป็นต่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาหรือโรงเรียนที่ได้รับอนุญาต
- ไม่ขายหรือให้เช่าข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียน
- ไม่ใช้หรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียนเพื่อการโฆษณาหรือวัตถุประสงค์ทางการค้าที่คล้ายคลึงกัน เช่น การกำหนดเป้าหมายการโฆษณาตามพฤติกรรมของนักเรียน
- ไม่สร้างโปรไฟล์ส่วนตัวของนักเรียน นอกเหนือจากเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาหรือโรงเรียนที่ได้รับอนุญาต หรือตามที่ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือนักเรียนที่อยู่ในวัยที่เหมาะสม และ
- กำหนดให้ผู้จำหน่ายของเราที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียนเพื่อใช้มอบบริการเกี่ยวกับการศึกษา (ถ้ามี) จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อผูกมัดเดียวกันนี้สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียน
บัญชี Microsoft
คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Microsoft รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากคู่ค้าของ Microsoft บางรายได้ด้วยบัญชี Microsoft ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Microsoft ของคุณจะรวมถึงข้อมูลประจำตัว ชื่อ และข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลการชำระเงิน ข้อมูลอุปกรณ์และการใข้งาน ที่ติดต่อของคุณ ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของคุณ และสิ่งที่คุณสนใจและรายการโปรดของคุณ การลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Microsoft ของคุณสามารถเปิดใช้งานการตั้งค่าส่วนบุคคล และให้ประสบการณ์ใช้งานที่สม่ำเสมอในผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ อนุญาตให้คุณใช้ที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ ช่วยให้คุณชำระเงินโดยใช้เครื่องมือในการชำระเงินที่เก็บอยู่ในบัญชี Microsoft ของคุณ และเปิดใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ
มีบัญชี Microsoft อยู่สามประเภท:
- เมื่อคุณสร้างบัญชี Microsoft ของคุณเองที่เชื่อมโยงกับอีเมลแอดเดรสส่วนตัวของคุณ เราจะเรียกบัญชีดังกล่าวนั้นว่าเป็น บัญชี Microsoft ส่วนบุคคล
- เมื่อคุณหรือองค์กรของคุณ (เช่น นายจ้างหรือโรงเรียนของคุณ) สร้างบัญชี Microsoft ที่เชื่อมโยงกับอีเมลแอดเดรสที่จัดเตรียมโดยองค์กรดังกล่าว เราจะเรียกบัญชีนั้นว่าเป็น บัญชีที่ทำงานหรือที่โรงเรียน
- เมื่อคุณหรือผู้ให้บริการของคุณ (เช่น ผู้ให้บริการสายเคเบิลหรืออินเตอร์เน็ต) สร้างบัญชี Microsoft ที่เชื่อมโยงกับอีเมลแอดเดรสของคุณด้วยโดเมนของผู้ให้บริการของคุณ เราจะเรียกบัญชีนั้นว่าเป็น บัญชีของบริษัทภายนอก
หากคุณลงชื่อเข้าใช้บริการที่มีให้โดยบริษัทภายนอกด้วยบัญชี Microsoft ของคุณ คุณจะแชร์ข้อมูลบัญชีที่บริการนั้นต้องการกับบริษัทภายนอกดังกล่าว
คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Microsoft รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากคู่ค้าของ Microsoft บางรายได้ด้วยบัญชี Microsoft ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Microsoft ของคุณจะรวมถึงข้อมูลประจำตัว ชื่อ และข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลการชำระเงิน ข้อมูลอุปกรณ์และการใข้งาน ที่ติดต่อของคุณ ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของคุณ และสิ่งที่คุณสนใจและรายการโปรดของคุณ การลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Microsoft ของคุณสามารถเปิดใช้งานการตั้งค่าส่วนบุคคล ให้ประสบการณ์ใช้งานที่สม่ำเสมอในผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ อนุญาตให้คุณใช้ที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ ช่วยให้คุณชำระเงินโดยใช้เครื่องมือในการชำระเงินที่เก็บอยู่ในบัญชี Microsoft ของคุณ และเปิดใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ มีบัญชี Microsoft อยู่สามประเภท:
- เมื่อคุณสร้างบัญชี Microsoft ของคุณเองซึ่งเชื่อมโยงกับที่อยู่อีเมลส่วนบุคคลของคุณ เราจะเรียกบัญชีดังกล่าวว่า บัญชี Microsoft ส่วนบุคคล
- เมื่อคุณหรือองค์กรของคุณ (เช่น นายจ้างหรือโรงเรียนของคุณ) สร้างบัญชี Microsoft ที่เชื่อมโยงกับที่อยู่อีเมลที่จัดเตรียมโดยองค์กรดังกล่าว เราจะเรียกบัญชีดังกล่าวว่า บัญชีที่ทำงานหรือโรงเรียน
- เมื่อคุณหรือผู้ให้บริการของคุณ (เช่น ผู้ให้บริการเคเบิลหรืออินเตอร์เน็ต) สร้างบัญชี Microsoft ที่เชื่อมโยงกับที่อยู่อีเมลของคุณด้วยโดเมนของผู้ให้บริการของคุณ เราจะเรียกบัญชีดังกล่าวว่า บัญชีของบริษัทภายนอก
บัญชี Microsoft ส่วนบุคคล ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลของคุณ และวิธีการใช้ข้อมูลนั้น จะขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณใช้บัญชี
- การสร้างบัญชี Microsoft ของคุณ เมื่อคุณสร้างบัญชี Microsoft ส่วนบุคคล คุณจะได้รับการขอให้ระบข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่าง และเราจะกำหนดหมายเลขรหัสที่ไม่ซ้ำกันเพื่อระบุบัญชีและข้อมูลที่เกี่ยวข้องของคุณ ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการชำระเงินจะต้องการชื่อจริง แต่คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้และใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft ได้โดยไม่ต้องให้ชื่อจริงของคุณ เราอาจใช้ข้อมูลที่คุณให้บางรายการ เช่น ชื่อที่แสดง อีเมลแอดเดรสและหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ เพื่อช่วยให้ผู้อื่นสามารถค้นหาและเชื่อมต่อกับคุณภายในบริการของ Microsoft ได้ ตัวอย่างเช่น บุคคลที่ทราบชื่อที่ใช้แสดง ที่อยู่อีเมล หรือหมายเลขโทรศัพท์ของคุณสามารถใช้เพื่อค้นหาคุณบน Skype หรือ Microsoft Teams สำหรับการใช้งานส่วนบุคคลและส่งคำเชิญให้คุณเพื่อเชื่อมต่อกับพวกเขาได้ โปรดทราบว่า ถ้าคุณใช้อีเมลแอดเดรสของที่ทำงานหรือโรงเรียนเพื่อสร้างบัญชี Microsoft ส่วนบุคคล นายจ้างหรือโรงเรียนของคุณอาจเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ ในบางกรณี คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงอีเมลแอดเดรสเป็นอีเมลแอดเดรสส่วนบุคคลเพื่อให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นผู้บริโภคต่อไปได้ (เช่น เครือข่าย Xbox)
- การลงชื่อเข้าใช้บัญชี Microsoft เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Microsoft เราจะสร้างบันทึกการลงชื่อใช้งานของคุณ ซึ่งประกอบด้วยวันและเวลา ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ลงชื่อใช้งาน ชื่อที่ลงชื่อใช้งาน หมายเลขเฉพาะที่กำหนดให้กับบัญชี ตัวระบุเฉพาะที่กำหนดให้กับอุปกรณ์ ที่อยู่ IP ตลอดจนเวอร์ชันระบบปฏิบัติการและเบราว์เซอร์ของคุณ
- การลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft การลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Microsoft ของคุณสามารถเปิดใช้งานการตั้งค่าส่วนบุคคลที่ดีขึ้น ให้ประสบการณ์ที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอในผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ อนุญาตให้คุณเข้าถึง และใช้ที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ ช่วยให้คุณชำระเงินโดยใช้เครื่องมือในการชำระเงินที่เก็บอยู่ในบัญชี Microsoft ของคุณ และเปิดใช้งานคุณลักษณะและการตั้งค่าที่ได้รับการปรับปรุงอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ Microsoft จะทําให้ข้อมูลที่บันทึกไว้ในบัญชีของคุณพร้อมใช้งานในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Microsoft เพื่อให้สิ่งสําคัญอยู่ในที่ที่คุณต้องการ เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Microsoft ของคุณ คุณจะคงการลงชื่อเข้าใช้อยู่ในระบบจนกว่าคุณจะลงชื่อออก หากคุณเพิ่มบัญชี Microsoft ของคุณไปยังอุปกรณ์ Windows (เวอร์ชัน 8 ขึ้นไป) Windows จะลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้บัญชี Microsoft โดยอัตโนมัติเมื่อคุณเข้าถึงบนผลิตภัณฑ์เหล่านี้บนอุปกรณ์ เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้แล้ว ผลิตภัณฑ์บางอย่างจะแสดงชื่อหรือชื่อผู้ใช้และรูปโปรไฟล์ของคุณ (ถ้าคุณได้เพิ่มรูปไว้ในโปรไฟล์ของคุณ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Microsoft รวมทั้งในการติดต่อสื่อสาร การโต้ตอบทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ และโพสต์สาธารณะของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชี Microsoft, ข้อมูล และตัวเลือกของคุณ
- การลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายนอก หากคุณลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายนอกด้วยบัญชี Microsoft ของคุณ คุณจะแชร์ข้อมูลกับบริษัทภายนอกตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทภายนอกด้วย นอกจากนี้ บริษัทภายนอกยังจะได้รับหมายเลขเวอร์ชันที่กำหนดไปยังบัญชีของคุณ (มีการกำหนดหมายเลขเวอร์ชันใหม่ทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนแปลงข้อมูลการลงชื่อเข้าใช้ของคุณ) และข้อมูลที่อธิบายว่าบัญชีของคุณถูกปิดใช้งานหรือไม่ ถ้าคุณแชร์ข้อมูลโปรไฟล์ของคุณ บริษัทภายนอกจะสามารถแสดงชื่อหรือชื่อผู้ใช้และภาพโปรไฟล์ของคุณ (ถ้าคุณเพิ่มรูปลงไปในโปรไฟล์ของคุณ) เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังกล่าว หากคุณเลือกที่จะทำการชำระเงินกับผู้ขายของบริษัทภายนอกโดยใช้บัญชี Microsoft ของคุณ Microsoft จะส่งข้อมูลที่เก็บไว้ในบัญชี Microsoft ของคุณไปยังบริษัทภายนอก หรือผู้จำหน่ายของบริษัทภายนอก (เช่น บริษัทผู้ให้บริการชำระเงิน) ตามที่จำเป็นเพื่อดำเนินการชำระเงิน และดำเนินการกับคำสั่งซื้อของคุณ (เช่น ชื่อ หมายเลขบัตรเครดิต ที่อยู่ในการเรียกเก็บเงิน และการจัดส่ง และข้อมูลการติดต่อที่เกี่ยวข้อง) บริษัทภายนอกสามารถใช้ หรือแชร์ข้อมูลที่ได้รับเมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ หรือทำการซื้อตามแนวทางปฏิบัติและนโยบายของตนเอง คุณควรตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ที่คุณลงชื่อเข้าใช้ และผู้ค้าแต่ละรายที่คุณซื้อสินค้าอย่างรอบคอบ เพื่อให้ทราบว่าจะนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมไปใช้อย่างไรบ้าง
บัญชีที่ทำงานหรือโรงเรียน ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบัญชีที่ทำงาน หรือที่โรงเรียน และวิธีการนำมาใช้ โดยทั่วไปจะคล้ายกับการใช้ และการรวบรวมข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบัญชี Microsoft ส่วนบุคคล
ถ้านายจ้างหรือโรงเรียนของคุณใช้ Microsoft Entra ID เพื่อจัดการบัญชีที่มอบให้คุณ คุณสามารถใช้บัญชีที่ทํางานหรือโรงเรียนของคุณเพื่อลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ได้ เช่น Microsoft 365 และ Office 365 และผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายนอกที่องค์กรของคุณจัดหาให้คุณ ถ้าองค์กรของคุณกำหนดไว้ คุณอาจต้องให้หมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลแอดเดรสสำรองรองไว้สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม และหากได้รับอนุญาตโดยองค์กรของคุณ คุณสามารถใช้บัญชีที่ทำงานหรือที่โรงเรียนเพื่อลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft หรือบริษัทภายนอกที่คุณได้รับสำหรับตัวคุณเอง
หากคุณลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ด้วยบัญชีที่ทำงานหรือโรงเรียน หมายเหตุ:
- เจ้าของโดเมนที่เชื่อมโยงกับอีเมลแอดเดรสของคุณอาจควบคุม และจัดการบัญชีของคุณ และเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลของคุณ รวมถึงเนื้อหาของการติดต่อสื่อสารและไฟล์ต่างๆ ของคุณได้ รวมถึงข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในผลิตภัณฑ์ที่ให้กับคุณโดยองค์กรของคุณ และผลิตภัณฑ์ที่คุณได้รับด้วยตัวเอง
- การใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณจะอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่ระบุในนโยบายขององค์กรของคุณ (ถ้ามี) คุณควรพิจารณาทั้งนโยบายขององค์กรของคุณและพิจารณาว่าคุณมีความสะดวกใจที่จะให้องค์กรของคุณสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณหรือไม่ ก่อนที่จะเลือกใช้บัญชีที่ทำงานหรือที่โรงเรียนเพื่อลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุณซื้อด้วยตัวคุณเอง
- หากคุณไม่สามารถเข้าถึงบัญชีที่ทำงานหรือที่โรงเรียนของคุณ (ตัวอย่างเช่น หากคุณมีการเปลี่ยนแปลงนายจ้าง) คุณอาจไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และผลิตภัณฑ์ที่คุณซื้อในนามของคุณเอง หากคุณใช้บัญชีที่ทำงานหรือที่โรงเรียนเพื่อลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
- Microsoft จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นสำหรับนโยบายหรือวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิส่วนบุคคลหรือการป้องกันความปลอดภัยขององค์กรของคุณ ที่อาจแตกต่างจากนโยบายหรือวิธีปฏิบัติของ Microsoft
- ถ้าองค์กรของคุณดูแลการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ของคุณ โปรดส่งคำถามเกี่ยวกับเรื่องสิทธิส่วนบุคคล รวมถึงคำขอใดๆ ในการใช้สิทธิ์เกี่ยวกับข้อมูลของคุณ ไปที่ผู้ดูแลระบบของคุณโดยตรง โปรดดูส่วน ประกาศสําหรับผู้ใช้ ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ด้วย
- หากคุณไม่แน่ใจว่าบัญชีของคุณเป็นบัญชีที่ทำงานหรือโรงเรียน โปรดติดต่อองค์กรของคุณ
บัญชีของบริษัทภายนอก ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบัญชี Microsoft ของบริษัทภายนอก และวิธีการนำมาใช้ โดยทั่วไปจะคล้ายกับการใช้ และการรวบรวมข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบัญชี Microsoft ส่วนบุคคล ผู้ให้บริการของคุณมีการควบคุมบัญชีของคุณ รวมถึงมีความสามารถในการเข้าถึง หรือลบบัญชีของคุณ คุณควรตรวจสอบข้อกำหนดที่บริษัทภายนอกให้ไว้อย่างรอบคอบ เพื่อทำความเข้าใจว่าบริษัทภายนอกนั้นสามารถทำอะไรกับบัญชีของคุณได้บ้าง
การรวบรวมข้อมูลจากเด็ก
สำหรับผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีหรือตามที่กำหนดโดยกฎหมายในเขตอำนาจศาลของตน ผลิตภัณฑ์และบริการบางอย่างของ Microsoft จะบล็อกผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่าอายุดังกล่าว หรือจะขอให้พวกเขารับความยินยอมหรือการอนุญาตจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองก่อนที่จะสามารถใช้งานได้ รวมถึงเมื่อสร้างบัญชีเพื่อเข้าถึงบริการของ Microsoft เราจะไม่ขอให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่าที่กำหนดให้ข้อมูลที่เกินความจำเป็นให้กับผลิตภัณฑ์
เมื่อได้รับความยินยอมหรือได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง บัญชีของเด็กจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเช่นบัญชีอื่นๆ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีส่วนบุคคลและบัญชีโรงเรียนใน ส่วนบัญชี Microsoft ของนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Microsoft Family Safety ในส่วนเฉพาะผลิตภัณฑ์ เด็กจะสามารถเข้าถึงบริการการติดต่อสื่อสาร เช่น Outlook และ Skype และสามารถติดต่อสื่อสาร และแชร์ข้อมูลกับผู้ใช้คนอื่นๆ ทุกวัยได้อย่างอิสระ พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนตัวเลือกความยินยอมที่ดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ได้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความยินยอมจากผู้ปกครองและบัญชี Microsoft ของเด็ก ในฐานะที่เป็นผู้จัดการของกลุ่มครอบครัว Microsoft พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถจัดการข้อมูลและการตั้งค่าของเด็กในหน้า Family Safety รวมถึงดูและลบข้อมูลของเด็กใน แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว ของพวกเขา บัญชีที่จําเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองจะรวมอยู่ในกลุ่มครอบครัวของบุคคลที่ให้ความยินยอมสําหรับการสร้างบัญชีโดยอัตโนมัติ สําหรับบัญชีของเด็กที่ไม่จําเป็นต้องสร้างความยินยอมจากผู้ปกครอง (เช่น สําหรับเด็กที่มีอายุเกินอายุซึ่งจําเป็นต้องมีความยินยอมจากผู้ปกครองตามกฎหมาย) ผู้ปกครองหรือผู้ปกครองอาจยังคงใช้กลุ่มครอบครัว แต่ต้องเพิ่มบัญชีของเด็กลงในกลุ่มครอบครัวหลังจากสร้างบัญชีแล้ว เลือกเรียนรู้เพิ่มเติมด้านล่างสําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงและลบข้อมูลของเด็กและข้อมูลเกี่ยวกับโปรไฟล์เด็กและ Xbox
สำหรับผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีหรือตามที่กำหนดโดยกฎหมายในเขตอำนาจศาลของตน ผลิตภัณฑ์และบริการบางอย่างของ Microsoft จะบล็อกผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่าอายุดังกล่าว หรือจะขอให้พวกเขารับความยินยอมหรือการอนุญาตจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองก่อนที่จะสามารถใช้งานได้ รวมถึงเมื่อสร้างบัญชีเพื่อเข้าถึงบริการของ Microsoft เราจะไม่ขอให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่าที่กำหนดให้ข้อมูลที่เกินความจำเป็นให้กับผลิตภัณฑ์
เมื่อได้รับความยินยอมหรือได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง บัญชีของเด็กจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเช่นบัญชีอื่นๆ เด็กสามารถเข้าถึงบริการติดต่อสื่อสาร เช่น Outlook และ Skype และสามารถสื่อสารและแบ่งปันข้อมูลกับผู้ใช้รายอื่นทุกวัยได้อย่างอิสระ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความยินยอมจากผู้ปกครองและบัญชี Microsoft ของเด็ก
พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนตัวเลือกความยินยอมที่ทําไว้ก่อนหน้านี้ได้ ในฐานะที่เป็นผู้จัดการของกลุ่มครอบครัว Microsoft พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถจัดการข้อมูลและการตั้งค่าของเด็กในหน้า Family Safety รวมถึงดูและลบข้อมูลของเด็กใน แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว ของพวกเขา บัญชีที่จําเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองจะรวมอยู่ในกลุ่มครอบครัวของบุคคลที่ให้ความยินยอมสําหรับการสร้างบัญชีโดยอัตโนมัติ สําหรับบัญชีของเด็กที่ไม่จําเป็นต้องสร้างความยินยอมจากผู้ปกครอง (เช่น สําหรับเด็กที่มีอายุเกินอายุซึ่งจําเป็นต้องมีความยินยอมจากผู้ปกครองตามกฎหมาย) ผู้ปกครองหรือผู้ปกครองอาจยังคงใช้กลุ่มครอบครัว แต่ต้องเพิ่มบัญชีของเด็กลงในกลุ่มครอบครัวหลังจากสร้างบัญชีแล้ว ดูที่ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงและลบข้อมูลของบุตรหลาน
ด้านล่างนี้คือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลจากเด็ก รวมถึงรายละเอียดเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับ Xbox
การเข้าถึงและการลบข้อมูลของเด็ก สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ผู้ปกครองสามารถดูและลบข้อมูลบางอย่างที่เป็นของบุตรหลานได้จากแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัวของผู้ปกครอง เช่น ประวัติการเรียกดู ประวัติการค้นหา กิจกรรมของตำแหน่งที่ตั้ง กิจกรรมของสื่อ กิจกรรมของแอปและบริการ และข้อมูลประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ เมื่อต้องการลบข้อมูลนี้ ผู้ปกครองสามารถลงชื่อเข้าใช้ แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว ของตนและจัดการกิจกรรมของบุตรหลานได้ โปรดทราบว่าความสามารถของผู้ปกครองในการเข้าถึงและ/หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลของบุตรหลานในแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัวจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกฎหมายในประเทศที่คุณอยู่
นอกจากนี้ ผู้ปกครองสามารถติดต่อทีมสนับสนุนความเป็นส่วนตัวของเราผ่านแบบฟอร์มสนับสนุนความเป็นส่วนตัว และหลังจากการรับรองความถูกต้องแล้ว ขอให้ลบชนิดข้อมูลบนแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัวพร้อมกับข้อมูลต่อไปนี้: ซอฟต์แวร์ การตั้งค่า และคลังข้อมูล การเชื่อมต่อและการกำหนดค่าอุปกรณ์ คำติชมและการให้คะแนน การออกกำลังกายและกิจกรรม เนื้อหาการสนับสนุน การการโต้ตอบสนับสนุน และเซนเซอร์ตรวจจับสิ่งแวดล้อม เราจะดำเนินการตามคําขอลบที่ผ่านการรับรองความถูกต้องภายใน 30 วันหลังจากได้รับ
โปรดทราบว่าเนื้อหา เช่น อีเมล รายชื่อผู้ติดต่อ และการแชทสามารถเข้าถึงได้ผ่านประสบการณ์การใช้งานในผลิตภัณฑ์ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่คุณสามารถควบคุมได้ภายในผลิตภัณฑ์ของ Microsoft โดยไปที่ คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (FAQ)
หากบัญชีของบุตรหลานของคุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มครอบครัว Microsoft ของคุณและคุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงกิจกรรมของบุตรหลานในแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว คุณจะต้องส่งคำขอที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของบุตรหลานของคุณผ่านแบบฟอร์มการสนับสนุนความเป็นส่วนตัว ทีมงานความเป็นส่วนตัวจะขอการตรวจสอบบัญชีก่อนที่จะดําเนินการตามคําขอ
เมื่อต้องการลบข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของบุตรหลานของคุณ คุณต้องร้องขอให้ลบบัญชีของบุตรหลานผ่าน แบบฟอร์มปิดบัญชีของคุณ ลิงก์นี้จะพร้อมท์ให้คุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยข้อมูลประจําตัวบัญชีของบุตรหลานของคุณ ตรวจสอบว่าหน้าดังกล่าวแสดงบัญชี Microsoft ที่ถูกต้อง จากนั้นทำตามคำแนะนำเพื่อขอให้ลบบัญชีของบุตรหลานของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการปิดบัญชี Microsoft
หลังจากที่คุณส่งคําขอให้ปิดบัญชีของบุตรหลานของคุณ เราจะรอ 60 วันก่อนที่จะลบบัญชีอย่างถาวรในกรณีที่คุณเปลี่ยนใจหรือจําเป็นต้องเข้าถึงบางอย่างในบัญชีก่อนที่บัญชีจะถูกปิดและลบอย่างถาวร ในช่วงเวลาที่รอดังกล่าว บัญชีจะถูกทำเครื่องหมายเพื่อปิดและลบอย่างถาวร แต่บัญชีนั้นยังคงอยู่ ถ้าคุณต้องการเปิดบัญชี Microsoft ของคุณใหม่อีกครั้ง เพียงแค่ลงชื่อเข้าใช้อีกครั้งภายในระยะเวลา 60 วันนั้น เราจะยกเลิกการปิดบัญชีและบัญชีจะได้รับการคืนสถานะ
Xbox คืออะไร Xbox คือแผนกเกมและความบันเทิงของ Microsoft Xbox โฮสต์เครือข่ายออนไลน์ที่ประกอบด้วยซอฟต์แวร์และประสบการณ์ออนไลน์ข้ามหลายแพลตฟอร์ม เครือข่ายนี้จะช่วยให้บุตรหลานของคุณค้นหาและเล่นเกม ดูเนื้อหา และเชื่อมต่อกับเพื่อนๆ บน Xbox รวมถึงการเล่นเกมและเครือข่ายสังคมอื่นๆ ได้
เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ Xbox ในแอป เกม หรือในคอนโซล Xbox เราจะกําหนดรหัสเฉพาะให้กับอุปกรณ์ของพวกเขา เช่น เมื่อเชื่อมต่อคอนโซล Xbox กับอินเทอร์เน็ต และลงชื่อเข้าใช้คอนโซล เราจะระบุว่าคอนโซลใดและระบบปฏิบัติการของคอนโซลเวอร์ชันใดที่ใช้งาน
Xbox ยังคงมอบประสบการณ์ใหม่ในแอปไคลเอ็นต์ที่เชื่อมต่อและได้รับการสนับสนุนโดยบริการต่างๆ เช่น เครือข่าย Xbox และการเล่นเกมในระบบคลาวด์ต่อไป เมื่อลงชื่อเข้าใช้ประสบการณ์ใช้งาน Xbox เราจะรวบรวมข้อมูลที่จําเป็นเพื่อช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานเหล่านี้ปลอดภัย ทันสมัย และทํางานได้ตามที่คาดไว้
ข้อมูลที่เรารวบรวมเมื่อคุณสร้างโปรไฟล์ Xbox คุณในฐานะพ่อแม่หรือผู้ปกครองจำเป็นต้องยินยอมการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีหรือตามที่ระบุไว้โดยเขตอำนาจศาลของคุณ ด้วยสิทธิ์ของคุณ บุตรหลานของคุณสามารถมีโปรไฟล์ Xbox และใช้เครือข่าย Xbox ออนไลน์ได้ ในระหว่างการสร้างโปรไฟล์ Xbox ของเด็ก คุณจะลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ของคุณเองเพื่อยืนยันว่าคุณเป็นผู้จัดการที่เป็นผู้ใหญ่ในกลุ่มครอบครัว Microsoft ของคุณ เรารวบรวมอีเมลแอดเดรสหรือหมายเลขโทรศัพท์สำรองเพื่อรักษาความปลอดภัยของบัญชี ถ้าบุตรหลานของคุณต้องการความช่วยเหลือในการเข้าถึงบัญชี พวกเขาจะสามารถใช้หนึ่งในทางเลือกเหล่านี้เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าของบัญชี Microsoft
เรารวบรวมข้อมูลที่จำกัดเกี่ยวกับเด็ก รวมถึงชื่อ วันเกิด ที่อยู่อีเมล และภูมิภาค เมื่อคุณลงทะเบียนให้แก่บุตรหลานของคุณเพื่อสร้างโปรไฟล์ Xbox พวกเขาจะได้รับเกมเมอร์แท็ก (ชื่อเล่นที่ทุกคนมองเห็น) และรหัสเฉพาะ เมื่อคุณสร้างโปรไฟล์ Xbox ของบุตรหลานของคุณ คุณยินยอมให้ Microsoft รวบรวม ใช้ และแบ่งปันข้อมูลตามการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและการติดต่อสื่อสารบนเครือข่ายออนไลน์ของ Xbox การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและการติดต่อสื่อสารของบุตรหลานมีค่าเริ่มต้นอยู่ที่ระดับที่เข้มงวดที่สุด
ข้อมูลที่เรารวบรวม เรารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการ Xbox เกม แอป และอุปกรณ์ของบุตรหลานของคุณ รวมถึง:
- เมื่อลงชื่อเข้าใช้และลงชื่อออกจาก Xbox ประวัติการซื้อ และเนื้อหาที่ได้รับ
- เกมที่เล่นและแอปที่ใช้ ความคืบหน้าของเกม ความสําเร็จ เวลาเล่นต่อเกม และสถิติการเล่นอื่นๆ
- ข้อมูลประสิทธิภาพเกี่ยวกับคอนโซล Xbox, Xbox Game Pass และแอป Xbox อื่นๆ เครือข่าย Xbox อุปกรณ์เสริมที่เชื่อมต่อ และการเชื่อมต่อเครือข่าย รวมถึงข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์
- เนื้อหาที่เพิ่ม อัปโหลด หรือแชร์ผ่านเครือข่าย Xbox รวมถึงข้อความ รูปภาพ และวิดีโอที่บันทึกในเกมและแอป
- กิจกรรมทางโซเชียล รวมถึงข้อมูลการแชทและการโต้ตอบกับผู้เล่นเกมคนอื่นๆ และการเชื่อมต่อที่ดำเนินการ (เพื่อนที่เพิ่มและผู้คนที่ติดตาม) บนเครือข่าย Xbox
ถ้าบุตรหลานของคุณใช้คอนโซล Xbox หรือแอป Xbox บนอุปกรณ์อื่นที่สามารถเข้าถึงเครือข่าย Xbox ได้ และอุปกรณ์ดังกล่าวมีอุปกรณ์เก็บข้อมูล (ฮาร์ดไดรฟ์หรือหน่วยความจำ) ข้อมูลการใช้งานจะถูกจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บข้อมูลและส่งให้ Microsoft ในครั้งถัดไปที่ลงชื่อเข้าใช้ Xbox แม้ว่าบุตรหลานของคุณจะเล่นแบบออฟไลน์ก็ตาม
ข้อมูลการวินิจฉัย Xbox หากบุตรหลานของคุณใช้คอนโซล Xbox และ Xbox จะส่งข้อมูลที่จําเป็นไปยัง Microsoft ข้อมูลที่จำเป็นคือข้อมูลขั้นต่ำที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ Xbox ปลอดภัย ทันสมัย และทำงานได้ตามที่คาดไว้
การจับภาพเกม ผู้เล่นทุกคนในเซสชันเกมส์แบบเล่นหลายคนสามารถบันทึกวิดีโอ (คลิปเกม) และจับภาพสกรีนช็อตมุมมองการเล่นเกมของตนได้ คลิปเกมและสกรีนช็อตของผู้เล่นคนอื่นๆ สามารถจับภาพตัวละครในเกมและเกมเมอร์แท็กของบุตรหลานของคุณในระหว่างเซสชันนั้นได้ ถ้าผู้เล่นจับภาพคลิปเกมและสกรีนช็อตบนพีซี คลิปเกมผลลัพธ์อาจจับภาพการสนทนาทางเสียง ถ้าการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและการติดต่อสื่อสารของบุตรหลานของคุณบนเครือข่าย Xbox Online อนุญาต
การใส่คำบรรยาย ระหว่างการแชทในเวลาจริง ("ปาร์ตี้") บน Xbox ผู้เล่นอาจเปิดใช้งานฟีเจอร์การเปลี่ยนคำพูดให้เป็นข้อความ ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถดูการแชทเป็นข้อความได้ ถ้าผู้เล่นเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ Microsoft จะใช้ข้อมูลข้อความผลลัพธ์เพื่อใส่คำบรรยายของการแชทให้กับผู้เล่นที่ต้องการ ข้อมูลนี้อาจถูกใช้เพื่อมอบสภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่ปลอดภัยและบังคับใช้ มาตรฐานชุมชนสำหรับ Xbox
การใช้ข้อมูล Microsoft ใช้ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมเมื่อบุตรหลานของคุณใช้ Xbox เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์การเล่นเกมเพื่อให้ปลอดภัยและสนุกยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลที่เรารวบรวมยังช่วยให้เราสามารถมอบประสบการณ์ใช้งานที่รวบรวมไว้ให้กับบุตรหลานของคุณ ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อกับเกม เนื้อหา บริการ และข้อเสนอแนะ
ข้อมูล Xbox ที่บุคคลอื่นสามารถดูได้ เมื่อบุตรหลานของคุณใช้เครือข่าย Xbox การแสดงตนแบบออนไลน์ (ซึ่งสามารถตั้งค่าเป็น "แสดงเป็นออฟไลน์" หรือ "ถูกบล็อก") เกมเมอร์แท็ก สถิติการเล่นเกม และความสำเร็จจะมองเห็นได้โดยผู้เล่นคนอื่นบนเครือข่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณตั้งค่าความปลอดภัย Xbox ของบุตรหลานของคุณ พวกเขาอาจแชร์ข้อมูลเมื่อเล่นหรือติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นบนเครือข่าย Xbox
ความปลอดภัย เพื่อช่วยทําให้เครือข่าย Xbox เป็นสภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่ปลอดภัยและบังคับใช้มาตรฐานชุมชนสําหรับ Xbox เราอาจรวบรวมและตรวจสอบเสียง ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเนื้อหาในเกม (เช่น คลิปเกมที่บุตรหลานของคุณอัปโหลด การสนทนาที่มี และสิ่งที่โพสต์ในคลับและเกม)
การป้องกันการโกงและการปลอมแปลง การให้สภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่ยุติธรรมเป็นสิ่งสําคัญสําหรับเรา เราห้ามมิให้มีการโกง การแฮ็ก การขโมยบัญชี และกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือเป็นการฉ้อฉลเมื่อบุตรหลานของคุณใช้เกมออนไลน์ของ Xbox หรือแอปที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายบนคอนโซล Xbox, พีซี หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของพวกเขา เพื่อตรวจจับและป้องกันการฉ้อฉลและการโกง เราอาจใช้เครื่องมือ แอปพลิเคชัน และเทคโนโลยีอื่นๆ ในการป้องกันการโกงและการป้องกันการฉ้อฉล เทคโนโลยีดังกล่าวอาจสร้างลายเซ็นดิจิทัล (เรียกว่า “แฮช”) โดยใช้ข้อมูลบางอย่างที่รวบรวมจากคอนโซล Xbox, พีซี หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของพวกเขา และวิธีที่พวกเขาใช้อุปกรณ์นั้น ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเบราว์เซอร์ อุปกรณ์ กิจกรรม ตัวระบุเกม และระบบปฏิบัติการ
ข้อมูล Xbox ที่แบ่งปันกับผู้จัดจำหน่ายเกมและแอป เมื่อบุตรหลานของคุณใช้เกม Xbox แบบออนไลน์หรือแอปที่เชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ บนคอนโซล Xbox พีซี หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ ผู้เผยแพร่เกมหรือแอปนั้นจะมีการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานของบุตรหลานของคุณ เพื่อช่วยให้ผู้เผยแพร่ส่งมอบ สนับสนุน และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนได้ ข้อมูลนี้อาจประกอบด้วย: รหัสผู้ใช้ Xbox เกมเมอร์แท็ก ข้อมูลบัญชีแบบจำกัดของบุตรหลานของคุณ เช่น ประเทศและช่วงอายุ ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารในเกมของบุตรหลานของคุณ กิจกรรมการบังคับใช้ของ Xbox เซสชันการเล่นเกม (ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนไหวในเกม หรือชนิดของพาหนะที่ใช้ในเกม) สถานะของบุตรหลานคุณบนเครือข่าย Xbox เวลาที่บุตรหลานของคุณใช้ในการเล่นเกมหรือแอป การจัดอันดับ สถิติ โปรไฟล์ผู้เล่นเกม อวาตาร หรือรูปภาพเกมเมอร์ รายชื่อเพื่อน ฟีดกิจกรรมสำหรับคลับที่เป็นทางการซึ่งบุตรหลานของคุณเป็นสมาชิก การเป็นสมาชิกคลับที่เป็นทางการ และเนื้อหาต่างๆ ที่บุตรหลานของคุณสร้างหรือส่งภายในเกมหรือแอป
ผู้เผยแพร่และนักพัฒนาของบริษัทภายนอกของเกมและแอปมีความสัมพันธ์กับผู้ใช้ที่ชัดเจนและเป็นอิสระเป็นของตนเอง และการเก็บรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวเฉพาะของตน คุณควรตรวจสอบนโยบายของผู้เผยแพร่และนักพัฒนาอย่างรอบคอบเพื่อให้ทราบว่ามีการใช้ข้อมูลของบุตรหลานของคุณอย่างไร ตัวอย่างเช่น ผู้เผยแพร่สามารถเลือกที่จะเปิดเผยหรือแสดงข้อมูลเกม (เช่น บนลีดเดอร์บอร์ด) ผ่านทางบริการของตนเองได้ คุณสามารถดูนโยบายของผู้เผยแพร่และนักพัฒนาดังกล่าวซึ่งลิงก์จากหน้ารายละเอียดเกมหรือแอปได้ในร้านค้าของเรา
เรียนรู้เพิ่มเติมที่ การแชร์ข้อมูลกับเกมและแอป
เมื่อต้องการหยุดแชร์ข้อมูลเกมหรือแอปกับผู้เผยแพร่ ให้ลบเกมหรือแอปออกจากอุปกรณ์ทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ การเข้าถึงข้อมูลของบุตรหลานของคุณจากผู้เผยแพร่บางรายอาจถูกเพิกถอนที่ microsoft.com/consent
การจัดการการตั้งค่าของเด็ก ในฐานะผู้จัดการของกลุ่มครอบครัว Microsoft คุณสามารถจัดการข้อมูลและการตั้งค่าของบุตรหลานได้บนหน้า Family Safety ของพวกเขาได้ ตลอดจนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของโปรไฟล์ Xbox ของพวกเขาได้จากหน้าความเป็นส่วนตัวของ Xbox& และความปลอดภัยทางออนไลน์
คุณยังสามารถใช้แอปการตั้งค่าครอบครัวของ Xbox เพื่อจัดการประสบการณ์ของบุตรหลานของคุณบนเครือข่าย Xbox รวมถึง: การใช้จ่ายสำหรับร้านค้า Microsoft และ Xbox การดูกิจกรรม Xbox ของบุตรหลานของคุณ และการตั้งค่าการจัดอันดับอายุ และระยะเวลาของหน้าจอ การตั้งค่า Family Safety เฉพาะ Xbox จะนําไปใช้กับคอนโซล Xbox หรือผ่าน Xbox บนพีซีหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่อาจไม่สามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์มอื่น
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการโปรไฟล์ Xbox ที่การตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ Xbox
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มครอบครัว Microsoft ที่ ทำให้ครอบครัวของคุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
ดั้งเดิม
- Xbox 360 คอนโซล Xbox นี้รวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้แบบจำกัด ข้อมูลนี้จะช่วยให้คอนโซลของบุตรหลานของคุณทํางานได้ตามที่คาดไว้
- Kinect เซนเซอร์ Kinect เป็นการผสมผสานกันของกล้อง ไมโครโฟน และเซนเซอร์อินฟราเรดที่สามารถเปิดใช้งานการเคลื่อนไหวและเสียงเพื่อใช้ควบคุมการเล่นเกมได้ ตัวอย่างเช่น:
- คุณสามารถใช้กล้องเพื่อลงชื่อเข้าใช้เครือข่าย Xbox โดยอัตโนมัติโดยใช้การจดจำใบหน้าได้หากเลือกไว้ ข้อมูลนี้จะยังคงอยู่บนคอนโซล ไม่มีการแบ่งปันกับบุคคลอื่น และสามารถลบได้ทุกเมื่อ
- สำหรับการเล่นเกม Kinect จะแมประยะห่างระหว่างข้อต่อต่างๆ บนร่างกายของบุตรหลานของคุณเพื่อสร้างภาพเสมือนโครงร่างของบุคคลเพื่อให้สามารถเล่นเกมได้
- ไมโครโฟน Kinect สามารถเปิดใช้งานการแชทด้วยเสียงระหว่างผู้เล่นในระหว่างการเล่นเกมได้ ไมโครโฟนยังเปิดใช้งานคำสั่งเสียงสำหรับการควบคุมคอนโซล เกมหรือแอป หรือเพื่อป้อนคำค้นหาได้อีกด้วย
- นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เซนเซอร์ Kinect สำหรับการติดต่อสื่อสารทางเสียงและวิดีโอผ่านบริการต่างๆ ได้ เช่น Skype
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Kinect ที่ Xbox Kinect และความเป็นส่วนตัว
ข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญอื่นๆ
ด้านล่างนี้คุณจะพบข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม เช่น วิธีที่เรารักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณ ตำแหน่งที่เราประมวลผลข้อมูลของคุณ และระยะเวลาที่เราเก็บข้อมูลของคุณ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Microsoft และพันธกิจของเราในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณได้ที่ความเป็นส่วนตัวของ Microsoft
ด้านล่างนี้คุณจะพบข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม เช่น วิธีที่เรารักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณ ตำแหน่งที่เราประมวลผลข้อมูลของคุณ และระยะเวลาที่เราเก็บข้อมูลของคุณ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Microsoft และพันธกิจของเราในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณได้ที่ ความเป็นส่วนตัวของ Microsoft
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
Microsoft ยึดมั่นในการปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ เราใช้เทคโนโลยีและกระบวนการการรักษาความปลอดภัยที่หลากหลายเพื่อช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากการเข้าถึง การใช้งานหรือการเปิดเผยที่ไม่ได้รับอนุญาต ตัวอย่างเช่น เราเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการเข้าถึงที่จำกัด และอยู่ในสถานที่ที่มีการควบคุม เมื่อเราส่งข้อมูลที่เป็นความลับสูง (เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือรหัสผ่าน) ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เราจะป้องกันข้อมูลผ่านทางการเข้ารหัส Microsoft ปฏิบัติตามกฎหมายการป้องกันข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายการแจ้งให้ทราบปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง
เราจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ใด
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ Microsoft รวบรวมอาจถูกจัดเก็บและประมวลผลในภูมิภาคของคุณ ในสหรัฐอเมริกา และในเขตอํานาจศาลอื่นใดที่ Microsoft หรือบริษัทในเครือ บริษัทสาขา หรือผู้ให้บริการดําเนินการอยู่ Microsoft มีศูนย์ข้อมูลหลักในออสเตรเลีย ออสเตรีย บราซิล แคนาดา ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง SAR อินเดีย ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี ลักเซมเบิร์ก มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยทั่วไป ตำแหน่งที่ตั้งที่เก็บข้อมูลหลักอยู่ในภูมิภาคของลูกค้า หรือในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมักจะมีการสำรองข้อมูลไปยังศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคอื่น ตําแหน่งที่เก็บข้อมูลจะถูกเลือกเพื่อดําเนินการและให้บริการของเราอย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทํางาน และสร้างความซ้ำซ้อนเพื่อปกป้องข้อมูลในกรณีที่เกิดการขัดข้องหรือปัญหาอื่นๆ เราดําเนินการตามขั้นตอนในการประมวลผลข้อมูลที่เรารวบรวมภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ตามบทบัญญัติของคําชี้แจงนี้และข้อกําหนดของกฎหมายที่บังคับใช้
เราถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากเขตเศรษฐกิจยุโรป สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ไปยังประเทศอื่นๆ ข้อมูลบางอย่างยังไม่มีการกำหนดโดยคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อให้มีระดับการป้องกันข้อมูลที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น กฎหมายของพวกเขาอาจไม่รับประกันว่าคุณจะมีสิทธิ์เดียวกัน หรืออาจจะไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลความเป็นส่วนตัวที่สามารถจัดการกับข้อร้องเรียนของคุณได้ เมื่อเรามีส่วนร่วมในการถ่ายโอนดังกล่าว เราใช้กลไกทางกฎหมายที่หลากหลาย รวมถึงสัญญาต่างๆ เช่น ข้อสัญญามาตรฐานที่เผยแพร่โดยคณะกรรมาธิการยุโรปภายใต้ Commission Implementing Decision 2021/914 เพื่อช่วยปกป้องสิทธิ์ของคุณและใช้การป้องกันเหล่านี้กับข้อมูลของคุณ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยุโรปเกี่ยวกับความเหมาะสมในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศที่ Microsoft ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โปรดดูบทความนี้บน เว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการยุโรป
Microsoft Corporation ปฏิบัติตามกรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา (DPF ระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา), ส่วนเพิ่มเติมของสหราชอาณาจักรสำหรับ DPF ระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา และตามกรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา (DPF ระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา) ตามที่กำหนดโดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ Microsoft Corporation ได้รับการรับรองจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ จากการปฏิบัติตามหลักการกรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา (หลักการ DPF ระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา) ในเรื่องการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากสหภาพยุโรปตาม DPF ระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาและจากสหราชอาณาจักร (และยิบรอลตาร์) ตามส่วนเพิ่มเติมของสหราชอาณาจักรสำหรับ DPF ระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา Microsoft Corporation ได้รับการรับรองจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาว่าปฏิบัติตามกรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา (หลักการ DPF ระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา) เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากสวิตเซอร์แลนด์โดยอาศัยหลักการ DPF ระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา ในบริบทของการถ่ายโอนข้อมูลในอนาคต Microsoft Corporation มีหน้าที่รับผิดชอบในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับภายใต้หลักการ DPF และจะถ่ายโอนไปยังบริษัทภายนอกที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในนามของเราในภายหลัง Microsoft Corporation ยังคงรับผิดชอบภายใต้ DPF หากตัวแทนของเราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับ DPF เว้นแต่ว่า Microsoft Corporation สามารถพิสูจน์ได้ว่าเราไม่ได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย หากมีข้อขัดแย้งระหว่างข้อกำหนดในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้และหลักการ DPF ระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาและ/หรือหลักการ DPF ระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา ให้บังคับใช้หลักการต่างๆ ดังกล่าวเป็นหลัก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม Data Privacy Framework (DPF) และดูการรับรองของเรา โปรด ไปที่เว็บไซต์ Data Privacy Framework ของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา บริษัทสาขาของ Microsoft Corporation ในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ภายใต้การควบคุมซึ่งระบุไว้ในเอกสารขอการรับรองด้วยตนเองของเรายังปฏิบัติตามหลักการ DPF อีกด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูรายชื่อ หน่วยงานของ Microsoft ในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการคุ้มครองโดยใบรับรองเฟรมเวิร์กความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
หากคุณมีคำถามหรือข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของ Microsoft ในกรอบการคุ้มครอง DPF เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราผ่าน แบบฟอร์มบนเว็บของเรา ในกรณีที่มีข้อร้องเรียนต่างๆ เกี่ยวข้องกับกรอบการคุ้มครอง PDF ที่ Microsoft ไม่สามารถแก้ไขได้โดยตรง เราได้เลือกที่จะปฏิบัติตามหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของสหภาพยุโรป (EU Data Protection Authority) หรือคณะกรรมการที่จัดตั้งโดยหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของสหภาพยุโรปเพื่อระงับข้อพิพาทกับบุคคลต่างๆ ใน EU, UK Information Commissioner (สำหรับบุคคลต่างๆ ใน EU) และ Swiss Federal Data Protection and Information Commissioner: FDPIC เพื่อระงับข้อพิพาทกับบุคคลต่างๆ ในสวิสเซอร์แลนด์ โปรดติดต่อเราหากคุณต้องการให้เราส่งรายชื่อผู้ติดต่อของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลให้ ตามที่ได้อธิบายเพิ่มเติมในหลักการ DPF จะมีอนุญาโตตุลาการที่ผูกพันเพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนที่เหลือที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่นๆ Microsoft อยู่ภายใต้อำนาจการสืบสวนและการบังคับใช้กฎหมายของคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) ของสหรัฐอเมริกา
บุคคลทั่วไปที่ข้อมูลส่วนบุคคลได้รับความคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของญี่ปุ่นควรศึกษาบทความบน เว็บไซต์ของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของญี่ปุ่น (เผยแพร่ในภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น) เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบระบบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบางประเทศของคณะกรรมการ สําหรับบุคคลในญี่ปุ่น โปรดคลิก ที่นี่ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลภายใต้พระราชบัญญัติธุรกิจโทรคมนาคม (ในภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเรา
Microsoft เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้นานเท่าที่จำเป็นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์และดำเนินการตามธุรกรรมที่คุณร้องขอ หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องตามกฏหมายอื่นๆ เช่น ทำตามภาระผูกพันทางกฎหมายของเรา แก้ปัญหาข้อโต้แย้ง และบังคับใช้ข้อตกลงของเรา เนื่องจากความต้องการเหล่านี้อาจแตกต่างกันตามประเภทข้อมูลต่างๆ บริบทของการโต้ตอบของเรากับคุณ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ ระยะเวลาการเก็บข้อมูลที่แท้จริงจึงอาจแตกต่างกันอย่างมาก
เงื่อนไขอื่นๆ ที่ใช้เพื่อกำหนดระยะเวลาการเก็บข้อมูลมีดังนี้:
- ลูกค้าจัดเตรียม สร้าง หรือบำรุงรักษาข้อมูลโดยคาดหวังว่าเราจะเก็บข้อมูลไว้จนกว่าลูกค้าจะลบข้อมูลดังกล่าวออกไปหรือไม่ ตัวอย่างประกอบด้วยเอกสารที่คุณจัดเก็บไว้ใน OneDrive หรือข้อความอีเมลที่คุณเก็บไว้ในกล่องจดหมาย Outlook.com ในกรณีดังกล่าว เรามุ่งมั่นที่จะเก็บรักษาข้อมูลไว้จนกว่าคุณจะต้องการลบ เช่น โดยการย้ายอีเมลจากกล่องขาเข้าของ Outlook.com ของคุณไปยังโฟลเดอร์ รายการที่ถูกลบแล้ว จากนั้นล้างโฟลเดอร์นั้น (เมื่อล้างโฟลเดอร์รายการที่ถูกลบแล้วของคุณ รายการที่ถูกลบไปแล้วเหล่านั้นจะยังคงอยู่ในระบบของเราเป็นเวลาถึง 30 วัน ก่อนที่จะถูกลบในขั้นสุดท้าย) (โปรดทราบว่าอาจมีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ข้อมูลถูกลบเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น หากคุณมีการจัดเก็บข้อมูลในบัญชีของคุณเกินจำนวนสูงสุดที่กำหนด)
- มีการควบคุมอัตโนมัติ เช่น ในแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและลบข้อมูลส่วนบุคคลได้ทุกเมื่อหรือไม่ หากไม่มี โดยทั่วไปแล้วจะใช้ระยะเวลาเก็บข้อมูลที่สั้นลง
- ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นชนิดข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น โดยทั่วไปแล้วจะใช้ระยะเวลาเก็บข้อมูลที่สั้นลง
- Microsoft ใช้และประกาศระยะเวลาเก็บข้อมูลที่กำหนดสำหรับข้อมูลบางประเภทหรือไม่ ตัวอย่างเช่น สำหรับคิวรีด้วย Bing Search เราจะลบข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงตัวบุคคลโดยการลบที่อยู่ IP ทั้งหมดออกหลังจาก 6 เดือน และลบ ID คุกกี้และตัวระบุข้ามเซสชันอื่นๆ ที่ใช้เพื่อระบุบัญชีหรืออุปกรณ์ที่กำหนดหลังจาก 18 เดือน
- ผู้ใช้ได้ให้ความยินยอมให้มีการเก็บข้อมูลในระยะเวลาที่นานขึ้นหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น เราจะเก็บข้อมูลตามความยินยอมของคุณ
- Microsoft อยู่ภายใต้ข้อผูกพันทางกฎหมาย สัญญา หรือข้อผูกพันที่คล้ายคลึงกันในการเก็บหรือลบข้อมูลหรือไม่ ตัวอย่างอาจประกอบด้วยกฎหมายการเก็บข้อมูลที่ใช้บังคับในเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้อง คำสั่งของรัฐบาลในการรักษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวน หรือข้อมูลที่เก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินคดี ในทางกลับกัน ถ้ากฏหมายกำหนดให้เราลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมายออก เราจะดำเนินการดังกล่าว
ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกา
หากคุณเป็นผู้พํานักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา เราจะดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในรัฐของสหรัฐอเมริกาที่บังคับใช้ รวมถึงกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคในแคลิฟอร์เนีย (CCPA) หัวข้อนี้ของนโยบายความเป็นส่วนตัวของเราประกอบด้วยข้อมูลที่กำหนดโดย CCPA และกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกาฉบับอื่นๆ และถือเป็นส่วนเสริมของนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
โปรดทราบว่ากฎที่ใช้กฎหมายเหล่านี้บางส่วนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เราจะอัปเดตกระบวนการ การเปิดเผย และประกาศนี้เมื่อกฎการใช้งานเหล่านี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และตามความจําเป็น
โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่เรารวบรวม ประมวลผล แบ่งปัน และเปิดเผย และสิทธิ์ของคุณภายใต้กฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกาที่ใช้บังคับได้ที่ ประกาศเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกา และนโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลด้านสุขภาพของผู้บริโภค ของเรา
การขาย เราไม่ขายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ดังนั้น เราจึงไม่เสนอการปฏิเสธการขายข้อมูลส่วนบุคคล
การสร้างโพรไฟล์ เราจะไม่ดำเนินการ "สร้างโปรไฟล์" ที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อการตัดสินใจอัตโนมัติที่ก่อให้เกิดผลทางกฎหมายหรือผลที่สำคัญในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น เราจึงไม่มีข้อเสนอการปฏิเสธเข้าร่วมสําหรับการสร้างโปรไฟล์ประเภทนี้
การแบ่งปัน เราอาจ "แบ่งปัน" ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามที่กำหนดภายใต้กฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียและกฎหมายของรัฐอื่นๆ ที่ใช้บังคับในสหรัฐอเมริกา เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ตามที่ระบุไว้ในส่วน การโฆษณา เราจะไม่แสดงโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวแก่เด็กที่มีวันเกิดในบัญชี Microsoft ที่บ่งชี้ว่าพวกเขามีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ในรายการสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยด้านล่าง เราได้สรุปประเภทของข้อมูลที่เราแบ่งปันเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคล และวัตถุประสงค์ในการประมวลผลของเรา สำหรับคำอธิบายของข้อมูลที่รวมอยู่ในแต่ละประเภท โปรดดูที่ส่วน ข้อมูลส่วนบุคคลที่เรารวบรวม
หมวดหมู่ของข้อมูลส่วนบุคคล
- ชื่อและข้อมูลการติดต่อ
- ผู้รับ: บุคคลที่สามที่ดำเนินการบริการโฆษณาออนไลน์สำหรับ Microsoft หรือที่ใช้เทคโนโลยีโฆษณาของ Microsoft
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล: เพื่อนําเสนอโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวตามความสนใจของคุณ
- ข้อมูลด้านประชากร
- ผู้รับ: บุคคลที่สามที่ดำเนินการบริการโฆษณาออนไลน์สำหรับ Microsoft หรือที่ใช้เทคโนโลยีโฆษณาของ Microsoft
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล: เพื่อนําเสนอโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวตามความสนใจของคุณ
- การสมัครใช้งานและข้อมูลสิทธิ์การใช้งาน
- ผู้รับ: บุคคลที่สามที่ดำเนินการบริการโฆษณาออนไลน์สำหรับ Microsoft หรือที่ใช้เทคโนโลยีโฆษณาของ Microsoft
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล: เพื่อนําเสนอโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวตามความสนใจของคุณ
- การโต้ตอบ
- ผู้รับ: บุคคลที่สามที่ดำเนินการบริการโฆษณาออนไลน์สำหรับ Microsoft หรือที่ใช้เทคโนโลยีโฆษณาของ Microsoft
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล: เพื่อนําเสนอโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวตามความสนใจของคุณ
โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการโฆษณาของเราที่ส่วน การโฆษณา และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “การแบ่งปัน” เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวภายใต้กฎหมายของรัฐในสหรัฐอเมริกาที่ใช้บังคับได้ที่ ประกาศเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกา ของเรา
สิทธิ์ คุณมีสิทธิ์ที่จะ (i) รับทราบว่าเรารวบรวม, ใช้, เปิดเผย, “แบ่งปัน”, และขายข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้าง (ii) ลบข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ (iii) แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ (iv) จำกัดการใช้และการเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณ (v) รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ และ (vi) ปฏิเสธการเข้าร่วมใน “การแบ่งปัน” ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณกับบริษัทภายนอกเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวบนไซต์ของบริษัทภายนอก คุณสามารถส่งคำขอเหล่านี้ได้ด้วยตนเองหรือผ่านตัวแทนที่ได้รับอนุญาต หากคุณใช้ตัวแทนที่ได้รับอนุญาต เราจะให้คําแนะนําโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการใช้สิทธิ์ความเป็นส่วนตัวแก่ตัวแทนของคุณ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใช้สิทธิ์เหล่านี้ได้ที่ ประกาศเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกา
คุณอาจมีสิทธิ์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลด้านสุขภาพของผู้บริโภคของคุณ ตามที่กำหนดโดยกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวด้านสุขภาพของผู้บริโภคในรัฐที่ใช้บังคับ โปรดดู นโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลด้านสุขภาพของผู้บริโภคของเราเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์ที่มีอยู่ภายใต้กฎหมาย My Health My Data Act (MHMDA) ของรัฐวอชิงตันและกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวด้านสุขภาพของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาอื่นๆ ที่ใช้บังคับ
หากคุณมีบัญชี Microsoft คุณสามารถใช้สิทธิ์ของคุณผ่านทางแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft ซึ่งกำหนดให้คุณต้องเข้าสู่ระบบบัญชี Microsoft ของคุณได้ หากคุณมีคําขอหรือคําถามเพิ่มเติมหลังจากใช้แดชบอร์ด คุณสามารถติดต่อ Microsoft ตามที่อยู่ในส่วนวิธีการติดต่อเรา ใช้ แบบฟอร์มบนเว็บของเรา หรือโทรติดต่อหมายเลขโทรฟรีของเราในสหรัฐอเมริกาที่ +1 (844) 931 2038 หากคุณไม่มีบัญชี คุณสามารถใช้สิทธิ์ของคุณได้โดยการติดต่อเราตามที่อธิบายไว้ข้างต้น เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพิ่มเติม เราอาจขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ประเทศที่คุณพำนักอาศัย ที่อยู่อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์เพื่อยืนยันตัวตนและคำขอของคุณก่อนที่จะดำเนินการตามคำขอ
คุณอาจระบุตัวเลือกในการปฏิเสธการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของคุณกับบริษัทภายนอกสําหรับการโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวบนไซต์ของบริษัทภายนอกโดยการไปที่หน้าปฏิเสธการเข้าร่วมการแบ่งปันของเรา คุณสามารถควบคุมการโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวที่คุณเห็นบนคุณสมบัติของ Microsoft ได้โดยการไปที่หน้าการเลือกไม่รับของเรา
เราจะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ด้านล่าง โดยไม่ได้รับความยินยอมจากคุณ หรือตามที่ได้รับอนุญาตหรือจําเป็นภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้ ดังนั้น เราจึงไม่มีความสามารถในการจํากัดการใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
หากคุณได้ส่งคำขอถึง Microsoft เพื่อรับทราบ ลบ แก้ไข หรือรับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ และเชื่อว่า Microsoft ปฏิเสธคำขอของคุณ คุณสามารถใช้สิทธิ์ในการอุทธรณ์ผลลัพธ์ของคำขอของคุณได้โดยการติดต่อทีมสนับสนุนด้านความเป็นส่วนตัวผ่านแบบฟอร์มบนเว็บของเรา หากการอุทธรณ์ของคุณไม่สําเร็จและขึ้นอยู่กับรัฐที่คุณอาศัยอยู่ คุณอาจมีสิทธิ์ที่จะส่งข้อกังวลหรือยื่นคําร้องเรียนกับอัยการรัฐของคุณ
คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่รับการเลือกปฏิบัติหากคุณใช้สิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของคุณ เราจะไม่เลือกปฏิบัติกับคุณ หากคุณใช้สิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของคุณ
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในรายการสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยด้านล่าง เราจัดทำประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เรารวบรวม แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล วัตถุประสงค์ในการประมวลผลของเรา และประเภทของผู้รับที่เป็นบุคคลภายนอกที่เราส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับคำอธิบายของข้อมูลที่รวมอยู่ในแต่ละประเภท โปรดดูที่ส่วน ข้อมูลส่วนบุคคลที่เรารวบรวม โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับเกณฑ์การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่ส่วน การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเรา
หมวดหมู่ของข้อมูลส่วนบุคคล
- ชื่อและข้อมูลการติดต่อ
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้และคู่ค้าที่เรานำเสนอบริการแบบแบรนด์ร่วม
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาผลิตภัณฑ์ของเรา, ตอบคำถามของลูกค้า, ช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา และทำการตลาด
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
- ข้อมูลประจำตัว
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้และองค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้ใช้
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาผลิตภัณฑ์ของเรา รับรองความถูกต้องและเข้าถึงบัญชี และช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
- ข้อมูลด้านประชากร
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้และการซื้อจากผู้ให้บริการข้อมูลกลาง
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาและปรับแต่งผลิตภัณฑ์ของเรา, พัฒนาผลิตภัณฑ์, ช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัยและแก้ไขปัญหา และทำการตลาด
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
- ข้อมูลการชำระเงิน
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้และสถาบันการเงิน
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): ทำธุรกรรมทางการค้า, ประมวลผลธุรกรรม, ดำเนินการตามคำสั่งซื้อ, ช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา รวมถึงตรวจจับและป้องกันการปลอมแปลง
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
- การสมัครใช้งานและข้อมูลสิทธิ์การใช้งาน
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้และองค์กรที่แสดงถึงผู้ใช้ ได้แก่ หน้าร้านและแพลตฟอร์มของบริษัทภายนอกที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหา ปรับแต่ง และเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ของเรา ฝ่ายสนับสนุน ช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา การตลาด และการบัญชี
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
- การโต้ตอบ
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้ รวมถึงข้อมูลที่ Microsoft สร้างขึ้นผ่านการโต้ตอบเหล่านั้น
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาและปรับแต่งผลิตภัณฑ์ของเรา, ปรับปรุงผลิตภัณฑ์, พัฒนาผลิตภัณฑ์, ทำการตลาด และช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
- เนื้อหา
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้และองค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้ใช้
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาผลิตภัณฑ์ของเรา, ดูแลความปลอดภัย และช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
- วิดีโอหรือการบันทึก
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้และแหล่งข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาผลิตภัณฑ์ของเรา, ปรับปรุงผลิตภัณฑ์, พัฒนาผลิตภัณฑ์, ทำการตลาด, ช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา และดูแลความปลอดภัย
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
- คำติชมและการจัดอันดับ
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล: การโต้ตอบกับผู้ใช้
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาผลิตภัณฑ์ของเรา, ปรับปรุงผลิตภัณฑ์, พัฒนาผลิตภัณฑ์, สนับสนุนลูกค้า และช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและหน่วยงานที่กำกับโดยผู้ใช้
ขณะที่รายการสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยข้างต้นมีแหล่งที่มาและวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท แต่เรายังรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาที่ระบุไว้ในส่วน ข้อมูลส่วนบุคคลที่เรารวบรวม เช่น นักพัฒนาที่สร้างประสบการณ์ใช้งานผ่านทางหรือสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ในทำนองเดียวกัน เราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทุกประเภทเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่อธิบายไว้ในส่วน วิธีการที่เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมาย การพัฒนาบุคลากร และการดำเนินการวิจัย
เราอาจรวบรวม ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างที่มีคุณสมบัติเป็น “ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน” ภายใต้กฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่บังคับใช้ในรัฐของสหรัฐอเมริกา โดยขึ้นอยู่กับ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณ ความยินยอมของคุณ และขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้และตัวเลือกของคุณ ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเป็นส่วนย่อยของข้อมูลส่วนบุคคล ในรายการด้านล่าง เราจัดทำประเภทของข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่เรารวบรวม แหล่งที่มาของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน วัตถุประสงค์ในการประมวลผลของเรา และประเภทของผู้รับบุคคลที่เป็นบุคคลภายนอกที่เราแบ่งปันข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่เราอาจรวบรวมได้ที่ส่วน ข้อมูลส่วนบุคคลที่เรารวบรวม
ประเภทของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
- การเข้าสู่ระบบบัญชี บัญชีทางการเงิน หมายเลขบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต และวิธีการเข้าถึงบัญชี (รหัสความปลอดภัยหรือการเข้าถึง รหัสผ่าน ข้อมูลประจําตัว เป็นต้น)
- แหล่งที่มาของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน: การโต้ตอบกับผู้ใช้และองค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้ใช้
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาผลิตภัณฑ์และดำเนินการตามธุรกรรมทางการเงินที่ร้องขอ
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและผู้ให้บริการประมวลผลการชำระเงิน
- ข้อมูลตําแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่แม่นยํา
- แหล่งที่มาของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน: การโต้ตอบของผู้ใช้กับผลิตภัณฑ์
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาบริการที่ร้องขอ, ปรับปรุงผลิตภัณฑ์, อาจมีการลักษณะบางประการต่อบริษัทภายนอกเพื่อให้บริการ
- ผู้รับ: ผู้ใช้และผู้ให้บริการ (โปรดดู บริการตําแหน่งที่ตั้งของ Windows และ การบันทึกของนโยบายความเป็นส่วนตัวของเราสําหรับข้อมูลเพิ่มเติม)
- เชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ ความเชื่อทางศาสนาหรือปรัชญา หรือสมาชิกสหภาพ
- แหล่งที่มาของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน: การติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): ดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อรับทราบถึงวิธีการใช้และมุมมองที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของเรา และเพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานผลิตภัณฑ์
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการ
- การแพทย์หรือสุขภาพจิต ชีวิตทางเพศ หรือรสนิยมทางเพศ
- แหล่งที่มาของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน: การติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): ดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อรับทราบถึงวิธีการใช้และมุมมองที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของเรา และเพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานและการช่วยสำหรับการเข้าถึงผลิตภัณฑ์
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการ
- เนื้อหาของจดหมาย อีเมล หรือข้อความตัวอักษรของคุณ (โดยที่ Microsoft ไม่ใช่ผู้รับที่ตั้งใจไว้ของการสื่อสาร)
- แหล่งที่มาของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน: การโต้ตอบของผู้ใช้กับผลิตภัณฑ์
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): วัตถุประสงค์ของการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก): ให้บริการผลิตภัณฑ์ของเรา ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ ความปลอดภัย และช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการ
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมจากบุคคลที่ทราบว่าเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี
- แหล่งที่มาของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน: การโต้ตอบกับผู้ใช้และองค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้ใช้
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผล (การรวบรวมและการเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม): จัดหาผลิตภัณฑ์ของเรา, ปรับปรุงผลิตภัณฑ์, พัฒนาผลิตภัณฑ์, ให้คำแนะนำ, ช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหา และดูแลความปลอดภัย
- ผู้รับ: ผู้ให้บริการและเอนทิตีที่ผู้ใช้กําหนด (ตาม การตั้งค่า Microsoft Family Safety ของคุณ)
แม้ว่ารายการสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยข้างต้นจะประกอบด้วยแหล่งที่มาหลักและวัตถุประสงค์ของการประมวลผลสําหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมจากเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี แต่เรายังรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาที่ระบุไว้ในส่วน การรวบรวมข้อมูลจากเด็ก อีกด้วย
เราไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้:
- ดําเนินการบริการหรือจัดหาสินค้าที่คุณคาดหวังอย่างสมเหตุสมผล
- ช่วยรับรองความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของบริการ ระบบ และข้อมูลของเรา เพื่อต่อต้านการกระทําการหลอกลวงที่เป็นอันตราย ฉ้อโกง หรือผิดกฎหมาย และเพื่อปกป้องความปลอดภัยทางกายภาพของบุคคล ในขอบเขตที่การประมวลผลมีความจําเป็นและเป็นสัดส่วนอย่างสมเหตุสมผล
- เพื่อการใช้งานชั่วคราวระยะสั้น (รวมถึงการโฆษณาที่ไม่ได้ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล) ตราบเท่าที่ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก ไม่ถูกใช้เพื่อการสร้างโปรไฟล์ และไม่ถูกใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของบุคคลนอกเหนือการโต้ตอบกับ Microsoft ในปัจจุบัน
- ดําเนินการบริการในนามของ Microsoft เช่น การรักษาบัญชี การให้บริการลูกค้า การประมวลผล หรือการดําเนินการตามคําสั่งซื้อ/ธุรกรรม การตรวจสอบข้อมูลลูกค้า การประมวลผลการชําระเงิน การจัดหาเงินทุน การให้การวิเคราะห์ การจัดหาพื้นที่จัดเก็บ และบริการที่คล้ายคลึงกัน
- ดำเนินกิจกรรมเพื่อตรวจสอบหรือรักษาคุณภาพหรือความปลอดภัยของ หรือปรับปรุง อัปเกรด หรือปรับปรุงบริการหรืออุปกรณ์ที่เป็นของหรือควบคุมโดย Microsoft
- รวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนในกรณีที่การรวบรวมหรือการประมวลผลนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อการอนุมานถึงลักษณะเฉพาะเกี่ยวกับบุคคล
- กิจกรรมอื่นใดที่สอดคล้องกับกฎระเบียบใดๆ ในอนาคตที่ออกให้ตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลที่ลบข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงตัวบุคคล ในบางสถานการณ์ Microsoft อาจประมวลผลข้อมูลที่ไม่ได้ระบุตัวตน ข้อมูลจะอยู่ในสถานะนี้เมื่อเราไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลไปยังบุคคลที่ข้อมูลดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องด้วยโดยไม่ดำเนินการขั้นตอนเพิ่มเติม ในกรณีเหล่านั้น และเว้นแต่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้ เราจะรักษาข้อมูลดังกล่าวในสถานะที่ไม่ระบุตัวตน และจะไม่พยายามระบุตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนอีก
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือการค้า ตามที่อธิบายไว้ในส่วน เหตุผลที่เราแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล เราแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทภายนอกเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและการค้าต่างๆ วัตถุประสงค์ทางธุรกิจและการค้าหลักๆ ที่เราแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเป็นวัตถุประสงค์การประมวลผลที่แสดงไว้ในตารางข้างต้น แต่เราแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลทุกประเภทเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและการค้าในส่วน เหตุผลที่เราแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล
ฝ่ายต่างๆ ที่ควบคุมการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ในบางสถานการณ์ เราอาจอนุญาตให้บุคคลภายนอกควบคุมการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชันหรือส่วนขยายของบริษัทอื่นที่ทํางานบน Windows หรือเบราว์เซอร์ Edge อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามแนวทางปฏิบัติของตนเอง
Microsoft อนุญาตให้บริษัทโฆษณาเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการโต้ตอบของคุณกับเว็บไซต์ของเราเพื่อนําเสนอโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวในนามของ Microsoft คุณสามารถดูคู่ค้าด้านโฆษณาจากบริษัทภายนอกของเราได้ที่ประกาศเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกา และปฏิเสธเข้าร่วมการแบ่งปันข้อมูลกับบริษัทภายนอกได้ที่หน้าการเลือกไม่รับของเรา
โฆษณา
โฆษณาที่ช่วยให้เราสามารถให้บริการ สนับสนุน และปรับปรุงผลิตภัณฑ์บางอย่างของเรา Microsoft จะไม่ใช้สิ่งที่คุณกล่าวถึงในอีเมล การสนทนาระหว่างมนุษย์ การสนทนาทางวิดีโอหรือข้อความเสียง หรือเอกสารของคุณ ภาพถ่ายหรือไฟล์ส่วนตัวอื่นๆ เพื่อกำหนดเป้าหมายในการโฆษณาไปยังคุณ เราใช้ข้อมูลอื่นตามรายละเอียดด้านล่างเพื่อการโฆษณาบนทรัพยากรของ Microsoft และทรัพยากรของบุคคลภายนอก ตัวอย่างเช่น:
- Microsoft อาจใช้ข้อมูลที่เรารวบรวมเพื่อเลือกและแสดงโฆษณาบางส่วนที่คุณเห็นบนคุณสมบัติบนเว็บของ Microsoft เช่น Microsoft.com, Microsoft Start และ Bing นอกจากนี้ เรายังอาจใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเลือกและแสดงโฆษณาบนทรัพย์สินดิจิทัลของบุคคลที่สาม
- เมื่อมีการเปิดใช้งานรหัสโฆษณาใน Windows โดยเป็นส่วนของการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณ บริษัทภายนอกจะสามารถเข้าถึงและใช้รหัสโฆษณานั้นได้ (ในทำนองเดียวกับที่เว็บไซต์สามารถเข้าถึงและใช้ตัวระบุเฉพาะที่จัดเก็บในคุกกี้) เพื่อเลือกและแสดงโฆษณาในแอปดังกล่าว
- เราอาจแชร์ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมกับคู่ค้าภายในและภายนอก เช่น Xandr, Yahoo หรือ Facebook (ดูด้านล่าง) เพื่อให้โฆษณาที่คุณเห็นในผลิตภัณฑ์ของเราและผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีความเกี่ยวข้องและมีประโยชน์กับคุณมากขึ้น
- ผู้ลงโฆษณาอาจเลือกที่จะวางเว็บบีคอนของเราลงบนเว็บไซต์ของตน หรือใช้เทคโนโลยีที่คล้ายกัน เพื่อให้ Microsoft สามารถรวบรวมข้อมูลบนเว็บไซต์ของตนได้ เช่น กิจกรรม การซื้อและการเยี่ยมชม โดยเราใช้ข้อมูลนี้ในนามของลูกค้าผู้ลงโฆษณาของเราเพื่อแสดงโฆษณา
โฆษณาที่คุณเห็นอาจถูกเลือกตามข้อมูลที่เราประมวลผลเกี่ยวกับคุณ เช่น ความสนใจและสิ่งที่คุณโปรดปราน ตำแหน่งที่ตั้งของคุณ รายการธุรกรรมของคุณ ลักษณะที่คุณใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา คำสืบค้นของคุณ หรือเนื้อหาที่คุณดู ตัวอย่างเช่น หากคุณดูเนื้อหาบน Microsoft Start เกี่ยวกับยานยนต์ เราอาจแสดงโฆษณาเกี่ยวกับรถยนต์ หากคุณค้นหา “ร้านขายพิซซ่าในซีแอตเทิล” ใน Bing คุณอาจเห็นโฆษณาในผลการค้นหาของคุณสำหรับร้านอาหารในซีแอตเทิล
โฆษณาที่คุณเห็นอาจถูกเลือกตามข้อมูลอื่นๆ ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับคุณเป็นเวลานาน โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานของบุคคล ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง ข้อความค้นหา ความสนใจและรายการโปรด ข้อมูลการใช้งานจากผลิตภัณฑ์และไซต์ของเรา และข้อมูลที่เรารวบรวมเกี่ยวกับคุณจากไซต์และแอปของผู้ลงโฆษณาและบริษัทคู่ค้าของเรา เราเรียกโฆษณาเหล่านี้ว่า"โฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว"ในนโยบายนี้ ตัวอย่างเช่น หากคุณดูเนื้อหาเกี่ยวกับเกมบน xbox.com คุณอาจเห็นโฆษณาสำหรับเกมต่างๆ บน Microsoft Start เรารวมคุกกี้ในอุปกรณ์ของคุณโดยใช้ข้อมูลที่เรารวบรวม (อย่างเช่นที่อยู่ IP) เมื่อเบราว์เซอร์โต้ตอบกับเว็บไซต์ของเรา เพื่อเสนอโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว หากคุณเลือกไม่รับโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว จะไม่มีการใช้ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับคุกกี้เหล่านี้
เราสามารถใช้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณเพื่อแสดงโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวเมื่อคุณใช้บริการของ Microsoft หากคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ของคุณและยินยอมให้ Microsoft Edge ใช้กิจกรรมออนไลน์ของคุณสำหรับโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว คุณจะเห็นโฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณในขณะที่ใช้ Microsoft Edge หากต้องการกำหนดการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณสำหรับ Edge ให้ไปที่ Microsoft Edge > การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและบริการ หากต้องการกำหนดค่าความเป็นส่วนตัวและการตั้งค่าสำหรับบัญชี Microsoft ของคุณที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมออนไลน์บนเบราว์เซอร์ต่างๆ รวมถึง Microsoft Edge หรือเมื่อไปที่เว็บไซต์หรือแอปของบริษัทภายนอก โปรดไปที่แดชบอร์ดของคุณที่ privacy.microsoft.com
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณารวมถึง:
- แนวทางปฏิบัติและพันธกิจของอุตสาหกรรมโฆษณา Microsoft เป็นสมาชิกของ Network Advertising Initiative (NAI) และปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติของ NAI เรายังปฏิบัติตามโปรแกรมกำกับดูแลตนเองต่อไปนี้ด้วย:
- การกำหนดเป้าหมายโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ในสหรัฐอเมริกา เรามีโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลโดยอิงตามหมวดหมู่ความสนใจด้านสุขภาพที่เป็นมาตรฐานจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งรวมถึงภูมิแพ้ ข้ออักเสบ คอเลสเตอรอล ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ เบาหวาน สุขภาพของกระเพาะอาหารและลำไส้ อาการปวดศีรษะ / ไมเกรน การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ หัวใจที่สมบูรณ์แข็งแรง สุขภาพของผู้ชาย สุขภาพในช่องปาก กระดูกพรุน สุขภาพผิว การนอนหลับ และการดูแลสายตา / การมองเห็น เรายังปรับแต่งโฆษณาให้เป็นแบบส่วนตัวโดยอิงตามประเภทของความสนใจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่ไม่ใช่ข้อมูลละเอียดอ่อนในแบบกำหนดเองตามที่ผู้โฆษณาขอด้วย
- เด็กและการโฆษณา เราไม่ส่งโฆษณาแบบส่วนตัวให้กับเด็กที่มีวันเกิดในบัญชี Microsoft ที่ระบุว่าพวกเขามีอายุต่ำกว่า 18 ปี
- การเก็บข้อมูล สำหรับโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว เราจะจัดเก็บข้อมูลไว้ไม่เกิน 13 เดือน เว้นแต่ว่าเราจะได้รับความยินยอมจากคุณให้จัดเก็บข้อมูลได้นานกว่านั้น
- ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน Microsoft Advertising ไม่รวบรวม ดำเนินการ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็น “ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน” ภายใต้กฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกาที่บังคับใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการแสดงโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
- การแบ่งปันข้อมูล ในบางกรณี เราแบ่งปันรายงานเกี่ยวกับข้อมูลที่เรารวบรวมจากไซต์หรือโฆษณาของผู่ลงโฆษณาให้กับผู้ลงโฆษณา
ข้อมูลที่รวบรวมโดยบริษัทโฆษณาอื่นๆ บางครั้งผู้โฆษณาก็รวมเว็บบีคอนของตนเอง (หรือของคู่ค้าโฆษณารายอื่นๆ ของตน) ไว้ในโฆษณาที่เราแสดงเพื่อให้สามารถกำหนดการอ่านคุกกี้ของตนเองได้ นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Xandr ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Microsoft และบริษัทโฆษณาภายนอก เพื่อช่วยให้บริการด้านโฆษณาบางส่วนแก่เรา และเรายังอนุญาตให้บริษัทโฆษณาภายนอกอื่นๆ แสดงโฆษณาบนไซต์ของเราได้อีกด้วย บริษัทภายนอกเหล่านี้อาจวางคุกกี้ในคอมพิวเตอร์ของคุณ และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ของคุณในเว็บไซต์หรือบริการออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: Facebook, Media.net, Outbrain, Taboola และ Yahoo เลือกลิงก์ใดๆ ก่อนหน้าเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติของบริษัทแต่ละแห่ง ซึ่งรวมถึงตัวเลือกที่บริษัทเสนอให้ บริษัทหลายแห่งเหล่านี้เป็นสมาชิกของ NAI หรือ DAA ซึ่งแต่ละแห่งมีวิธีที่เรียบง่ายในการปฏิเสธการเข้าร่วมเป็นกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาจากบริษัทที่เข้าร่วม
หากต้องการเลือกที่จะไม่รับโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวจาก Microsoft โปรดไปที่หน้า การเลือกไม่รับ ของเรา เมื่อคุณเลือกที่จะปฏิเสธเข้าร่วม การตั้งค่าของคุณจะถูกเก็บไว้ในคุกกี้ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเว็บเบราว์เซอร์ที่คุณใช้อยู่ คุกกี้การปฏิเสธเข้าร่วมนี้จะหมดอายุในห้าปี ถ้าคุณลบคุกกี้ในอุปกรณ์ของคุณ คุณต้องปฏิเสธการเข้าร่วมใหม่อีกครั้ง
เทคโนโลยีการรู้จำเสียง
เทคโนโลยีการรู้จำเสียงถูกผสานรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการมากมายของ Microsoft Microsoft มีฟีเจอร์การรู้จำเสียงทั้งแบบติดตั้งในอุปกรณ์และฟีเจอร์การรู้จําเสียงบนระบบ Cloud (ออนไลน์) เทคโนโลยีการรู้จำเสียงของ Microsoft จะแปลงข้อมูลเสียงให้เป็นข้อความ ถ้าได้รับความยินยอมจากคุณ พนักงานและผู้จำหน่ายของ Microsoft ที่ทำงานในนามของ Microsoft จะสามารถตรวจสอบส่วนของข้อมูลเสียงหรือคลิปเสียงของคุณเพื่อสร้างและปรับปรุงเทคโนโลยีการรู้จำเสียงของเรา การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถสร้างความสามารถการทำงานด้วยเสียงที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้บริโภคและองค์กรทั้งหมดของเรา ก่อนที่พนักงานหรือผู้จัดจำหน่ายจะตรวจสอบข้อมูลเสียงได้ เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้โดยทำตามขั้นตอนในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องมีข้อตกลงว่าด้วยการไม่เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้จัดจำหน่ายและพนักงาน และพนักงานและผู้จัดจำหน่ายจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความเป็นส่วนตัวระดับสูง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Microsoft และข้อมูลเสียงของคุณ
รุ่นตัวอย่างหรือรุ่นที่ออกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
Microsoft นำเสนอผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์รุ่นพรีวิว, รุ่น Insider, รุ่นเบต้า หรือรุ่นอื่นๆ ที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ("รุ่นพรีวิว") เพื่อให้คุณสามารถประเมินผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ดังกล่าวได้ พร้อมทั้งมอบข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์รวมถึงคำติชมและข้อมูลอุปกรณ์และการใช้งานให้ Microsoft รับทราบ ด้วยเหตุนี้ รุ่นตัวอย่างจึงสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยอัตโนมัติ โดยมีการควบคุมน้อยกว่า และใช้มาตรการการรักษาความเป็นส่วนตัวและการป้องกันความปลอดภัยที่แตกต่างออกไปจากมาตรการและการควบคุมที่มีอยู่ตามปกติในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเรา ถ้าท่านเข้าร่วมทดลองใช้รุ่นตัวอย่าง เราอาจติดต่อท่านเพื่อขอคำติชมเกี่ยวกับรุ่นตัวอย่าง หรือสอบถามความสนใจของท่านที่จะใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต่อไป หลังจากการวางจำหน่ายทั่วไป
การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
เราอัปเดตนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เมื่อจำเป็นต้องให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้นหรือเพื่อตอบสนองต่อ:
- คำติชมจากลูกค้า ผู้มีอำนาจควบคุม อุตสาหกรรม หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ
- การเปลี่ยนแปลงในผลิตภัณฑ์ของเรา
- การเปลี่ยนแปลงในนโยบายหรือกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลของเรา
เมื่อเราโพสต์การเปลี่ยนแปลงต่อนโยบายนี้ เราจะแก้ไขวันที่"อัปเดตล่าสุด"ที่ด้านบนของนโยบายดังกล่าว และอธิบายการเปลี่ยนแปลงในหน้า ประวัติการเปลี่ยนแปลง หากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในคำชี้แจง เช่น การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่มีการรวบรวมข้อมูลไว้ในตอนเริ่มแรก เราจะแจ้งให้คุณทราบโดยการโพสต์ประกาศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างชัดเจนก่อนที่จะมีผล หรือโดยการส่งการแจ้งเตือนถึงคุณโดยตรง เราส่งเสริมให้คุณอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นระยะๆ เพื่อเรียนรู้วิธีการที่ Microsoft ใช้ปกป้องข้อมูลของคุณ
วิธีติดต่อเรา
หากคุณมีข้อสงสัย ข้อร้องเรียน หรือคำถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสำหรับเจ้าหน้าที่รับผิดชอบดูแลความเป็นส่วนตัวหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลของ Microsoft ในภูมิภาคของคุณ โปรดติดต่อเราโดยใช้ แบบฟอร์มบนเว็บของเรา เราจะตอบกลับคำถามหรือปัญหาตามที่กฎหมายกำหนดและภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน นอกจากนี้คุณสามารถแจ้งปัญหาหรือยื่นการร้องเรียนต่อหน่วยงานการคุ้มครองข้อมูลหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจอื่นๆ
เมื่อ Microsoft เป็นผู้ควบคุม เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น Microsoft Corporation และสำหรับผู้ใช้ในเขตเศรษฐกิจยุโรป สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์, Microsoft Ireland Operations Limited เป็นผู้ควบคุมข้อมูลสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล เราเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านผลิตภัณฑ์ภายใต้คำชี้แจงนี้ ที่อยู่ของเราคือ:
- Microsoft Privacy, Microsoft Corporation, One Microsoft Way, Redmond, Washington 98052, USA. โทรศัพท์: +1 (425) 882 8080
- Microsoft Ireland Operations Limited, ถึง: เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล, One Microsoft Place, South County Business Park, Leopardstown, Dublin 18, Ireland โทรศัพท์: +353 1 706 3117
หากต้องการค้นหาบริษัทสาขาของ Microsoft ในประเทศหรือภูมิภาคของคุณ โปรดดูรายชื่อ ตำแหน่งที่ตั้งสำนักงานของ Microsoft ทั่วโลก
ตัวแทนของ Microsoft Ireland Operations Limited ตามความหมายของมาตราที่ 14 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลแห่งรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์คือ Microsoft Schweiz GmbH, The Circle 02, 8058 Zürich-Flughafen, Switzerland
หากคุณต้องการใช้สิทธิ์ของคุณภายใต้กฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของรัฐในสหรัฐอเมริกา คุณสามารถติดต่อ Microsoft ได้ตามที่อยู่ของสหรัฐอเมริกาที่ระบุไว้ข้างต้น ใช้ แบบฟอร์มบนเว็บของเรา หรือโทรติดต่อหมายเลขโทรฟรีของเราในสหรัฐอเมริกาที่ +1 (844) 931 2038
หากคุณเป็นผู้พำนักอาศัยในแคนาดาและจังหวัดต่างๆ ของแคนาดา คุณสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลของ Microsoft ในแคนาดาได้ที่สำนักงานใหญ่ของ Microsoft Canada ที่ 4400-81 Bay St, Toronto, ON, M5J 0E7, ที่หมายเลขโทรศัพท์ +1 (416) 349 2506 หรือโดยการใช้ แบบฟอร์มบนเว็บของเรา
ในกรณีที่ใช้กฎหมายฝรั่งเศส คุณยังสามารถส่งคำแนะนำเฉพาะเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณหลังจากคุณเสียชีวิตให้แก่เราได้โดยใช้ แบบฟอร์มบนเว็บของเรา
หากคุณมีคำถามทางเทคนิคหรือเกี่ยวกับการสนับสนุน โปรดไปที่ ฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอของฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft หากคุณมีคําถามเกี่ยวกับรหัสผ่านของบัญชี Microsoft ส่วนบุคคล โปรดไปที่ ฝ่ายสนับสนุนบัญชี Microsoft
เราขอเสนอสื่อกลางต่างๆ เพื่อให้คุณควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ Microsoft ได้รับและใช้สิทธิ์ในการปกป้องข้อมูลของคุณ คุณสามารถทำได้โดยการติดต่อ Microsoft ที่ แบบฟอร์มบนเว็บ ของเราหรือข้อมูลข้างต้น หรือโดยใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เราจัดเตรียมไว้ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วน วิธีการเข้าถึงและควบคุมส่วนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
ปัญญาประดิษฐ์และความสามารถของ Microsoft Copilot
Microsoft ใช้ประโยชน์จากพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในผลิตภัณฑ์และบริการจำนวนมากของเรา รวมถึงการรวมฟีเจอร์ AI สร้างสรรรค์ เช่น ความสามารถของ Microsoft Copilot การปรับใช้และการใช้ AI ของ Microsoft จะอยู่ภายใต้ หลักการ AI ของ Microsoft และ มาตรฐาน AI ที่รับผิดชอบของ Microsoft และการรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ Microsoft ในการพัฒนาและการปรับใช้ฟีเจอร์ AI จะสอดคล้องกับข้อผูกมัดที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ รายละเอียดเฉพาะผลิตภัณฑ์มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม คุณสามารถค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Microsoft ใช้ AI ที่นี่
ความสามารถของ Microsoft Copilot Microsoft Copilot คือคู่หู AI ทุกวันของ Microsoft และได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณทำงานได้สำเร็จมากขึ้นผ่านประสบการณ์ใช้งานเดียวที่ใช้งานผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ทำความเข้าใจบริบทที่เกี่ยวข้องในเว็บ ในพีซีของคุณ และในแอปต่างๆ เพื่อมอบทักษะที่ใช่ให้กับคุณในเวลาที่เหมาะสม ด้วยความช่วยเหลือของ Copilot ผู้ใช้สามารถเริ่มแบบร่างของเอกสาร Word ใหม่ สร้างงานนําเสนอ PowerPoint ค้นหาคําตอบของคิวรีการค้นหาที่ซับซ้อนแบบออนไลน์ค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้องหรือเนื้อหาส่วนบุคคลอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว หรือได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างเพลง เรื่องราว รูปภาพ หรือเนื้อหาอื่นๆ ใหม่ๆ รวมถึงงานอื่นๆ Copilot เป็นกลุ่มของบริการ และการรวบรวมและการใช้ข้อมูลของ Microsoft’อาจแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับบริการและฟังก์ชันการทํางานที่กําหนดไว้ในสถานการณ์ที่ระบุ
เว็บไซต์ และแอป Copilot(พร้อมใช้งานใน iOS และ Android) เป็นแกนหลักของประสบการณ์ใช้งาน Copilot ของผู้บริโภค ภายในประสบการณ์ใช้งานหลักนี้ ผู้ใช้สามารถค้นหาเว็บ สร้างข้อความ รูปภาพ เพลง หรือผลลัพธ์อื่นๆ หรือมีส่วนร่วมกับฟีเจอร์อื่นๆ เช่น ปลั๊กอิน บนเว็บไซต์และในแอป ผู้ใช้จะใส่ “พร้อมท์” ที่ให้คําแนะนําแก่ Copilot (เช่น “ให้คําแนะนําแก่ฉันสําหรับร้านอาหารที่รองรับกลุ่มคนจํานวน 10 คนที่อยู่ใกล้ฉัน”) เพื่อให้การตอบกลับที่เกี่ยวข้อง Copilot จะใช้พร้อมท์นี้ พร้อมกับตําแหน่งที่ตั้ง ภาษา และการตั้งค่าที่คล้ายกันของผู้ใช้’เพื่อสร้างการตอบสนองที่มีประโยชน์ ในบางตลาด ผู้ใช้ที่ได้รับการรับรองความถูกต้องสามารถเลือกที่จะอนุญาตให้ Copilot สามารถเข้าถึงประวัติพร้อมท์ก่อนหน้าเพื่อปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ Copilot สําหรับผู้บริโภคใช้ข้อมูลที่รวบรวมเพื่อจัดหาและปรับปรุงบริการ Copilot รวมถึงเพื่อให้โฆษณาที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของพวกเขาสามารถจัดการประวัติพร้อมท์ในผลิตภัณฑ์และในแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft และสามารถปรับตําแหน่งที่ตั้ง ภาษา และการตั้งค่าอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์ได้
Copilot ยังปรากฏเป็นผู้ช่วยภายในผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคอื่นๆ ของ Microsoft เช่น Bing และ Microsoft Edge ในสถานการณ์เหล่านั้น โดยทั่วไปกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลจะสอดคล้องกับการใช้งานหลักของผลิตภัณฑ์’ เหล่านั้น ตัวอย่างเช่น Copilot ในการใช้และการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของ Bing สอดคล้องกับข้อเสนอการค้นหาเว็บหลักของ Bing ตามที่อธิบายไว้ในส่วนการค้นหาและการเรียกดูของคําชี้แจงสิทธิ์ส่วนบุคคลนี้ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Copilot ใน Bing ได้ที่ Copilot ใน Bing: แนวทางของเราต่อ AI ที่รับผิดชอบ ใน Microsoft Edge Copilot จะปรากฏในประสบการณ์การใช้งานแถบด้านข้างและสามารถช่วยให้ผู้ใช้ทํางานที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บที่พวกเขาเยี่ยมชมได้ (เช่น “สรุปหน้านี้”) ข้อมูลนี้ถูกใช้โดยสอดคล้องกับส่วน Microsoft Edge ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
Copilot Pro เป็นอีกหนึ่งข้อเสนอของ Copilot สำหรับผู้บริโภค และช่วยให้สมาชิกเข้าถึงโมเดลล่าสุดได้ก่อนใคร ความสามารถในการสร้างรูปภาพที่ได้รับการปรับปรุง และการเข้าถึง Copilot ใน Microsoft Word, PowerPoint, OneNote, Excel และ Outlook เว็บไซต์และแอปหลักของ Copilot Pro มีการรวบรวม ข้อมูล การใช้งาน และการควบคุมที่คล้ายกันในฐานะลูกค้า Copilot ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น เมื่อ Copilot ถูกรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ Microsoft 365 การรวบรวมข้อมูล Copilot จะสอดคล้องกับวิธีการอธิบายการรวบรวมข้อมูลและการใช้งานในส่วนประสิทธิภาพและการสื่อสารของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอ Copilot ที่ออกแบบมาสําหรับผู้ใช้ระดับองค์กร เมื่อเปิดใช้งานโดยองค์กรที่มีสิทธิ์ ผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบด้วย Entra ID ที่ต้องการเข้าถึงบริการ Copilot สําหรับผู้บริโภคจะได้รับ Copilot พร้อมการปกป้องข้อมูลเชิงพาณิชย์ ซึ่งช่วยลดการรวบรวมข้อมูลและการใช้งานที่สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ใช้ระดับองค์กร ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Copilot ที่มีการป้องกันข้อมูลเชิงพาณิชย์พร้อมใช้งาน ที่นี่
Microsoft Copilot for Microsoft 365 Enterprise มอบการปกป้องข้อมูลระดับองค์กรพร้อมกับการเข้าถึงกราฟองค์กร Copilot ภายใน Microsoft 365 และ Teams และฟีเจอร์การกําหนดเองเพิ่มเติม การรวบรวมและใช้ข้อมูลใน Copilot สําหรับ Microsoft 365 องค์กรสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่อธิบายไว้ในส่วนผลิตภัณฑ์สําหรับองค์กรและนักพัฒนาของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนา
ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของ Microsoft และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องที่นำเสนอและออกแบบเพื่อการใช้งานโดยองค์กรและผู้พัฒนาเป็นหลัก รวมถึง:
- บริการระบบคลาวด์ที่เรียกว่าบริการออนไลน์ในข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ เช่น Microsoft 365 และ Office 365, Microsoft Azure, Microsoft Dynamics365 และ Microsoft Intune ซึ่งองค์กร (ลูกค้าของเรา) ทำสัญญากับ Microsoft สำหรับบริการดังกล่าว (“บริการออนไลน์สำหรับองค์กร”)
- เครื่องมือและบริการบนระบบคลาวด์สำหรับองค์กรและนักพัฒนาอื่นๆ เช่น บริการ Azure PlayFab (หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูที่ข้อกำหนดการใช้บริการ Azure PlayFab)
- ผลิตภัณฑ์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ นักพัฒนา และแพลตฟอร์มระบบคลาวด์แบบไฮบริด อาทิ Windows Server, SQL Server, Visual Studio, System Center, Azure Stack และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส เช่น โซลูชัน Bot Framework (“ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรและนักพัฒนา”)
- เครื่องใช้และฮาร์ดแวร์ที่ใช้สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในการจัดเก็บ อาทิ StorSimple (“เครื่องใช้สำหรับองค์กร”)
- บริการระดับมืออาชีพที่อ้างอิงถึงในข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ซึ่งมีอยู่ในบริการออนไลน์สำหรับองค์กร เช่น บริการการออนบอร์ด บริการการโยกย้ายข้อมูล บริการวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือบริการต่างๆ เพื่อเสริมคุณลักษณะที่มีอยู่ในบริการออนไลน์สำหรับองค์กร
ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Microsoft กับข้อกำหนดของข้อตกลงใดก็ตามระหว่างลูกค้ากับ Microsoft สำหรับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนา จะใช้ข้อกำหนดของข้อตกลงดังกล่าวในการควบคุม
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะและการตั้งค่าของผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาของเราได้ รวมทั้งตัวเลือกต่างๆ ที่ส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของคุณหรือความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ของคุณ ในเอกสารประกอบผลิตภัณฑ์
หากข้อกำหนดใดๆ ด้านล่างนี้ไม่ได้รับการจำกัดความไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวหรือข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดดังกล่าวจะมีคำจำกัดความดังต่อไปนี้
ทั่วไป เมื่อลูกค้าทดลอง ซื้อ ใช้ หรือสมัครใช้งานผลิตภัณฑ์ขององค์กรและผู้พัฒนา หรือขอรับการสนับสนุนหรือบริการระดับมืออาชีพสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว Microsoft จะได้รับข้อมูลจากคุณและรวบรวมและสร้างข้อมูลเพื่อให้บริการ (รวมถึงการปรับปรุง การรักษาความปลอดภัย และการอัปเดตบริการ) ดำเนินธุรกิจของเรา และติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ตัวอย่างเช่น:
- เมื่อลูกค้าติดต่อตัวแทนขายของ Microsoft เราจะรวบรวมชื่อและข้อมูลการติดต่อของลูกค้า รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรของลูกค้า เพื่อสนับสนุนการติดต่อดังกล่าว
- เมื่อลูกค้าติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนของ Microsoft เราจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และการใช้งานหรือรายงานข้อผิดพลาด เพื่อวินิจฉัยและแก้ไขปัญหา
- เมื่อลูกค้าชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์ เราจะรวบรวมข้อมูลการติดต่อและข้อมูลการชำระเงินเพื่อดำเนินการการชำระเงิน
- เมื่อ Microsoft ส่งการติดต่อสื่อสารไปยังลูกค้า เราจะใช้ข้อมูลเพื่อปรับแต่งเนื้อหาของการสื่อสาร
- เมื่อลูกค้ามีส่วนร่วมกับ Microsoft สำหรับบริการระดับมืออาชีพ เราเก็บรวบรวมชื่อและข้อมูลสำหรับติดต่อของของบุคคลที่สามารถติดต่อได้ที่ลูกค้ากำหนด และใช้ข้อมูลที่ลูกค้าให้ไว้เพื่อดำเนินการให้บริการที่ลูกค้าร้องขอ
ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาทำให้คุณสามารถซื้อ สมัครใช้บริการหรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ และบริการออนไลน์ได้จาก Microsoft หรือบริษัทภายนอกที่มีข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกัน และผลิตภัณฑ์และบริการออนไลน์อื่นๆ จะถูกควบคุมโดยคำชี้แจงและนโยบายด้านสิทธิส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องของตนเอง
ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของ Microsoft และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องที่นำเสนอและออกแบบเพื่อการใช้งานโดยองค์กรและผู้พัฒนาเป็นหลัก รวมถึง:
- บริการระบบคลาวด์ที่เรียกว่าบริการออนไลน์ในข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ เช่น Microsoft 365 และ Office 365, Microsoft Azure, Microsoft Dynamics365 และ Microsoft Intune ซึ่งองค์กร (ลูกค้าของเรา) ทำสัญญากับ Microsoft สำหรับบริการดังกล่าว (“บริการออนไลน์สำหรับองค์กร”)
- เครื่องมือและบริการบนระบบคลาวด์สำหรับองค์กรและนักพัฒนาอื่นๆ เช่น บริการ Azure PlayFab (หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูที่ ข้อกำหนดการใช้บริการ Azure PlayFab)
- ผลิตภัณฑ์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ นักพัฒนา และแพลตฟอร์มระบบคลาวด์แบบไฮบริด อาทิ Windows Server, SQL Server, Visual Studio, System Center, Azure Stack และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส เช่น โซลูชัน Bot Framework (“ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรและนักพัฒนา”)
- เครื่องใช้และฮาร์ดแวร์ที่ใช้สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในการจัดเก็บ อาทิ StorSimple (“เครื่องใช้สำหรับองค์กร”)
- บริการระดับมืออาชีพที่อ้างอิงถึงในข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ซึ่งมีอยู่ในบริการออนไลน์สำหรับองค์กร เช่น บริการการออนบอร์ด บริการการโยกย้ายข้อมูล บริการวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือบริการต่างๆ เพื่อเสริมคุณลักษณะที่มีอยู่ในบริการออนไลน์สำหรับองค์กร
ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Microsoft กับข้อกำหนดของข้อตกลงใดก็ตามระหว่างลูกค้ากับ Microsoft สำหรับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนา จะใช้ข้อกำหนดของข้อตกลงดังกล่าวในการควบคุม
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะและการตั้งค่าของผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาของเราได้ รวมทั้งตัวเลือกต่างๆ ที่ส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของคุณหรือความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ของคุณ ในเอกสารประกอบผลิตภัณฑ์
หากข้อกำหนดใดๆ ด้านล่างนี้ไม่ได้รับการจำกัดความไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวหรือ ข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดดังกล่าวจะมีคำจำกัดความดังต่อไปนี้
ทั่วไป เมื่อลูกค้าทดลอง ซื้อ ใช้ หรือสมัครใช้งานผลิตภัณฑ์ขององค์กรและผู้พัฒนา หรือขอรับการสนับสนุนหรือบริการระดับมืออาชีพสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว Microsoft จะได้รับข้อมูลจากคุณและรวบรวมและสร้างข้อมูลเพื่อให้บริการ (รวมถึงการปรับปรุง การรักษาความปลอดภัย และการอัปเดตบริการ) ดำเนินธุรกิจของเรา และติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ตัวอย่างเช่น:
- เมื่อลูกค้าติดต่อตัวแทนขายของ Microsoft เราจะรวบรวมชื่อและข้อมูลการติดต่อของลูกค้า รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรของลูกค้า เพื่อสนับสนุนการติดต่อดังกล่าว
- เมื่อลูกค้าติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนของ Microsoft เราจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และการใช้งานหรือรายงานข้อผิดพลาด เพื่อวินิจฉัยและแก้ไขปัญหา
- เมื่อลูกค้าชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์ เราจะรวบรวมข้อมูลการติดต่อและข้อมูลการชำระเงินเพื่อดำเนินการการชำระเงิน
- เมื่อ Microsoft ส่งการติดต่อสื่อสารไปยังลูกค้า เราจะใช้ข้อมูลเพื่อปรับแต่งเนื้อหาของการสื่อสาร
- เมื่อลูกค้ามีส่วนร่วมกับ Microsoft สำหรับบริการระดับมืออาชีพ เราเก็บรวบรวมชื่อและข้อมูลสำหรับติดต่อของของบุคคลที่สามารถติดต่อได้ที่ลูกค้ากำหนด และใช้ข้อมูลที่ลูกค้าให้ไว้เพื่อดำเนินการให้บริการที่ลูกค้าร้องขอ
ผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาทำให้คุณสามารถซื้อ สมัครใช้บริการหรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ และบริการออนไลน์ได้จาก Microsoft หรือบริษัทภายนอกที่มีข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกัน และผลิตภัณฑ์และบริการออนไลน์อื่นๆ จะถูกควบคุมโดยคำชี้แจงและนโยบายด้านสิทธิส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องของตนเอง
บริการออนไลน์สำหรับองค์กร
เพื่อให้บริการออนไลน์สำหรับองค์กร, Microsoft จะใช้ข้อมูลที่คุณให้ (รวมถึงข้อมูลของลูกค้า ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลผู้ดูแลระบบ ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลการสนับสนุน) และข้อมูลที่ Microsoft รวบรวมหรือสร้างที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการออนไลน์สำหรับองค์กรของคุณ เราประมวลผลข้อมูลตามที่อธิบายไว้ใน ข้อกําหนดผลิตภัณฑ์ ภาคผนวกการปกป้องข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft (DPA ของผลิตภัณฑ์และบริการ) และ ศูนย์ความเชื่อถือของ Microsoft
ข้อมูลส่วนบุคคล ลูกค้าคือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและ Microsoft เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลดังกล่าว ยกเว้นเมื่อ (ก) ลูกค้าทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีนี้ Microsoft จะเป็นผู้ประมวลผลย่อยหรือ (ข) ตามที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน DPA ของผลิตภัณฑ์และบริการแบบมาตรฐาน นอกจากนี้ ตามที่ระบุไว้ใน DPA ของผลิตภัณฑ์และบริการแบบมาตรฐาน Microsoft ได้ดำเนินการรับผิดชอบเพิ่มเติมในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลภายใต้ GDPR เมื่อดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ลูกค้าเชิงพาณิชย์ของ Microsoft เช่น การเรียกเก็บเงินและการจัดการบัญชี การชำระค่าตอบแทน การรายงานภายในและการสร้างแบบจำลองทางธุรกิจ และการรายงานทางการเงิน เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่สามารถระบุตัวบุคคลได้น้อยที่สุด ซึ่งจะรองรับการประมวลผลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจเหล่านี้ เราใช้ข้อมูลสถิติและรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ก่อนที่จะใช้ข้อมูลดังกล่าวสำหรับการดำเนินธุรกิจของเรา โดยนำความสามารถในการระบุตัวบุคคลออก
ข้อมูลผู้ดูแลระบบ ข้อมูลผู้ดูแลระบบเป็นข้อมูลที่ให้ Microsoft ระหว่างการลงทะเบียน การซื้อหรือการดูแลระบบบริการออนไลน์สำหรับองค์กร เราใช้ข้อมูลผู้ดูแลระบบเพื่อให้บริการออนไลน์สำหรับองค์กร ทำรายการธุรกรรม ให้บริการบัญชี ตรวจหาและป้องกันการฉ้อโกง และปฏิบัติตามภาระผูกพันทางกฎหมายของเรา ข้อมูลผู้ดูแลระบบ ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่อีเมลที่คุณให้ไว้ รวมถึงข้อมูลการใช้งานโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ใช้ของคุณ เช่น การควบคุมที่คุณเลือก นอกจากนี้ ข้อมูลผู้ดูแลระบบยังรวมถึงข้อมูลการติดต่อของเพื่อนร่วมงานและเพื่อนๆ ของคุณ ถ้าคุณตกลงที่จะให้ข้อมูลดังกล่าวกับ Microsoft เพื่อวัตถุประสงค์ที่จำกัดในการส่งคำเชิญให้ใช้บริการออนไลน์สำหรับองค์กรให้กับพวกเขา เราอาจติดต่อพวกเขาผ่านการสื่อสารที่อาจมีข้อมูลเกี่ยวกับคุณอยู่ด้วย เช่น ชื่อและรูปโปรไฟล์ของคุณ
เราอาจใช้ข้อมูลผู้ดูแลระบบเพื่อติดต่อคุณเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของคุณ การสมัครรับบริการ การเรียกเก็บเงิน และการปรับปรุงบริการออนไลน์สำหรับองค์กร รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะใหม่ๆ การรักษาความปลอดภัย หรือปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ นอกจากนี้เรายังติดต่อคุณเกี่ยวกับคำถามจากบุคคลภายนอกที่เราได้รับเกี่ยวกับการใช้บริการออนไลน์สำหรับองค์กร ตามที่อธิบายไว้ในข้อตกลงของคุณ คุณไม่สามารถยกเลิกการสมัครรับข้อมูลจากการสื่อสารที่ไม่ใช่การส่งเสริมการขายเหล่านี้ได้ เรายังสามารถติดต่อคุณเพื่อให้ข้อมูลและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ หรือแบ่งปันข้อมูลการติดต่อของคุณกับคู่ค้าของ Microsoft เมื่อคู่ค้าดังกล่าวมีบริการเฉพาะเจาะจงหรือวิธีแก้ไขปัญหาที่ตอบสนองต่อความต้องการของคุณ หรือเพื่อปรับการใช้บริการออนไลน์ขององค์กรให้เหมาะสม เราอาจแชร์ข้อมูลที่รวมแบบจำกัดเกี่ยวกับบัญชีขององค์กรของคุณกับคู่ค้า Microsoft จะไม่แชร์ข้อมูลที่เป็นความลับหรือข้อมูลการติดต่อของคุณกับคู่ค้าที่ได้รับอนุญาต ยกเว้นว่าเรามีสิทธิ์ที่เพียงพอเพื่อดำเนินการดังกล่าว คุณสามารถจัดการการกำหนดลักษณะที่ติดต่อหรืออัปเดตข้อมูลของคุณลงในโปรไฟล์บัญชีของคุณได้
ข้อมูลการชำระเงิน เราใช้ข้อมูลการชำระเงินเพื่อทำรายการธุรกรรม ตลอดจนตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง
ข้อมูลการสนับสนุน ลูกค้าให้หรืออนุญาตให้ Microsoft รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขอรับการสนับสนุนทางเทคนิคสำหรับบริการออนไลน์สำหรับองค์กร เราประมวลผลข้อมูลการสนับสนุนเพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคและตามที่อธิบายไว้ใน DPA ของผลิตภัณฑ์และบริการ
ซอฟต์แวร์ในเครื่องและข้อมูลการวินิจฉัย บริการออนไลน์บางอย่างอาจต้องใช้หรือเสริมด้วยการติดตั้งซอฟต์แวร์ท้องถิ่น (เช่น เอเจนต์ แอปพลิเคชันจัดการอุปกรณ์) ซอฟต์แวร์ในเครื่องอาจรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัย (ตามที่กำหนดไว้ใน DPA ของผลิตภัณฑ์และบริการ) เกี่ยวกับการใช้งานและประสิทธิภาพการทำงานของซอฟต์แวร์ดังกล่าว ระบบอาจส่งข้อมูลดังกล่าวไปยัง Microsoft และนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ตามที่อธิบายไว้ใน DPA ของผลิตภัณฑ์และบริการ
ข้อมูลจากบริการ Bing Search บริการ Bing Search ตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดผลิตภัณฑ์จะใช้ข้อมูล เช่น คำสำหรับการค้นหาตามที่อธิบายไว้ในส่วน Bing ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรและนักพัฒนาและเครื่องใช้สำหรับองค์กร
ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาและเครื่องใช้สำหรับองค์กรรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่คุณ ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมจะขึ้นอยู่กับฟีเจอร์ที่คุณใช้ ตลอดจนการกำหนดค่าและการตั้งค่าของคุณ แต่โดยทั่วไปจะจำกัดอยู่ที่ข้อมูลอุปกรณ์และการใช้งาน ลูกค้ามีตัวเลือกต่างๆ ในการให้ข้อมูลของพวกเขา ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของข้อมูลเราเก็บรวบรวม:
- ระหว่างการติดตั้งหรือในขณะที่คุณอัปเกรดซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนา เราอาจรวบรวมข้อมูลอุปกรณ์และการใช้งานเพื่อเรียนรู้ว่าคุณประสบปัญหาใดๆ หรือไม่
- เมื่อคุณใช้ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรหรือเครื่องใช้สำหรับองค์กร เราอาจรวบรวมข้อมูลอุปกรณ์และการใช้งาน เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของคุณเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย
- เมื่อคุณประสบปัญหาการหยุดทำงานขณะใช้ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรหรือเครื่องใช้สำหรับองค์กร คุณอาจเลือกที่จะส่งรายงานข้อผิดพลาดให้กับ Microsoft เพื่อช่วยเราในการวินิจฉัยปัญหาและส่งมอบการสนับสนุนลูกค้า
Microsoft ใช้ข้อมูลที่เรารวบรวมจากซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาและเครื่องใช้สำหรับองค์กร เพื่อจัดหาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของเรา ส่งมอบการสนับสนุนกับลูกค้า เปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ ติดต่อสื่อสารกับคุณ และดำเนินธุรกิจของเรา
Microsoft SQL Server คือ แพลตฟอร์มการจัดการฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่สามารถติดตั้งแยกต่างหาก (เช่น SQL Server Management Studio) สําหรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลที่เรารวบรวม วิธีการที่เราใช้ข้อมูลดังกล่าว และวิธีการจัดการตัวเลือกความเป็นส่วนตัวของคุณ โปรดไปที่ หน้าความเป็นส่วนตัวของ SQL Server ถ้าคุณทำงานในองค์กร ผู้ดูแลระบบของคุณสามารถตั้งค่าการวัดและส่งข้อมูลทางไกลบางอย่างใน SQL Server ผ่านทางนโยบายกลุ่มได้
HoloLens ชุดหูฟัง HoloLens เป็นคอมพิวเตอร์ Windows ในตัวที่มีการเชื่อมต่อ Wi-Fi ซึ่งเปิดใช้งานประสบการณ์ใช้งานความเป็นจริงผสมสำหรับแอปและโซลูชัน Microsoft จะเก็บรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยเพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้ Windows ใช้งาน HoloLens ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และทันสมัยอยู่เสมอ ข้อมูลการวินิจฉัยยังช่วยให้เราปรับปรุง HoloLens และผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ที่เกี่ยวข้องโดยขึ้นอยู่กับการตั้งค่าข้อมูลการวินิจฉัยที่คุณได้เลือกไว้สำหรับอุปกรณ์ของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการวินิจฉัย Windows
นอกจากนี้ HoloLens ยังประมวลผลและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์และประสบการณ์ใช้งาน HoloLens ซึ่งรวมถึงกล้อง ไมโครโฟน และเซนเซอร์อินฟราเรดที่เปิดใช้งานการเคลื่อนไหวและเสียงเพื่อนำทาง
- คุณสามารถเลือกกล้องเพื่อลงชื่อเข้าใช้ให้คุณโดยอัตโนมัติโดยใช้ม่านตาของคุณ สำหรับการดำเนินการนี้ HoloLens จะถ่ายภาพม่านตาของคุณและวัดระยะห่างระหว่างจุดสำคัญต่างๆ ในการสร้างและจัดเก็บค่าตัวเลขที่บ่งบอกถึงตัวคุณเท่านั้น ข้อมูลนี้จะยังคงอยู่บน HoloLens และไม่ได้แชร์กับผู้อื่น และคุณสามารถเลือกที่จะลบข้อมูลนี้จาก HoloLens ของคุณได้ตลอดเวลา
- นอกจากนี้ HoloLens จะตรวจจับท่าทางเฉพาะของมือสำหรับการโต้ตอบกับระบบ (เช่น การนำทางเมนู การย่อ/ขยาย และการเลื่อน) การประมวลผลข้อมูลนี้จะดำเนินการบนอุปกรณ์ HoloLens ของคุณและไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้
- HoloLens จะได้รับจุดการติดตามโดยอ้างอิงจากสภาพแวดล้อมของคุณซึ่งจะทำให้เข้าใจพื้นผิวในช่องว่างและช่วยให้คุณสามารถวางแอสเซทดิจิทัลได้ ไม่มีรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมนี้และจะถูกเก็บไว้ภายในอุปกรณ์ HoloLens คุณสามารถเลือกที่จะลบข้อมูลนี้จาก HoloLens ของคุณได้ตลอดเวลา
ไมโครโฟนของชุดหูฟังเปิดใช้งานคำสั่งเสียงสำหรับการนำทาง การควบคุมแอป หรือเมื่อต้องการใส่คำที่ใช้ค้นหา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลเสียง
ผลิตภัณฑ์ผลผลิตและการสื่อสาร
ผลิตภัณฑ์ผลผลิตและการสื่อสาร คือแอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์และบริการที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้าง จัดเก็บและแบ่งปันเอกสาร ตลอดจนสื่อสารกับผู้อื่น
ผลิตภัณฑ์ผลผลิตและการสื่อสาร คือแอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์และบริการที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้าง จัดเก็บและแบ่งปันเอกสาร ตลอดจนสื่อสารกับผู้อื่น
Microsoft 365, Office และแอปประสิทธิภาพอื่นๆ
Microsoft 365 หรือที่เรียกว่า Office 365 ในเวอร์ชันก่อนหน้า คือคอลเลกชันของบริการและแอปพลิเคชันเพื่อประสิทธิภาพการทำงานแบบสมัครใช้งาน ซึ่งประกอบด้วย Word, Excel, PowerPoint, Outlook และ OneNote รวมถึงอื่นๆ Office เป็นเวอร์ชันซื้อครั้งเดียวของแอปพลิเคชันเหล่านี้ที่พร้อมใช้งานบนพีซีหรือ Mac และมี Access และ Publisher ทั้ง Microsoft 365 และ Office ประกอบด้วยแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ไคลเอ็นต์และบริการออนไลน์ที่มีการเชื่อมต่อ (หรือแอปบนเว็บในกรณีของ Microsoft 365 สำหรับเว็บ) ซึ่งครอบคลุมหลายแพลตฟอร์มและมีประสบการณ์การใช้งานแบบพึ่งพาซึ่งกันและกันมากมาย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Outlook ให้ดูส่วน Outlook ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
บริการต่างๆ ของ Microsoft 365 บนระบบคลาวด์ช่วยให้คุณสามารถใช้เนื้อหาไฟล์ของคุณสำหรับการออกแบบและคำแนะนำ ทำงานร่วมกันกับผู้อื่นภายในเอกสารของคุณ และให้ฟังก์ชันการทำงานจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft เช่น Bing และผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อของบริษัทภายนอก ถ้าคุณทำงานในองค์กร ผู้ดูแลระบบของคุณอาจปิดหรือปิดการใช้งานบริการที่เชื่อมต่อเหล่านี้ คุณสามารถเข้าถึงการควบคุมความเป็นส่วนตัวภายในแอป Microsoft 365 และ Office ของคุณได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชี
Office Roaming Service Office Roaming Service ช่วยให้การตั้งค่าต่างๆ ของคุณ ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว อัปเดตอยู่เสมอในอุปกรณ์ที่ใช้ Microsoft 365 หรือแอป Office เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้แอปของคุณด้วยบัญชี Microsoft ของคุณหรือบัญชีที่ออกโดยองค์กรของคุณ บริการนี้จะซิงค์การตั้งค่าแบบกําหนดเองบางอย่างของคุณกับเซิร์ฟเวอร์ Microsoft ตัวอย่างเช่น บริการซิงค์รายการของเอกสารที่ใช้ล่าสุดหรือตําแหน่งที่ตั้งล่าสุดที่ดูภายในเอกสาร เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องอื่นด้วยบัญชีเดียวกัน Office Roaming Service จะดาวน์โหลดการตั้งค่าของคุณจากเซิร์ฟเวอร์ Microsoft และนำไปใช้กับอุปกรณ์เพิ่มเติมนั้น เมื่อคุณลงชื่อออกจากแอป บริการจะลบการตั้งค่าของคุณออกจากอุปกรณ์ของคุณ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่คุณทำกับการตั้งค่าแบบกำหนดเองจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft
การอัปเดตจาก Microsoft Microsoft ใช้บริการต่างๆ เช่น คลิก-ทู-รัน, Microsoft AutoUpdate (สำหรับ Mac) หรือ Microsoft Update (สำหรับ Office บางเวอร์ชัน) เพื่อให้ความปลอดภัยและการอัปเดตที่สำคัญอื่นๆ แก่คุณ
บริการเหล่านี้สามารถตรวจหาความพร้อมใช้งานของการอัปเดตออนไลน์สำหรับแอป Microsoft 365 หรือ Office บนอุปกรณ์ของคุณโดยอัตโนมัติ และดาวน์โหลดและติดตั้งการอัปเดตเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ
ข้อมูลการวินิจฉัย ข้อมูลการวินิจฉัยจะถูกใช้เพื่อ (i) ทำให้ Microsoft 365 หรือ แอป Office ของคุณปลอดภัยและอัปเดตอยู่เสมอ (ii) ตรวจหา วินิจฉัย และแก้ไขปัญหา และ (iii) ทำการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ข้อมูลนี้จะไม่มีชื่อหรืออีเมลแอดเดรสของผู้ใช้ เนื้อหาของไฟล์ของผู้ใช้ หรือข้อมูลเกี่ยวกับแอปที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Microsoft 365 หรือ Office ผู้ใช้สามารถเลือกการรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยระหว่างสองระดับที่แตกต่างกันได้ ซึ่งได้แก่ จำเป็นและไม่จำเป็น
- ต้องใช้ ข้อมูลขั้นต่ำที่จำเป็นเพื่อช่วยให้แอปปลอดภัย อัปเดตอยู่เสมอ และทำงานตามที่คาดไว้บนอุปกรณ์ที่ติดตั้ง
- เพิ่มเติม ข้อมูลเพิ่มเติมที่ช่วยให้เราปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และแสดงข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อช่วยให้เราตรวจหา วินิจฉัย และแก้ไขปัญหา
ดูข้อมูลการวินิจฉัยสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อ Microsoft 365 ยังคงมอบประสบการณ์ใช้งานอีกมากมายต่อไปในแอปพลิเคชันไคลเอ็นต์ที่เชื่อมต่อและสนับสนุนโดยบริการในระบบคลาวด์ ชุดย่อยของประสบการณ์ใช้งานที่มีการเชื่อมต่อเหล่านี้ยังพร้อมใช้งานใน Office อีกด้วย ถ้าคุณเลือกที่จะใช้ประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อ ข้อมูลบริการที่จําเป็นจะถูกรวบรวมเพื่อช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อเหล่านี้เชื่อถือได้ ทันสมัย ปลอดภัย และทํางานได้ตามที่คาดไว้ ดูด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลบริการที่จำเป็น
การทำงานกับผู้อื่นบนเอกสารที่จัดเก็บไว้บน OneDrive หรือการแปลเนื้อหาของเอกสาร Word เป็นภาษาอื่น เป็นตัวอย่างของประสบการณ์การใช้งานที่มีการเชื่อมต่อ ประสบการณ์ที่เชื่อมต่อมีสองประเภท
- ประสบการณ์ใช้งานที่วิเคราะห์เนื้อหาของคุณ ประสบการณ์การใช้งานที่ใช้เนื้อหาไฟล์ของคุณเพื่อให้คำแนะนำในการออกแบบ ข้อเสนอแนะในการแก้ไข ข้อมูลเชิงลึก และฟีเจอร์ที่คล้ายกัน ตัวอย่างเช่น PowerPoint Designer หรือตัวแก้ไขใน Word
- ประสบการณ์ใช้งานที่ดาวน์โหลดเนื้อหาออนไลน์ ประสบการณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาและดาวน์โหลดเนื้อหาแบบออนไลน์ รวมถึงเทมเพลต รูปภาพ โมเดล 3D วิดีโอ และเอกสารอ้างอิง เพื่อปรับปรุงเอกสารของคุณ ตัวอย่างเช่น เทมเพลตหรือเครื่องมือเริ่มต้นด่วนของ PowerPoint
คุณสามารถเข้าถึงการควบคุมความเป็นส่วนตัวภายในแอปไคลเอ็นต์ของ Microsoft 365 และ Office ของคุณได้ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าประสบการณ์ที่เชื่อมต่อของคุณได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกเพื่อเปิดใช้งานประสบการณ์ที่เชื่อมต่อที่ดาวน์โหลดเนื้อหาแบบออนไลน์ได้ แต่ไม่ใช่ประสบการณ์ที่เชื่อมต่อที่วิเคราะห์เนื้อหา นอกจากนี้ การปิดประสบการณ์ที่เชื่อมต่อจะปิดประสบการณ์เพิ่มเติม เช่น การเขียนร่วมเอกสารและที่เก็บไฟล์ออนไลน์ แต่แม้ว่าคุณจะใช้การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อปิดประสบการณ์ที่เชื่อมต่อ ฟังก์ชันการทำงานบางอย่างจะยังคงพร้อมใช้งาน เช่น การซิงค์กล่องจดหมายใน Outlook รวมถึงบริการที่จำเป็นต่างๆ ตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง การควบคุมเหล่านี้จะไม่พร้อมใช้งานเมื่อใช้ Microsoft 365 สําหรับเว็บ เนื่องจากคุณจะเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์อยู่แล้ว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าถึงการควบคุมเหล่านี้ ให้ดูการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชี
หากคุณเลือกที่จะปิดใช้งานประสบการณ์ที่เชื่อมต่อบางประเภท Ribbon หรือคำสั่งเมนูสำหรับประสบการณ์ที่เชื่อมต่อเหล่านั้นจะเป็นสีเทา หรือคุณจะได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดเมื่อคุณพยายามใช้ประสบการณ์ที่เชื่อมต่อเหล่านั้น
บริการที่จำเป็น มีชุดบริการที่จำเป็นต่อการทำงานของ Microsoft 365 และ Office อยู่ชุดหนึ่ง และไม่สามารถปิดใช้งานได้ ตัวอย่างเช่น บริการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ที่ยืนยันว่าคุณได้รับอนุญาตให้ใช้ Microsoft 365 อย่างถูกต้อง เป็นบริการที่จำเป็น ข้อมูลบริการที่จำเป็นเกี่ยวกับบริการเหล่านี้จะถูกเก็บรวบรวมและส่งไปยัง Microsoft โดยไม่คำนึงถึงการตั้งค่าอื่นๆ ที่คุณได้กำหนดค่าไว้ ดูบริการที่จำเป็นสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูลบริการที่จำเป็นสำหรับประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อ ขณะที่คุณใช้ประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อ ข้อมูลจะส่งไปที่ Microsoft และ Microsoft จะประมวลผลเพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อดังกล่าวให้คุณ ข้อมูลนี้เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากข้อมูลนี้จะช่วยให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อระบบ Cloud เหล่านี้ได้ เราถือว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลบริการที่จำเป็น
ข้อมูลบริการที่จำเป็นอาจประกอบด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อที่จำเป็นในการรักษาความปลอดภัยของบริการพื้นฐาน การอัปเดตให้ทันสมัย และการทำงานตามที่คาดไว้ หากคุณเลือกใช้ประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อซึ่งมีการวิเคราะห์เนื้อหาของคุณ ตัวอย่างเช่น การแปลใน Word ข้อความที่คุณพิมพ์และเลือกให้แปลในเอกสารจะส่งและมีการประมวลผลเพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อ ข้อความของคุณและการแปลของคุณไม่ได้มีการจัดเก็บโดยบริการของเรา ข้อมูลบริการที่จำเป็นยังอาจประกอบด้วยข้อมูลที่ประสบการณ์ที่เชื่อมต่อจำเป็นต้องใช้เพื่อทำงาน เช่น ข้อมูลการกำหนดค่าเกี่ยวกับแอป Microsoft 365 หรือ Office
ดูข้อมูลบริการที่จำเป็นสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Copilot Pro ฟีเจอร์ Copilot Pro ที่ปรากฏใน Microsoft 365 นั้นพร้อมให้บริการในรูปแบบบริการการสมัครใช้งานแยกต่างหากในบางประเทศ โดยจะมอบความสามารถในการทํางานที่ขับเคลื่อนโดย AI ผ่านประสบการณ์การสนทนาแบบเรียลไทม์ด้วยการนำการประมวลผลโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) มาใช้กับเนื้อหาที่คุณเลือกไว้ในแอป Microsoft 365 รวมถึง Word, Excel, OneNote, Outlook และ PowerPoint Copilot Pro ไม่พร้อมใช้งานใน Office เมื่อใช้กับแอป Microsoft 365 ที่พร้อมใช้งาน Copilot Pro จะใช้เนื้อหาในไฟล์ของคุณเฉพาะเมื่อคุณขอให้ดําเนินการเฉพาะกับเนื้อหานั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณขอให้ Copilot Pro ช่วยคุณเขียนย่อหน้าใหม่ในเอกสาร Word หรือขอให้ Copilot Pro สร้างรายการสิ่งที่ต้องทําจากบันทึกย่อของคุณใน OneNote คล้ายกับประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อ ข้อมูลบริการที่ต้องใช้จะถูกรวบรวมระหว่างการใช้งาน Copilot Pro ที่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินการที่จําเป็นเพื่อทำให้บริการพื้นฐานปลอดภัย อัปเดตอยู่เสมอ และดําเนินการตามที่คาดไว้
ดู Copilot Pro: Microsoft 365 Apps และความเป็นส่วนตัวของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
แอปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอื่นๆ Microsoft มีแอปเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานหลายแอปแยกจาก Microsoft 365 และ Office รวมถึง Whiteboard (พื้นที่ดิจิทัลรูปแบบอิสระโดยใช้ระบบสัมผัส พิมพ์ และปากกา) To Do (แอปการจัดการงานบนระบบคลาวด์) และบันทึกย่อช่วยเตือน (แอปบันทึกย่อบนเดสก์ท็อป)
แอปใช้บริการระบบคลาวด์ต่างๆ เพื่อให้คุณได้รับฟังก์ชันการทํางานจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft เช่น การให้รูปภาพจาก Bing ใน Whiteboard การแนะนําให้เพิ่มงานที่แนะนําลงใน My Day ใน To Do และใช้ประโยชน์จากการรวมบันทึกย่อช่วยเตือนกับ Outlook
การใช้ความสามารถของอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน Microsoft 365 บางอย่างใช้ความสามารถของอุปกรณ์ของคุณโดยใช้คุณลักษณะบางอย่าง ใน PowerPoint ฟีเจอร์การบันทึกงานนําเสนอสามารถเข้าถึงไมโครโฟนและกล้องของอุปกรณ์ของคุณเพื่อบันทึกงานนําเสนอด้วยเสียงและวิดีโอได้ นอกจากนี้ ไมโครโฟนของอุปกรณ์ของคุณยังสามารถเข้าถึงได้ผ่านฟีเจอร์ การบันทึกเสียง และเมื่อใช้ Speaker Coach ขณะที่คุณพูด Speaker Coach จะให้คําแนะนําบนหน้าจอเกี่ยวกับจังหวะ ภาษาที่ครอบคลุม การใช้คําหยาบคาย คําเติมเต็ม และคุณกำลังอ่านข้อความสไลด์หรือไม่ เมื่อสร้างงานนําเสนอ PowerPoint คุณยังสามารถใช้ฟีเจอร์สกรีนช็อตและการคลิปหน้าจอเพื่อจับภาพเนื้อหาของหน้าจอได้ แอปพลิเคชัน Microsoft 365 บางอย่าง, PowerPoint, Word และ OneNote มอบประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อตามคําบอก ซึ่งช่วยให้คุณใช้การแปลงคําพูดเป็นข้อความเพื่อเขียนเนื้อหาโดยใช้ไมโครโฟนของคุณ ใน Word และ OneNote ประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อการถอดข้อความจะแปลงคําพูดที่บันทึกไว้โดยตรงในแอปโดยใช้ไมโครโฟนของคุณ หรือใช้การบันทึกเสียงพูดเป็นสําเนาบทสนทนาข้อความโดยแยกลําโพงแต่ละตัว OneNote สามารถแทรกรูปถ่ายหรือบันทึกวิดีโอโดยใช้กล้องของคุณ แอป Microsoft 365 ทั้งหมดพร้อมกับ To Do และ Whiteboard มีฟังก์ชันการแชร์ที่เข้าถึงที่ติดต่อของคุณเพื่อให้คุณสามารถแชร์เอกสารของคุณกับผู้อื่นในรายการที่ติดต่อของคุณได้ แอปพลิเคชันจะไม่เข้าถึงความสามารถของอุปกรณ์ของคุณจนกว่าคุณจะเริ่มใช้ฟีเจอร์นี้
คุณสามารถจัดการการตั้งค่าการเข้าถึงไมโครโฟนและกล้องของคุณได้ในเมนูการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Windows ไปที่ เริ่มต้น > การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัว หรือ ความเป็นส่วนตัว & การรักษาความปลอดภัย เมื่อต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการควบคุมการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณในแอป ให้ดูการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Windows ที่แอปใช้
ครอบครัว Microsoft
ส่วนนี้ใช้กับผลิตภัณฑ์ Microsoft Family Safety M365 ซึ่งอนุญาตให้กลุ่มครอบครัวเชื่อมต่อผ่านแอป Microsoft Family Safety บน Windows, Xbox หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของพวกเขาได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบที่ Microsoft Family Safety หากเลือกที่จะสร้างหรือเข้าร่วมกลุ่มครอบครัว
Microsoft Family Safety สามารถช่วยพ่อแม่และผู้ปกครองสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสําหรับกลุ่มครอบครัวของตนด้วยการกรองเนื้อหาดิจิทัล การจํากัดเวลาใช้หน้าจอ การใช้จ่ายสําหรับร้านค้า Microsoft และ Xbox การตั้งค่าการจัดอันดับอายุสําหรับแอปและเกม และการแชร์ตําแหน่งที่ตั้ง หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการที่ Microsoft เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลของเด็ก ให้ดูส่วนการรวบรวมข้อมูลจากเด็กของนโยบายความเป็นส่วนตัว หากคุณกำลังใช้ Microsoft Family Safety ใน Windows ให้ดูส่วนฟีเจอร์ด้านสวัสดิภาพและความปลอดภัยของ Windows ของนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อต้องการเปิดใช้งานการควบคุม Family Safety ในบัญชีของเด็ก บัญชีของเด็กต้องเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มครอบครัว บัญชีที่จําเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองจะรวมอยู่ในกลุ่มครอบครัวของบุคคลที่ยินยอมให้สร้างบัญชี’ของเด็กโดยอัตโนมัติ สําหรับบัญชีที่ไม่จําเป็นต้องมีการสร้างความยินยอมจากผู้ปกครอง พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องเพิ่มบัญชีลงในกลุ่มครอบครัวเพื่อใช้ตัวควบคุม Family Safety
เมื่อคุณเปิดใช้งานการรายงานกิจกรรมของครอบครัวสําหรับเด็ก Microsoft จะรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีที่บุตรหลานใช้อุปกรณ์ของพวกเขา เช่น การค้นหา เว็บ แอป และกิจกรรมของเกม และให้รายงานกิจกรรมออนไลน์ของบุตรหลานแก่ผู้ปกครอง รายงานกิจกรรมจะถูกลบออกจากเซิร์ฟเวอร์ Microsoft เป็นประจํา
ฟีเจอร์บางอย่างของ Family Safety เช่น การแชร์ตําแหน่งที่ตั้ง ความปลอดภัยในการขับขี่ การแชร์ไดรฟ์ สถานที่ และการแจ้งเตือนตําแหน่งที่ตั้ง จะใช้ข้อมูลตําแหน่งที่ตั้งของคุณเมื่อเปิดใช้งาน ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเปิดใช้งานการแชร์ตําแหน่งที่ตั้ง อุปกรณ์ของคุณจะอัปโหลดข้อมูลตําแหน่งที่ตั้งไปยังระบบคลาวด์และแชร์กับผู้อื่นในกลุ่มครอบครัวของคุณ Microsoft จะเก็บเฉพาะตําแหน่งที่ตั้งที่ทราบล่าสุดของคุณเป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์การแชร์ตําแหน่งที่ตั้ง (ตําแหน่งที่ตั้งใหม่จะแทนที่ตําแหน่งที่ตั้งก่อนหน้า) เมื่อคุณเปิดใช้งานความปลอดภัยในการขับขี่ ตําแหน่งที่ตั้งของคุณจะถูกใช้เพื่อบันทึกพฤติกรรมการขับขี่ของคุณ เช่น คุณกําลังขับรถภายในขีดจํากัดความเร็วหรือไม่ คุณใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่หรือไม่ และคุณเร่งความเร็วหรือเบรกกะทันหันหรือไม่ รายงานเหล่านี้จะถูกอัปโหลดไปยังระบบคลาวด์ และคุณสามารถเลือกที่จะแชร์รายงานไดรฟ์ของคุณกับกลุ่มครอบครัวของคุณได้ คุณสามารถปิดฟีเจอร์ตําแหน่งที่ตั้งเหล่านี้ได้ตลอดเวลาในการตั้งค่า Family Safety คุณสามารถจัดการข้อมูลตําแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ของคุณได้ที่แดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Family Safety และข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของคุณ
Microsoft Launcher
Microsoft Launcher เป็นแอป Android ที่นำเสนอประสบการณ์ตัวเรียกใช้งานแอปที่ปรับแต่งได้สูงบนอุปกรณ์ Android
Microsoft Launcher ช่วยให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft ส่วนตัวหรือบัญชีที่ทำงานของคุณ หรือใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้บัญชีใดๆ อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันบางอย่างอาจถูกจํากัดถ้าคุณไม่ได้ให้สิทธิ์บางอย่าง
เมื่อต้องการใช้ Microsoft Launcher จะต้องติดตั้งแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ Android ของคุณ และจําเป็นต้องมีสิทธิ์เพิ่มเติมเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ต่อไปนี้:
Microsoft Copilot เมื่อลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ส่วนบุคคล คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ของ Copilot เช่น การแชท การค้นหาทางเว็บ การค้นหาด้วยเสียง และการค้นหารูปภาพได้อย่างราบรื่น คุณลักษณะบางอย่างของ Copilot จำเป็นต้องเข้าถึงความสามารถของอุปกรณ์ของคุณ เช่น กล้องของอุปกรณ์ ไมโครโฟน ภาพถ่าย และวิดีโอ โปรดดูหัวข้อความสามารถของปัญญาประดิษฐ์และ Copilot ของเราเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกําหนดการใช้งาน Copilot ได้ที่นี่
เนื้อหาสรุปโดยย่อ ข้อมูลโดยย่อจะช่วยคุณจัดระเบียบกิจกรรมประจําวัน เช่น ปฏิทิน Outlook, รายการสิ่งที่ต้องทํา, บันทึกย่อช่วยเตือน และเอกสารล่าสุดในแอป M365 ของคุณ หลังจากลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลหรือบัญชีที่ทํางานของคุณแล้ว ข้อมูลจะถูกซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ที่ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชีเดียวกัน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ปรับให้เป็นส่วนตัวสําหรับคุณ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบกิจกรรมล่าสุด เช่น รูปถ่ายล่าสุดและการใช้งานแอป ซึ่งต้องได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงรูปถ่าย ไฟล์ และข้อมูลการใช้งานแอปในอุปกรณ์
ฟีดข่าว เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับฟีดข่าวและโฆษณาที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวในฟีดข่าวของ Launcher ซึ่งซิงโครไนซ์กับอุปกรณ์ของคุณทุกเครื่อง คุณยังสามารถรับข่าวสารที่คัดสรรไว้ในเครื่องเมื่อคุณอนุญาตให้ Microsoft Launcher เข้าถึงข้อมูลตําแหน่งที่ตั้งของคุณ คุณสามารถจัดการการกําหนดลักษณะโฆษณาของคุณผ่านแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัวของ Microsoft เพื่อปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานของคุณ
การแจ้งเตือนสภาพอากาศ Microsoft Launcher ช่วยให้คุณสามารถรับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศล่าสุดและสําคัญที่สุดบนหน้าจอหลักของคุณด้วย MSN พยากรณ์อากาศ คุณสามารถรับข้อมูลสภาพอากาศในท้องถิ่นที่เป็นปัจจุบันได้เมื่อคุณอนุญาตให้ Launcher เข้าถึงตำแหน่งของคุณหรือระบุรหัสไปรษณีย์ของคุณ
การสำรองข้อมูลและการคืนค่า ถ่ายโอนข้อมูลระหว่างโทรศัพท์หรือลองตั้งค่าหน้าจอหลักที่แตกต่างกันได้อย่างง่ายดายด้วยฟีเจอร์การสำรองข้อมูลและการคืนค่าของ Microsoft Launcher ข้อมูลสำรองสามารถจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณหรือบันทึกลงในบัญชี OneDrive ของคุณที่เชื่อมโยงกับบัญชี Microsoft ของคุณเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย
Microsoft Launcher รองรับฟีเจอร์โปรไฟล์งานของ Android ซึ่งช่วยให้คุณสามารถรักษาขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลงานบนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเข้าถึงทรัพยากรการทำงานได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องปะปนกับแอปและข้อมูลส่วนตัวของคุณ
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Microsoft Launcher และฟีเจอร์ที่ได้รับการสนับสนุน โปรดเยี่ยมชม ที่นี่
Microsoft Teams
ส่วนนี้นำไปใช้กับข้อเสนอของ Teams สำหรับผู้บริโภค ถ้าคุณกำลังใช้ Teams ร่วมกับบัญชีที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน ให้ดูผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนาของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
Teams เป็นศูนย์กลางการทำงานร่วมกันและการติดต่อสื่อสารแบบอเนกประสงค์ Teams ช่วยให้คุณสามารถจัดระเบียบและเชื่อมต่ออยู่เสมอตลอดชีวิตของคุณ Teams ช่วยให้คุณสามารถโทรหาผู้คนด้วยการโทรด้วยเสียงหรือวิดีโอ Teams ช่วยให้คุณสามารถค้นหาบุคคล ไฟล์ รูปถ่าย การสนทนา งาน และปฏิทินได้อย่างง่ายดายในที่ที่สะดวกและปลอดภัย Teams ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น รหัสผ่าน หมายเลขรางวัล หรือข้อมูลการเข้าสู่ระบบ และแชร์กับบุคคลอื่นภายใน Teams ได้ ด้วยความยินยอมของคุณ คุณสามารถแชร์ตำแหน่งที่ตั้งของคุณกับเพื่อนและครอบครัว
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการฟีเจอร์เหล่านี้ Microsoft จะเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานของฟีเจอร์ต่างๆ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของคุณ รวมทั้งเวลาและวันที่ของการติดต่อสื่อสารและผู้ใช้ที่เป็นส่วนหนึ่งของการติดต่อสื่อสาร Microsoft อาจแชร์ข้อมูลนี้กับลูกค้าองค์กรเมื่อคุณโต้ตอบผ่านการประชุมและการแชทกับผู้ใช้ที่ใช้บัญชีโรงเรียนหรือที่ทํางานของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีส่วนร่วมในการแชท Teams กับผู้ใช้ที่ใช้ Teams ที่เชื่อมโยงกับบัญชีโรงเรียน Microsoft อาจแชร์ข้อมูลของคุณกับโรงเรียนของผู้ใช้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการ Teams
โปรไฟล์ Teams โปรไฟล์ Teams ของคุณจะรวมข้อมูลที่คุณให้ไว้ขณะตั้งค่าบัญชี Microsoft เมื่อต้องการให้บุคคลอื่นค้นหาคุณใน Teams (หรือผลิตภัณฑ์ที่โต้ตอบกับ Teams สำหรับการใช้งานส่วนบุคคล รวมถึง Teams สำหรับองค์กร) ชื่อที่แสดงและรูปภาพของคุณจะปรากฏกับผู้ใช้คนอื่นๆ ใน Teams ที่มีข้อมูลที่ติดต่อของคุณ โปรไฟล์ Teams ของคุณอาจมองเห็นได้โดยลูกค้าองค์กรและผู้ใช้เมื่อคุณมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ขององค์กรในการแชทและการประชุม
รายชื่อผู้ติดต่อ Teams ด้วยการอนุญาตของคุณ Teams จะซิงค์ที่ติดต่อใน อุปกรณ์ Outlook และ Skype ของคุณเป็นระยะๆ และตรวจสอบผู้ใช้ Teams รายอื่นที่ตรงกับที่ติดต่อในสมุดรายชื่อของ อุปกรณ์ Outlook หรือ Skype ของคุณ คุณจะสามารถควบคุมที่ติดต่อของคุณได้อยู่เสมอและสามารถหยุดการซิงค์ได้ตลอดเวลา ถ้าคุณเลือกที่จะหยุดการซิงค์ที่ติดต่อของ อุปกรณ์ Outlook หรือ Skype ของคุณ หรือคุณไม่ได้ใช้งานบนอุปกรณ์ของคุณ ที่ติดต่อใดๆ ที่ไม่ตรงกันระหว่างกระบวนการซิงโครไนซ์จะถูกลบออกจาก Teams ถ้าคุณต้องการเชิญผู้ติดต่อใน อุปกรณ์ Outlook หรือ Skype ของคุณให้เข้าร่วมการสนทนาคุณสามารถเชิญผู้ใช้ไปยังการสนทนาแบบตัวต่อตัวโดยตรงหรือ Microsoft สามารถส่งคำเชิญในนามของคุณผ่านทาง SMS หรืออีเมลสำหรับการเชิญไปยังการสนทนากลุ่มได้ คุณสามารถบล็อกผู้ใช้ถ้าคุณไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารของพวกเขา นอกจากนี้คุณสามารถรายงานความกังวลใจของคุณให้กับ Microsoft ได้
ประกาศถึงผู้ติดต่อที่ไม่ใช่ผู้ใช้ หากข้อมูลของคุณปรากฏในสมุดรายชื่อของอุปกรณ์, Outlook หรือ Skype ของผู้ใช้ Teams ที่เลือกที่จะซิงค์อุปกรณ์, Outlook หรือรายชื่อผู้ติดต่อ Skype ของตนกับรายชื่อผู้ติดต่อ Teams ของตน Microsoft อาจประมวลผลข้อมูลของคุณเพื่อตรวจสอบว่าคุณเป็นผู้ใช้ Teams ปัจจุบันหรือไม่ และเพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้ Teams เชิญคุณเข้าใช้บริการได้ รวมถึงผ่าน SMS และอีเมล ตราบใดที่ผู้ใช้ Teams ยังคงใช้งาน Teams บนอุปกรณ์ของตนและยังคงเปิดใช้งานการซิงค์ที่ติดต่อกับอุปกรณ์หรือบริการที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลของคุณจะถูกจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ของเรา และเราจะประมวลผลข้อมูลของคุณเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การซิงค์ที่ติดต่อกับผู้ใช้ Teams เพื่อตรวจสอบว่าคุณได้เข้าร่วม Teams ในเวลาต่อมาหรือไม่
ถ้าคุณเลือกที่จะเข้าร่วม Teams คุณจะปรากฏเป็นที่ติดต่อ Teams ใหม่ที่แนะนําสําหรับผู้ใช้ Teams ที่มีข้อมูลของคุณในสมุดรายชื่อของ อุปกรณ์ Outlook หรือ Skype ของพวกเขา ในฐานะผู้ใช้ Teams คุณจะสามารถบล็อกผู้ใช้ Teams คนอื่นๆ ได้ถ้าคุณไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารของพวกเขา นอกจากนี้ คุณสามารถรายงานความกังวลใจของคุณไปยัง Microsoft ได้
ผู้ติดต่อจากบริษัทภายนอก คุณยังสามารถเลือกที่จะซิงค์ผู้ติดต่อจากผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทภายนอกได้ ถ้าคุณเลือกที่จะยกเลิกการซิงค์ที่ติดต่อของบริษัทอื่นของคุณใน Teams ที่ติดต่อของบริษัทอื่นทั้งหมดจะถูกลบออกจาก Teams ถ้าคุณให้ความยินยอมของคุณในการใช้ที่ติดต่อของบริษัทอื่นเหล่านั้นในแอปและบริการอื่นๆ ของ Microsoft ที่ติดต่อเหล่านี้จะยังคงพร้อมใช้งานสําหรับแอปและบริการอื่นๆ ของ Microsoft
คุณสามารถลบที่ติดต่อของบริษัทอื่นออกจากแอปและบริการของ Microsoft ทั้งหมดโดยการลบบัญชีของบริษัทอื่นออกจาก Teams โปรดทราบว่าการลบบัญชีของบริษัทอื่นออกจาก Teams อาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ใช้งานของคุณในแอปและบริการอื่นๆ ของ Microsoft ที่ใช้บัญชีของบริษัทอื่นนั้นด้วย
ปฏิทิน Teams คุณยังสามารถเลือกที่จะซิงค์ปฏิทิน Teams ของคุณกับปฏิทินจากผู้ให้บริการของบริษัทภายนอกได้ คุณสามารถหยุดการซิงค์ปฏิทิน Teams ของคุณได้ตลอดเวลาโดยการนำบัญชีของบริษัทอื่นออกจาก Teams ถ้าคุณยินยอมที่จะใช้ข้อมูลของบริษัทอื่นในแอปและบริการอื่นๆ ของ Microsoft โปรดทราบว่าการลบข้อมูลบัญชีของบริษัทอื่นนี้ใน Teams อาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ใช้งานของคุณกับแอปและบริการอื่นๆ ของ Microsoft
การแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง คุณสามารถแชร์ตำแหน่งที่ตั้งแบบคงที่หรือแบบสดของคุณกับบุคคลหรือกลุ่มภายใน Teams ได้ คุณสามารถควบคุมและสามารถหยุดการแชร์ได้ตลอดเวลา การแชร์ตำแหน่งสำหรับเด็กจะได้รับอนุญาตด้วยการยินยอมจากผู้ปกครองและในกลุ่มที่ผู้ใหญ่จากกลุ่มครอบครัว Microsoft family ปรากฏอยู่
การแจ้งเตือนแบบพุช เพื่อแจ้งคุณว่ามีสายโทรเข้า การสนทนา และข้อความอื่น Teams จะใช้บริการการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ของคุณ สำหรับอุปกรณ์จำนวนมาก บริการเหล่านี้มีการให้บริการโดยบริษัทอื่น เพื่อแจ้งให้คุณทราบ เช่น ใครโทรมา หรือแสดงคำสั้นๆ ของแชทใหม่ Teams ต้องแจ้งบริการการแจ้งเตือนเพื่อแจ้งให้คุณทราบ บริษัทที่ให้บริการการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ของคุณจะใช้ข้อมูลนี้ตามข้อกำหนดและนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทนั้นๆ Microsoft จะไม่รับผิดชอบต่อข้อมูลที่บริษัทผู้ให้บริการการแจ้งเตือนอื่นๆ เก็บรวบรวม
ถ้าคุณไม่ต้องการใช้บริการการแจ้งเตือนสำหรับสายเรียกเข้าและข้อความของ Teams คุณสามารถปิดได้ในการตั้งค่าบนอุปกรณ์ของคุณ
การแชทและการประชุมกับผู้ใช้ที่เป็นลูกค้าองค์กร ผลิตภัณฑ์ Microsoft จํานวนมากมีไว้สําหรับการใช้งานโดยองค์กร เช่น โรงเรียนและธุรกิจ รวมถึงผู้ใช้แต่ละราย โปรดดูส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและนักพัฒนาของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ถ้าคุณใช้ Teams ด้วยบัญชีที่ทำงานหรือโรงเรียน ถ้าคุณมีส่วนร่วมในการประชุมหรือการแชทของ Teams กับผู้ใช้ขององค์กร ข้อมูลที่คุณแชร์กับผู้ใช้จะอยู่ภายใต้นโยบายขององค์กรของพวกเขา ถ้ามี คุณควรส่งคําถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของคุณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของคุณที่แชร์ผ่านการแชทและการประชุมกับผู้ใช้ขององค์กร รวมถึงคําขอใดๆ เพื่อใช้สิทธิ์การปกป้องข้อมูลของคุณกับผู้ดูแลระบบขององค์กร Microsoft ไม่ได้รับผิดชอบข้อปฏิบัติในด้านความเป็นส่วนตัวหรือการรักษาความปลอดภัยของลูกค้าของเรา ซึ่งอาจแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัว
OneDrive
OneDrive ให้คุณจัดเก็บและเข้าถึงไฟล์ของคุณบนอุปกรณ์เครื่องใดก็ได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถแชร์และทำงานร่วมกันในไฟล์ของคุณกับคนอื่นๆ ได้อีกด้วย แอปพลิเคชัน OneDrive บางเวอร์ชันอนุญาตให้คุณเข้าถึงได้ทั้ง OneDrive ส่วนบุคคลของคุณ โดยลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลของคุณ และ OneDrive for Business ของคุณ โดยลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ของที่ทำงานหรือโรงเรียนของคุณ อันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งาน Microsoft 365 หรือ Office 365 ขององค์กรของคุณ
เมื่อคุณใช้ OneDrive เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานบริการของคุณ รวมทั้งเนื้อหาที่คุณจัดเก็บ เพื่อให้บริการ ปรับปรุง และป้องกันบริการของเรา ตัวอย่างเช่น การทำดัชนีเนื้อหาของเอกสารบน OneDrive ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถค้นหาเอกสารดังกล่าวในภายหลังได้ และการใช้ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง เพื่อที่คุณจะได้สามารถค้นหาภาพถ่ายจากสถานที่ถ่ายรูปได้ นอกจากนี้ เรายังเก็บรวบรวมข้อมูลของอุปกรณ์ เพื่อที่เราจะได้สามารถปรับประสบการณ์ในการใช้งานที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว เช่น การทำให้คุณสามารถซิงค์เนื้อหาระหว่างอุปกรณ์เครื่องต่างๆ และการตั้งค่าโรมมิ่งแบบกำหนดเอง
เมื่อคุณจัดเก็บเนื้อหาลงใน OneDrive เนื้อหานั้นจะมีสิทธิในการแชร์เช่นเดียวกับของโฟลเดอร์ที่คุณจัดเก็บเนื้อหา เช่น หากคุณตัดสินใจที่จะจัดเก็บเนื้อหาในโฟลเดอร์สาธารณะ เนื้อหานั้นจะเป็นสาธารณะและทุกคนบนอินเทอร์เน็ตที่สามารถหาโฟลเดอร์นั้นเจอจะสามารถใช้งานได้ หากท่านจัดเก็บเนื้อหาในโฟลเดอร์ส่วนตัว เนื้อหานั้นจะเป็นส่วนตัว
เมื่อคุณแชร์เนื้อหาไปยังเครือข่ายสังคม เช่น Facebook จากอุปกรณ์ที่คุณได้ซิงค์กับบัญชี OneDrive ของคุณแล้ว ระบบจะอัปโหลดเนื้อหาของคุณไปที่เครือข่ายสังคมนั้น หรือโพสต์ลิงก์ของเนื้อหานั้นไปยังเครือข่ายสังคมดังกล่าว การทำเช่นนี้จะทำให้ทุกๆ คนบนเครือข่ายสังคมนั้นสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ เมื่อต้องการลบเนื้อหา คุณจำเป็นต้องลบเนื้อหาออกจากเครือข่ายสังคม (หากอัปโหลดไว้ที่นั่น ไม่ใช่ลิงก์ไปยังเนื้อหา) และออกจาก OneDrive
เมื่อคุณแชร์เนื้อหาบน OneDrive ของคุณกับเพื่อนๆ ของคุณผ่านลิงก์ อีเมลที่มีลิงก์จะถูกส่งไปให้เพื่อนๆ เหล่านั้น ลิงก์จะประกอบด้วยรหัสการอนุญาต ซึ่งจะทำให้ใครก็ตามที่มีลิงก์นั้นสามารถเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ หากเพื่อนคนหนึ่งของคุณส่งลิงก์นั้นให้กับคนอื่น พวกเขาก็จะสามารถเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้เช่นกัน แม้ว่าคุณไม่ได้เลือกที่จะแชร์เนื้อหากับพวกเขาก็ตาม เพื่อถอนสิทธิ์สำหรับเนื้อหาของคุณบน OneDrive ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณ แล้วจึงเลือกเนื้อหาที่จะจัดการระดับสิทธิ์ การเพิกถอนสิทธิสำหรับลิงก์เป็นการปิดใช้งานลิงก์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะไม่มีใครสามารถใช้ลิงก์นั้นเพื่อเข้าถึงเนื้อหาได้ เว้นเสียแต่ว่าคุณตัดสินใจที่จะแชร์ลิงก์นั้นอีกครั้ง
ไฟล์ที่จัดการด้วย OneDrive for Business จะถูกจัดเก็บแยกต่างหากจากไฟล์ที่จัดเก็บด้วย OneDrive ส่วนบุคคลของคุณ OneDrive for Business จะเก็บรวบรวมและส่งข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการรับรองความถูกต้อง เช่น อีเมลแอดเดรสและรหัสผ่านของคุณ ซึ่งจะถูกส่งให้กับ Microsoft และ/หรือผู้ให้บริการของ Microsoft 365 หรือ Office 365 ของคุณ
Outlook
ผลิตภัณฑ์ของ Outlook ถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุงการทำงานของคุณผ่านการติดต่อสื่อสารที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว และรวมถึง Outlook.com แอปพลิเคชันของ Outlook และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
Outlook.com Outlook.com คือบริการอีเมลหลักสำหรับผู้บริโภคจาก Microsoft ซึ่งรวมถึงบัญชีอีเมลต่างๆ ที่มีที่อยู่ลงท้ายด้วย outlook.com, live.com, hotmail.com และ msn.com Outlook.com ให้บริการฟีเจอร์ต่างๆ ที่ให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับเพื่อนๆ ของคุณได้บนเครือข่ายสังคม คุณจะต้องสร้างบัญชี Microsoft เพื่อใช้ Outlook.com
เมื่อคุณลบอีเมลหรือรายการจากกล่องจดหมายใน Outlook.com โดยปกติแล้ว รายการเหล่านั้นจะถูกย้ายไปอยู่ในโฟลเดอร์ รายการที่ถูกลบ ซึ่งจะอยู่ในโฟลเดอร์นั้นเป็นเวลาประมาณ 7 วัน เว้นแต่ว่าคุณจะย้ายรายการกลับไปที่กล่องขาเข้าของคุณ หรือล้างโฟลเดอร์นั้น หรือบริการได้ล้างโฟลเดอร์โดยอัตโนมัติตามลำดับที่มาก่อน เมื่อล้างโฟลเดอร์รายการที่ถูกลบแล้ว รายการที่ถูกลบแล้วเหล่านั้นจะยังคงอยู่ในระบบของเราเป็นเวลาถึง 30 วัน ก่อนที่จะถูกลบในขั้นสุดท้าย ยกเว้นเราจะต้องเก็บรักษาข้อมูลไว้เป็นเวลานานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แอปพลิเคชัน Outlook แอปพลิเคชันไคลเอนต์ของ Outlook เป็นซอฟต์แวร์ที่คุณติดตั้งลงในอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งอนุญาตให้คุณสามารถจัดการอีเมล รายการปฏิทิน ไฟล์ ที่ติดต่อ และข้อมูลอื่นๆ ได้จากอีเมล ที่เก็บข้อมูลไฟล์ และบริการอื่นๆ เช่น Exchange Online หรือ Outlook.com หรือ เซิร์ฟเวอร์ต่างๆ เช่น Microsoft Exchange คุณสามารถใช้บัญชีหลายบัญชีจากผู้ให้บริการต่างๆ รวมถึงผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทภายนอกร่วมกับแอปพลิเคชัน Outlook รวมถึงแอป Outlook สำหรับ Windows แบบใหม่
เมื่อต้องการเพิ่มบัญชี คุณต้องมอบสิทธิ์ให้ Outlook เข้าถึงข้อมูลจากบริการอีเมลหรือที่เก็บข้อมูลไฟล์ของคุณ
เมื่อคุณเพิ่มบัญชีลงใน Outlook จะทำให้จดหมาย รายการปฏิทิน ไฟล์ ที่ติดต่อ การตั้งค่า และข้อมูลอื่นๆ ของคุณจากบัญชีนั้น จะซิงค์ไปยังอุปกรณ์ของคุณโดยอัตโนมัติ ถ้าคุณใช้งานแอปพลิเคชัน Outlook สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ข้อมูลนั้นจะถูกซิงค์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft เช่นกัน เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การค้นหาที่เร็วขึ้น การกรองที่ปรับให้เป็นส่วนตัวสำหรับจดหมายที่มีความสำคัญน้อยกว่า และความสามารถในการเพิ่มไฟล์ที่แนบในอีเมลจากผู้ให้บริการที่เก็บข้อมูลที่ลิงก์กัน โดยไม่ต้องออกจากแอปพลิเคชัน Outlook ถ้าคุณใช้แอปพลิเคชัน Outlook บนเดสก์ท็อป คุณสามารถเลือกว่าจะอนุญาตให้ซิงค์ข้อมูลกับเซิร์ฟเวอร์หรือไม่ก็ได้ คุณสามารถนำบัญชีออกหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ซิงค์จากบัญชีของคุณเมื่อใดก็ได้
ถ้าคุณเพิ่มบัญชีที่ได้รับจากองค์กร (เช่นนายจ้างหรือโรงเรียน) เจ้าของโดเมนองค์กรสามารถกำหนดนโยบายและควบคุม (เช่น ร้องของการรองรับความถูกต้องโดยใช้หลายปัจจัย หรือลบข้อมูลจากระยะไกลออกจากอุปกรณ์ของคุณ) ซึ่งอาจมีผลกระทบถึงการใช้งาน Outlook ของคุณ
การใช้ความสามารถของอุปกรณ์ สําหรับไคลเอ็นต์ Outlook ที่สนับสนุน ผู้ใช้สามารถเขียนตามคําบอกเนื้อหาของอีเมลและส่งโดยใช้ฟีเจอร์การถอดเสียง ฟีเจอร์การถอดเสียงอาจถูกกําหนดค่าให้ใช้ไมโครโฟนของอุปกรณ์หรือไมโครโฟนอื่นๆ ที่ผู้ใช้อาจเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของพวกเขา เช่น หูฟังที่เปิดใช้งานไมโครโฟน Outlook อาจใช้ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ของคุณด้วยเช่นกัน เพื่อให้ข้อมูลสภาพอากาศสำหรับตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันของคุณ รวมถึงมอบความสามารถในการค้นหาตำแหน่งที่ตั้งใกล้เคียง
เมื่อต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่แอปพลิเคชัน Outlook รวบรวมและดำเนินการ โปรดดูส่วนMicrosoft 365 ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
Skype
Skype ช่วยให้คุณสามารถส่งและรับการติดต่อสื่อสารทางเสียง วิดีโอ, SMS และข้อความโต้ตอบได้ ส่วนนี้จะใช้สำหรับ Skype เวอร์ชันสำหรับผู้บริโภค ถ้าคุณใช้ Skype for Business ให้ดูส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการฟีเจอร์เหล่านี้ Microsoft เก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของคุณที่ประกอบด้วยเวลาและวันที่ของการติดต่อสื่อสาร และหมายเลขหรือชื่อผู้ใช้ที่เป็นส่วนหนึ่งของการติดต่อสื่อสาร
โปรไฟล์ Skype โปรไฟล์ Skype ของคุณมีข้อมูลที่คุณระบุไว้ขณะตั้งค่าบัญชี Microsoft เพื่อให้บุคคลอื่นสามารถค้นหาคุณได้บน Skype (หรือผลิตภัณฑ์ที่ติดต่อกับ Skype เช่น Skype for Business) โปรไฟล์ Skype ของคุณจะถูกรวมอยู่ในไดเรกทอรีการค้นหาสาธารณะของ Skype ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าโปรไฟล์ของคุณ โปรไฟล์ของคุณจะประกอบด้วยชื่อผู้ใช้ รูปตัวแทน และข้อมูลอื่นๆ ที่คุณเลือกมาใส่ในโปรไฟล์ของคุณหรือที่จะแสดงให้คนอื่นเห็น
การโทรฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา หากคุณเปิดใช้งานการแชร์ตำแหน่งที่ตั้งสำหรับการโทรฉุกเฉิน ระบบจะรวบรวมตำแหน่งที่ตั้งของคุณเป็นระยะเพื่อให้ Microsoft แชร์ตำแหน่งที่ตั้งของคุณกับผู้ให้บริการโทรฉุกเฉินหากคุณโทรติดต่อ 911 ข้อมูลตําแหน่งที่ตั้งของคุณจะถูกแชร์เฉพาะเมื่อคุณเปิดใช้งานการแชร์ตําแหน่งที่ตั้งสําหรับการโทรฉุกเฉินและคุณเริ่มต้นการโทร 911
รายชื่อผู้ติดต่อ Skype หากคุณใช้ Outlook.com เพื่อจัดการรายชื่อผู้ติดต่อ Skype จะเพิ่มบุคคลที่คุณรู้จักลงในรายชื่อผู้ติดต่อใน Skype ของคุณโดยอัตโนมัติจนกว่าคุณจะแจ้งให้แอปพลิเคชันหยุด ด้วยการอนุญาตของคุณ Skype จะซิงค์ที่ติดต่อในอุปกรณ์ของคุณเป็นระยะๆ และตรวจหาผู้ใช้ Skype รายอื่นที่ตรงกับที่ติดต่อในสมุดรายชื่อของอุปกรณ์หรือ Outlook ของคุณ คุณจะสามารถควบคุมที่ติดต่อของคุณได้อยู่เสมอและสามารถหยุดการซิงค์ได้ตลอดเวลา คุณสามารถบล็อกผู้ใช้ได้ ถ้าคุณไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากพวกเขา ถ้าคุณเลือกที่จะหยุดการซิงค์ที่ติดต่อของอุปกรณ์ของคุณ หรือคุณไม่ได้ใช้งานบนอุปกรณ์ของคุณ ที่ติดต่อใดๆ ที่ไม่ตรงกันระหว่างกระบวนการซิงโครไนซ์จะถูกลบออกจาก Skype ถ้าคุณต้องการเชิญผู้ติดต่อในอุปกรณ์หรือ Outlook ของคุณให้เข้าร่วมการสนทนาคุณสามารถเชิญผู้ใช้ไปยังการสนทนาแบบตัวต่อตัวโดยตรงหรือ Microsoft สามารถส่งคำเชิญในนามของคุณผ่านทาง SMS หรืออีเมลสำหรับการเชิญไปยังการสนทนากลุ่มได้ คุณสามารถบล็อกผู้ใช้ถ้าคุณไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารของพวกเขา นอกจากนี้คุณสามารถรายงานความกังวลใจของคุณให้กับ Microsoft ได้
ประกาศถึงผู้ติดต่อที่ไม่ใช่ผู้ใช้ หากข้อมูลของคุณปรากฏในสมุดรายชื่อของอุปกรณ์หรือ Outlook ของผู้ใช้ Teams ที่เลือกที่จะซิงค์อุปกรณ์ของตนหรือรายชื่อผู้ติดต่อ Skype ของตนกับรายชื่อผู้ติดต่อ Teams ของตน Microsoft อาจประมวลผลข้อมูลของคุณเพื่อตรวจสอบว่าคุณเป็นผู้ใช้ Skype ปัจจุบันหรือไม่ และเพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้ Skype เชิญคุณเข้าใช้บริการได้ รวมถึงผ่าน SMS และอีเมล ตราบใดที่ผู้ใช้ Skype ยังคงใช้งาน Skype บนอุปกรณ์ของตนและยังคงเปิดใช้งานการซิงค์ที่ติดต่อ ข้อมูลของคุณจะถูกจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ของเรา และเราจะประมวลผลข้อมูลของคุณเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การซิงค์ที่ติดต่อกับผู้ใช้’ Skype เพื่อตรวจสอบว่าคุณได้เข้าร่วม Skype ในเวลาต่อมาหรือไม่
ถ้าคุณเลือกที่จะเข้าร่วม Skype คุณจะปรากฏเป็นผู้ติดต่อ Skype ใหม่ที่แนะนําสําหรับผู้ใช้ Skype ที่มีข้อมูลของคุณในสมุดรายชื่อของอุปกรณ์หรือ Outlook ของพวกเขา ในฐานะผู้ใช้ Skype คุณจะสามารถบล็อกผู้ใช้ Skype รายอื่นได้ถ้าคุณไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารของพวกเขา นอกจากนี้ คุณสามารถรายงานความกังวลใจของคุณไปยัง Microsoft ได้
บริษัทคู่ค้า เพื่อให้ Skype พร้อมใช้งานเป็นวงกว้าง เราได้ร่วมเป็นคู่ค้ากับบริษัทอื่นๆ เพื่อทำให้ Skype ให้บริการผ่านบริการของบริษัทเหล่านั้นได้ ถ้าคุณใช้ Skype ผ่านบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ Microsoft ข้อมูลของคุณจะได้รับการจัดการตามนโนบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทนั้นๆ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่บังคับใช้หรือเพื่อตอบสนองต่อกระบวนการทางกฎหมาย หรือเพื่อให้บริษัทคู่ค้าหรือผู้ให้บริการท้องถิ่นปฏิบัติตามหรือตอบสนอง เราอาจเข้าถึง เปิดเผย และสงวนข้อมูลของคุณไว้ ข้อมูลดังกล่าวนี้รวมถึง เนื้อหาข้อมูลส่วนตัว เช่น เนื้อหาของข้อความโต้ตอบ ข้อความวิดีโอที่จัดเก็บ ข้อความเสียงหรือการถ่ายโอนไฟล์ เป็นต้น
Skype Manager Skype Manager ช่วยให้คุณจัดการการใช้ Skype ของกลุ่ม (เช่น ของครอบครัว) ได้จากตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลาง เมื่อคุณตั้งกลุ่ม คุณจะเป็นผู้ดูแลระบบ Skype Manager และสามารถเห็นรูปแบบการใช้งาน รวมทั้งข้อมูลโดยละเอียด เช่น ข้อมูลการเข้าชม และรายละเอียดการซื้อของสมาชิกในกลุ่มที่อนุญาตให้เข้าถึงได้ ถ้าคุณเพิ่มข้อมูล เช่น ชื่อ บุคคลอื่นไปในกลุ่มจะสามารถมองเห็นได้ สมาชิกของกลุ่มสามารถถอนความยินยอมสำหรับ Skype Manager ได้โดยไปที่หน้าบัญชี Skype ของตน
การแจ้งเตือนแบบพุช เพื่อแจ้งคุณว่ามีสายโทรเข้า การแชท และข้อความอื่น แอป Skype จะใช้บริการการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ของคุณ สำหรับอุปกรณ์จำนวนมาก บริการเหล่านี้มีการให้บริการโดยบริษัทอื่น เพื่อแจ้งให้คุณทราบ เช่น ใครโทรมา แสดงคำสั้นๆ ของแชทใหม่ Skype ต้องแจ้งบริการการแจ้งเตือนเพื่อแจ้งให้คุณทราบ บริษัทที่ให้บริการการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ของคุณจะใช้ข้อมูลนี้ตามข้อกำหนดและนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทนั้นๆ Microsoft จะไม่รับผิดชอบต่อข้อมูลที่บริษัทผู้ให้บริการการแจ้งเตือนอื่นๆ เก็บรวบรวม ถ้าคุณไม่ต้องการใช้บริการการแจ้งเตือนสําหรับการโทรและข้อความขาเข้าของ Skype ให้ปิดบริการในการตั้งค่าที่พบในแอปพลิเคชัน Skype หรืออุปกรณ์ของคุณ
ฟีเจอร์การแปล เมื่อคุณใช้ฟีเจอร์การแปลของ Skype ทาง Skype จะเก็บรวบรวมและใช้การสนทนาของคุณเพื่อให้บริการการแปล ด้วยการอนุญาตของคุณ อาจมีการใช้ข้อมูลของคุณเพื่อช่วยปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft เพื่อช่วยให้เทคโนโลยีการรู้จำเสียงและการแปลพัฒนาต่อไป ประโยคและถอดเสียงอัตโนมัติจะได้รับการวิเคราะห์และการแก้ไขใดๆ จะถูกใส่ลงในระบบของเราเพื่อสร้างบริการที่มีประสิทธิภาพการดำเนินการที่ดียิ่งขึ้น ข้อมูลนี้อาจรวมถึงการถอดเองด้วยตนเองจากคลิปเสียงของคุณ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Microsoft จัดการข้อมูลเสียงของคุณ ให้ดูเทคโนโลยีการรู้จำเสียง
ฟีเจอร์การบันทึก Skype บางเวอร์ชันมีฟีเจอร์การบันทึก ซึ่งอนุญาตให้คุณสามารถถ่ายภาพและแชร์การโทรด้วยเสียง และ/หรือการสนทนาทางวิดีโอทั้งหมดหรือบางส่วนของคุณได้ การบันทึกจะได้รับการจัดเก็บและแชร์เป็นส่วนหนึ่งของประวัติการสนทนากับบุคคลหรือกลุ่มที่มีการโทรติดต่อ คุณควรรับทราบถึงความรับผิดชอบทางกฎหมายของคุณก่อนที่จะบันทึกการติดต่อสื่อสารใดๆ ซึ่งอาจรวมถึงการขอความยินยอมล่วงหน้าจากทุกคนที่เข้าร่วมในการสนทนาหรือหน่วยงานอื่นๆ ตามความจำเป็น Microsoft จะไม่รับผิดชอบใดๆ สำหรับวิธีการที่คุณใช้การบันทึกหรือฟีเจอร์การบันทึกของคุณ
บอทของ Skype บอทเป็นโปรแกรมที่นำเสนอโดย Microsoft หรือบริษัทภายนอกที่สามารถทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่างๆ เช่น การค้นหาข่าว เล่นเกม และอื่นๆ บอทอาจมีการเข้าถึงชื่อที่แสดงของคุณ, Skype ID, ประเทศ ภูมิภาค ภาษา และข้อความ เสียง วิดีโอ หรือเนื้อหาใดๆ ที่คุณแชร์กับบอท ขึ้นอยู่กับความสามารถของบอท โปรดตรวจสอบโปรไฟล์ของบอทและนโยบายความเป็นส่วนตัวของบอทก่อนที่จะเข้าร่วมในการสนทนาแบบหนึ่งต่อหนึ่ง หรือแบบกลุ่มด้วยบอท คุณสามารถลบบอทที่คุณไม่ต้องการมีส่วนร่วมด้วยอีกต่อไปได้ ก่อนที่จะเพิ่มบอทไปยังกลุ่ม โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมกลุ่มของคุณยินยอมให้แชร์ข้อมูลของพวกเขากับบอท
การใส่คำบรรยาย ฟีเจอร์บางอย่างของ Skype รวมถึงการเข้าถึงฟังก์ชันการเข้าถึง เช่น คำบรรยาย ระหว่างการโทร Skype ผู้โทรอาจเปิดใช้งานฟีเจอร์เปลี่ยนเสียงเป็นตัวอักษร ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ดูเสียงที่แชทเปลี่ยนเป็นข้อความได้ หากผู้ใช้เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ผู้เข้าร่วมการโทรคนอื่นๆ จะไม่ได้รับการแจ้งเตือน Microsoft ใช้ข้อมูลเสียงและข้อความนี้เพื่อให้คำบรรยายเสียงแก่ผู้ใช้
ฟีเจอร์ของกล้อง เมื่อคุณใช้ฟีเจอร์กล้องใน Skype คุณสามารถเลือกที่จะปรับแต่งวิดีโอและรูปภาพของคุณด้วยบริการเลนส์ของบริษัทภายนอก เลนส์เป็นฟีเจอร์ที่ใช้ความเป็นจริงเสริม (AR) เพื่อแปลงเซลฟี่ของคุณอย่างสนุกสนาน เช่น ทําให้คุณมีลักษณะเหมือนสัตว์ตัวโปรดของคุณ เมื่อใช้กล้องใน Skype คุณสามารถเลือกฟีเจอร์เลนส์ที่รวมอยู่ใน Skype เพื่อแปลงใบหน้าและมือของคุณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเลนส์ที่คุณเลือก วิดีโอและรูปภาพของคุณอาจถูกประมวลผลเพื่อแยกข้อมูลเกี่ยวกับตําแหน่งที่ตั้งของพื้นที่ต่างๆ บนใบหน้าและมือของคุณ ข้อมูลที่แยกจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เอฟเฟ็กต์ AR กับใบหน้าและมือของคุณเท่านั้น ไม่มีการใช้ข้อมูลนี้เพื่อระบุตัวคุณเป็นการส่วนตัว ข้อมูลนี้จะได้รับการประมวลผลสําหรับระยะเวลาของเซสชันในอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น จากนั้นจึงลบออกทันที ข้อมูลนี้จะไม่ถูกส่งไปยัง Skype หรือบริษัทอื่น
Surface
Microsoft นําเสนออุปกรณ์ Surface และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการท่องเว็บ การดูและสตรีมวิดีโอ การเล่นเกม การเรียกใช้แอป เช่น Excel, Word และ OneNote และอื่นๆ ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์และอุปกรณ์เสริม เช่น Surface Laptops, Surface Studios, Surface Book, Surface Pro, Surface Headphones, Surface Earbuds, Surface Dock, คีย์บอร์ด Surface และอื่นๆ ในฐานะส่วนหนึ่งของประสบการณ์การใช้งานนั้น Microsoft จะรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยบางอย่างตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง
ข้อมูลการวินิจฉัย Microsoft จะรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยเมื่อคุณใช้อุปกรณ์ Surface, อุปกรณ์เสริมของ Surface และแอปพลิเคชัน Surface ของคุณ ข้อมูลการวินิจฉัยอาจรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการหยุดทํางาน ประสิทธิภาพการทํางาน และการใช้งานผลิตภัณฑ์ Surface ข้อมูลที่ส่งไปยัง Microsoft จะถูกใช้เพื่อช่วยให้ Surface ปลอดภัย ทันสมัย และทํางานได้ตามที่คาดไว้ และสามารถช่วยให้เราปรับปรุง Surface อื่นๆ ได้
ข้อมูลการวินิจฉัยและกิจกรรมมีสองระดับ ได้แก่ ข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้และข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม
- ข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้คือจำนวนข้อมูลขั้นต่ำที่เราต้องการเพื่อช่วยดูแลอุปกรณ์ Surface, อุปกรณ์เสริมของ Surface และแอปพลิเคชัน Surface ให้ปลอดภัย ทันสมัย และทำงานได้ตามที่คาดไว้
- ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมคือข้อมูลการวินิจฉัยและการใช้งานเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ Surface, อุปกรณ์เสริมของ Surface และแอปพลิเคชัน Surface ของคุณ หากคุณเลือกที่จะส่งข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมไปยัง Microsoft ข้อมูลการวินิจฉัยที่จําเป็นจะถูกรวมไว้ด้วย
ข้อมูลการวินิจฉัยที่จําเป็นจะถูกส่งไปยัง Microsoft เสมอสําหรับอุปกรณ์ Surface, อุปกรณ์เสริมของ Surface และแอปพลิเคชัน Surface ทั้งหมด แต่คุณสามารถเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้ Surface รวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมและส่งไปยัง Microsoft หรือไม่ คุณสามารถเลือกได้เมื่อคุณตั้งค่าอุปกรณ์ Surface ของคุณเป็นครั้งแรก หรือเปลี่ยนการตั้งค่าได้ตลอดเวลาในแอป Surface
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูข้อมูลการวินิจฉัยำหรับผลิตภัณฑ์ Surface และข้อมูลการวินิจฉัยในแอป Surface สำหรับรายการข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้สำหรับ Surface ที่ต้องรวบรวม ให้ดูข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ Surface
Surface Duo
Surface Duo เป็นอุปกรณ์ที่มีสองหน้าจอซึ่งพอดีกับกระเป๋าของคุณเพื่อให้มีประสิทธิภาพในขณะเดินทาง Surface Duo สนับสนุนการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์และ Wi-Fi และสามารถใช้สำหรับอีเมล การเรียกดูผ่านอินเทอร์เน็ต เกม และการเชื่อมต่อทางธุรกิจ ซึ่งขับเคลื่อนโดยระบบปฏิบัติการ Google Android
Microsoft มอบประสบการณ์ใช้งาน Surface Duo หลักที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android ประสบการณ์ใช้งาน Surface Duo หลักมีแอป เช่น Microsoft Launcher ตัวช่วยสร้างการตั้งค่า และคู่หูโทรศัพท์ของคุณ คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ID และเปิดใช้บริการต่างๆ ของ Google นอกจากนี้คุณยังสามารถลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft (MSA) ของคุณ และเปิดใช้บริการของ Microsoft ได้ แอป Microsoft และบริการอาจใช้ข้อมูลที่ Google ให้ไว้ ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง กำหนดให้คุณเปิดใช้งานฟังก์ชันการทำงานนี้สำหรับ Google และอนุญาตให้ Microsoft ใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้แยกต่างหาก
ข้อมูลการวินิจฉัย Surface Duo จะเก็บรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยเพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้ประสบการณ์ใช้งาน Surface Duo หลักทันสมัย ปลอดภัย และทำงานได้อย่างถูกต้อง ข้อมูลนี้ยังช่วยเราปรับปรุง Surface Duo รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลนี้ไม่รวมถึงชื่อผู้ใช้ ที่อยู่อีเมล หรือเนื้อหาของไฟล์ของคุณ ข้อมูลการวินิจฉัยมีสองระดับ: ข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้และข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม
- ต้องใช้ ข้อมูลขั้นต่ำที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ประสบการณ์ใช้งาน Surface Duo หลักปลอดภัย ทันสมัย และทำงานตามที่คาดไว้
- เพิ่มเติม ข้อมูลเพิ่มเติมที่ช่วยให้เราปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และแสดงข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อช่วยให้ Microsoft ตรวจหา วินิจฉัย และแก้ไขปัญหา
เรียนรู้เพิ่มเติมในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Surface Duo
การตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้งของ Surface Duo Surface Duo จะใช้บริการตำแหน่งที่ตั้งของ Google เพื่อกำหนดตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่แม่นยำของอุปกรณ์เพื่อแสดงสภาพอากาศในท้องถิ่น ความแม่นยำในการระบุตำแหน่งที่ตั้งของ Surface Duo จะแตกต่างกันออกไป และในบางกรณีก็อาจสามารถระบุได้อย่างแม่นยำด้วยเช่นกัน ถ้าคุณต้องการให้แอป Microsoft สามารถอ้างอิง หรือแสดงข้อมูลสภาพอากาศหรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ตั้ง คุณจะต้องเปิดใช้งานบริการตำแหน่งที่ตั้งของ Google และการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของ Microsoft บางแอปอาจต้องเปิดใช้งานการตั้งค่าเหล่านี้แยกต่างหากสำหรับแอป และสามารถตั้งค่าหรือเปลี่ยนแปลงได้ในการตั้งค่าของ Surface Duo นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับบริการตำแหน่งที่ตั้งของ Google และแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ดูการตั้งค่าตำแหน่ง Surface Duo สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
แอปของ Microsoft ที่มาพร้อมกับ Surface Duo ตัวเลือกข้อมูลการวินิจฉัยสำหรับประสบการณ์ใช้งาน Surface Duo หลักได้รับการกำหนดค่าเมื่อคุณตั้งค่า Surface Duo ของคุณเป็นครั้งแรก และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในการตั้งค่าของ Surface Duo ภายใต้ส่วนข้อมูลการวินิจฉัย
แอป Microsoft อื่นๆ บน Surface Duo ของคุณอาจพร้อมท์ให้คุณเปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานเพื่อเปิดใช้ประสบการณ์ใช้งานแอปแบบเต็มรูปแบบ หรือคุณอาจถูกขอให้อนุญาตการรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าสำหรับแอปเหล่านี้ได้ในการตั้งค่า Surface Duo ใต้ชื่อแอป ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปเหล่านี้มีอยู่ในส่วนผลิตภัณฑ์เพื่อการทำงานและการติดต่อสื่อสาร และค้นหาและเรียกดูของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลที่ LinkedIn รวบรวม และวิธีการที่ LinkedIn ใช้และแชร์ โปรดดูที่นโยบายความเป็นส่วนตัวของ LinkedIn
ค้นหาและเรียกดู
การค้นหาและเรียกดูผลิตภัณฑ์จะเชื่อมต่อคุณกับข้อมูลและเข้าใจได้อัจฉริยะ ประมวลผล และดําเนินการเกี่ยวกับการเรียนรู้ข้อมูล และการปรับตัวเมื่อเวลาผ่านไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของปัญญาประดิษฐ์และ Copilot ในผลิตภัณฑ์การค้นหาของ Microsoft โปรดดูส่วนปัญญาประดิษฐ์และความสามารถของ Microsoft Copilot ด้านบน
การค้นหาและเรียกดูผลิตภัณฑ์จะเชื่อมต่อคุณกับข้อมูลและเข้าใจได้อัจฉริยะ ประมวลผล และดําเนินการเกี่ยวกับการเรียนรู้ข้อมูล และการปรับตัวเมื่อเวลาผ่านไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของปัญญาประดิษฐ์และ Copilot ในผลิตภัณฑ์การค้นหาของ Microsoft โปรดดูส่วนปัญญาประดิษฐ์และความสามารถของ Microsoft Copilot ด้านบน
Bing
บริการ Bing รวมถึงบริการค้นหาและแผนที่ ตลอดจนแอปและโปรแกรมอื่นๆ ที่อธิบายไว้ในส่วนนี้ บริการ Bing จะเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลในแบบฟอร์มต่างๆ รวมถึงข้อความที่เขียนด้วยหมึกหรือพิมพ์ ข้อมูลเสียง และรูป บริการ Bing ยังรวมอยู่ในบริการของ Microsoft อื่นๆ ด้วย เช่น Microsoft 365 และฟีเจอร์บางอย่างใน Windows (ซึ่งเราเรียกว่าประสบการณ์การใช้งานที่ให้บริการโดย Bing)
เมื่อคุณทำการค้นหา หรือใช้ฟีเจอร์ของประสบการณ์การใช้งานที่ให้บริการโดย Bing ซึ่งรวมถึงการค้นหาหรือการป้อนคำสั่งในนามของคุณ Microsoft จะเก็บรวบรวมการค้นหาและคำสั่งที่คุณให้ (ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของข้อความ ข้อมูลเสียง หรือรูปภาพ) พร้อมทั้งที่อยู่ IP ของคุณ ตำแหน่งที่ตั้ง ตัวระบุเฉพาะที่อยู่ในคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่คล้ายกันของเรา เวลาและวันที่ในการค้นหาของคุณ และการกำหนดค่าเบราว์เซอร์ของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใช้บริการที่สามารถเปิดใช้งานคำสั่งเสียงได้ของ Bing ระบบจะส่งการป้อนข้อมูลด้วยเสียงของคุณ และข้อมูลประสิทธิภาพการทำงานที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการทำงานของการสั่งงานด้วยเสียงให้กับ Microsoft หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Microsoft จัดการข้อมูลเสียงของคุณ ให้ดูเทคโนโลยีการรู้จำเสียง และ ถ้าคุณใช้บริการที่สามารถเปิดใช้งานรูปภาพของ Bing รูปภาพที่คุณระบุจะถูกส่งไปยัง Microsoft เมื่อคุณใช้บริการที่ให้บริการโดย Bing เช่น Bing Lookup เพื่อค้นหาคำหรือวลีที่ต้องการในหน้าเว็บหรือเอกสาร คำหรือวลีนั้นจะถูกส่งไปยัง Bing พร้อมกับเนื้อหาโดยรอบเพื่อให้ผลลัพธ์การค้นหาที่เกี่ยวข้องตามบริบท
Bing Search ที่ได้รับการปรับปรุงโดย AI ขณะนี้ Bing Search มีฟังก์ชันการค้นหาเว็บที่ได้รับการปรับปรุงโดย AI โดยใช้ Microsoft Copilot ใน Bing ซึ่งสนับสนุนผู้ใช้โดยการให้ผลลัพธ์การค้นหาที่เกี่ยวข้อง การตรวจทานและการสรุปจากทั่วทั้งเว็บ การปรับแต่งคิวรีการค้นคว้าผ่านประสบการณ์การแชท และการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์โดยช่วยให้ผู้ใช้สร้างเนื้อหา การใช้และการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของ Copilot ใน Bing สอดคล้องกับข้อเสนอการค้นหาเว็บหลักของ Bing ตามที่อธิบายไว้ในส่วนนี้ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Copilot ใน Bing ได้ที่ Copilot ใน Bing: แนวทางของเราต่อ AI ที่รับผิดชอบ
คำแนะนำในการค้นหา สำหรับฟีเจอร์ข้อเสนอแนะการค้นหา อักขระที่คุณพิมพ์ลงในประสบการณ์ใช้งานที่ให้บริการโดย Bing (เช่น คำแนะนำการค้นหาและไซต์ในเบราว์เซอร์ Microsoft Edge) เพื่อดำเนินการค้นหาและสิ่งที่คุณคลิกจะส่งไปยัง Microsoft ซึ่งทำให้เราสามารถให้คำแนะนำที่เกี่ยวข้องแก่คุณได้เมื่อคุณพิมพ์คำค้นหา เมื่อต้องการเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ ในขณะที่ใช้ Bing Search ให้ไปที่การตั้งค่า Bing มีวิธีการอื่นๆ ในการควบคุมฟีเจอร์นี้ในประสบการณ์ใช้งานอื่นๆ ที่ให้บริการโดย Bing เช่น เบราว์เซอร์ Microsoft Edge ไม่สามารถปิดคำแนะนำการค้นหาในกล่องค้นหาใน Windows 10 และ Windows 11 ได้ หากคุณเลือก คุณสามารถซ่อนกล่องค้นหาหรือไอคอนบนแถบงานได้ตลอดเวลา
โปรแกรมปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของ Bing สำหรับเดสก์ท็อป Bing และแถบเครื่องมือ Bing ถ้าคุณใช้ Bing บนเดสก์ท็อป หรือแอปพลิเคชัน Bing Toolbar และเลือกที่จะเข้าร่วมโครงการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของ Bing เรายังเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่คุณใช้แอปพลิเคชัน Bing ที่เฉพาะเหล่านี้ เช่น ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม เพื่อช่วยปรับปรุงการจัดอันดับและความเกี่ยวข้องกันของการค้นหา เพื่อช่วยคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของคุณ เราจะไม่ใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมผ่านโครงการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของ Bing เพื่อการระบุตัวตนหรือติดต่อคุณ หรือเพื่อเจาะจงเป้าหมายการโฆษณาแก่คุณ คุณสามารถปิดโครงการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของ Bing ได้ทุกเมื่อ ในการตั้งค่า Bing Desktop หรือ Bing Toolbar สุดท้าย เราจะลบข้อมูลที่รวบรวมผ่านโครงการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของ Bing หลังจาก 18 เดือน
การเก็บข้อมูลและการลบข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงตัวบุคคล เราลบเอกลักษณ์แบบสอบถามการค้นหาที่เก็บไว้โดยการเอาที่อยู่ IP ออกทั้งหมดหลังจาก 6 เดือน และรหัสคุกกี้และตัวระบุข้ามเซสชันที่ใช้เพื่อระบุบัญชีหรืออุปกรณ์เฉพาะหลังจาก 18 เดือน
การตั้งค่าส่วนบุคคลผ่านทางบัญชี Microsoft บริการ Bing บางอย่างให้คุฯณได้รับประสบการณ์เพิ่มเติม เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ส่วนตัวของคุณ ตัวอย่างเช่น การซิงค์ประวัติการค้นหาของคุณในอุปกรณ์ต่างๆ คุณสามารถใช้คุณลักษณะการตั้งค่าส่วนบุคคลเหล่านี้เพื่อกำหนดความสนใจ รายการโปรด และการตั้งค่าของคุณได้ และเพื่อเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับบริการของบริษัทภายนอกอื่นๆ ไปที่การตั้งค่า Bing เพื่อจัดการการตั้งค่าส่วนบุคคลของคุณ หรือแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัวของ Microsoft เพื่อจัดการข้อมูลของคุณ
การจัดการประวัติการค้นหา เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Microsoft ส่วนตัว คุณสามารถลบประวัติการค้นหาและการแชทของคุณบนแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft บริการประวัติการค้นหาจาก Bing ซึ่งอยู่ในการตั้งค่า Bing เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการดูคำค้นหาที่คุณป้อนและผลลัพธ์ที่คุณคลิกดูเมื่อใช้การค้นหาผ่าน Bing ผ่านเบราว์เซอร์ของคุณอีกครั้ง คุณสามารถล้างประวัติการค้นหาของคุณบนอุปกรณ์ผ่านทางบริการนี้ การสนทนาที่คุณมีกับ Microsoft Copilot ใน Bing ยังได้รับการจดจําว่าเป็น “กิจกรรมล่าสุด” ประวัติกิจกรรมล่าสุดก่อนหน้านี้จะถูกบันทึกไว้ โดยมีชื่อของการแชทตามค่าเริ่มต้นบนคิวรีแรกของการแชท กิจกรรมล่าสุดของคุณจะแสดงทางด้านขวาของหน้าต่างการแชทเมื่อคุณใช้บริการ การล้างประวัติของคุณจะป้องกันไม่ให้แสดงประวัติดังกล่าวในประวัติการค้นหาหรือประวัติการแชทของคุณ แต่จะไม่ลบข้อมูลออกจากบันทึกการค้นหาของเรา ซึ่งจะถูกเก็บไว้ และถูกลบการระบุตัวตนตามที่ได้อธิบายไว้ด้านบน หรือตามที่คุณได้รับคำแนะนำผ่านแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว หากคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Microsoft ในที่ทำงานหรือโรงเรียนโดยใช้ Microsoft Search ใน Bing คุณสามารถส่งออกประวัติการค้นหาของ Microsoft Search ใน Bing ได้ แต่ คุณไม่สามารถลบออก ผู้ดูแลระบบบริการ Microsoft Search ใน Bing สามารถดูประวัติการค้นหารวมของผู้ใช้ทั้งหมดในองค์กรได้แต่ไม่สามารถดูการค้นหาที่เฉพาะเจาะจงของผู้ใช้
บริการของบริษัทภายนอกที่ใช้งาน Bing คุณอาจเข้าถึงประสบการณ์การใช้งานที่ให้บริการโดย Bing ได้เมื่อใช้บริการของบริษัทภายนอก เช่น บริการจาก Yahoo! เพื่อให้บริการเหล่านี้ Bing จะรับข้อมูลจากหุ้นส่วนเหล่านี้และหุ้นส่วนอื่นๆ ประกอบด้วยการสอบถามการค้นหา และข้อมูลที่เกี่ยวข้องของคุณ (เช่น วันที่ เวลา ที่อยู่ IP และตัวระบุเฉพาะ) ข้อมูลนี้จะถูกส่งไปยัง Microsoft เพื่อให้บริการค้นหา Microsoft จะใช้ข้อมูลนี้ดังที่อธิบายไว้ในประกาศนี้ หรือดังที่ภาระผูกพันทางสัญญาของเรากับหุ้นส่วนของเราจำกัดไว้เพิ่มเติม โปรดดูที่นโยบายความเป็นส่วนตัวของบริการของบริษัทภายนอก หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับวิธีการรวบรวมและใช้ข้อมูล
ข้อมูลที่ส่งผ่านไปยังเว็บไซต์ปลายทาง เมื่อคุณเลือกผลลัพธ์การค้นหาหรือโฆษณาจากหน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Bing และไปที่เว็บไซต์ปลายทาง เว็บไซต์ปลายทางดังกล่าวจะได้รับข้อมูลมาตรฐานที่เบราว์เซอร์ของคุณส่งไปยังทุกเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม เช่นที่อยู่ IP, ประเภทและภาษาของเบราว์เซอร์ และชื่อโฮสต์ของไซต์ที่นำคุณมา (ในกรณีนี้คือ https://www.bing.com/)
การแชร์ข้อมูลจาก Bing และประสบการณ์ใช้งานที่ขับเคลื่อนโดย Bing กับบริษัทภายนอก เราแชร์ข้อมูลบางอย่างซึ่งได้ลบการระบุตัวตนออกไปแล้ว (ข้อมูลที่ไม่รู้จักข้อมูลประจำตัวของบุคคลที่เฉพาะเจาะจง) จาก Bing และประสบการณ์การใช้งานที่ให้บริการโดย Bing กับบริษัทภายนอกที่เลือก ก่อนที่เราจะดำเนินการดังกล่าว เราจะเรียกใช้ข้อมูลโดยผ่านกระบวนการซึ่งออกแบบมาเพื่อลบข้อมูลที่สำคัญบางอย่างที่ผู้ใช้อาจรวมไว้ในคำค้นหาออก (เช่น หมายเลขประกันสังคม หรือ หมายเลขบัตรเครดิต) นอกจากนี้ เรายังกำหนดให้บุคคลภายนอกเหล่านี้ต้องเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นความลับ และไม่ใช้ข้อมูลนั้นเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากที่กำหนดให้
Microsoft Edge
เมื่อใดก็ตามที่คุณใช้เว็บเบราว์เซอร์เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ระบบจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ ("ข้อมูลอุปกรณ์มาตรฐาน") ไปยังเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมและบริการออนไลน์ที่คุณใช้ ข้อมูลอุปกรณ์มาตรฐานประกอบด้วยที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ของคุณ ชนิดของเบราว์เซอร์และภาษา เวลาในการเข้าถึง และที่อยู่ของเว็บไซต์ที่อ้างอิง อาจเข้าสู่ระบบข้อมูลนี้ได้ในเว็บเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์หรือบริการออนไลน์เหล่านั้น ข้อมูลใดที่ถูกบันทึกและวิธีการใช้ข้อมูลนั้นขึ้นอยู่กับวิธีปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมและบริการเว็บที่คุณใช้ ฟีเจอร์บางอย่างใน Microsoft Edge เช่น เมื่อคุณเปิดแท็บใหม่ในเบราว์เซอร์ จะเชื่อมต่อคุณเข้ากับเนื้อหา Microsoft Start และประสบการณ์ของคุณกับเนื้อหาดังกล่าวจะได้รับการครอบคลุมอยู่ในส่วน Microsoft Start ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ นอกจากนี้ Microsoft Edge จะส่งรหัสเบราเซอร์ที่ไม่ซ้ำกันไปยังบางเว็บไซต์เพื่อช่วยให้เราสามารถพัฒนาข้อมูลที่รวบรวมที่ใช้เพื่อปรับปรุงฟีเจอร์และบริการต่างๆ ของเบราเซอร์
Microsoft Edge สำหรับ Windows, Linux และ macOS Microsoft Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์เริ่มต้นสำหรับ Windows 10 และใหม่กว่า และยังมีให้บริการใน Windows และ macOS เวอร์ชันอื่นๆ ที่รองรับอีกด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้เบราว์เซอร์ของคุณ เช่น ประวัติการเรียกดูของคุณ ข้อมูลแบบฟอร์มบนเว็บ ไฟล์อินเทอร์เน็ตชั่วคราวและคุกกี้จะมีการจัดเก็บในอุปกรณ์ของคุณ คุณสามารถลบข้อมูลนี้จากอุปกรณ์ของคุณได้โดยใช้การล้างประวัติการเรียกดู
Microsoft Edge ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บและบันทึกเนื้อหาในอุปกรณ์ของคุณได้ เช่น:
- การตั้งค่าและอื่นๆ ช่วยให้คุณสามารถจัดการรายการโปรด ดาวน์โหลด ประวัติ ส่วนขยาย และคอลเลกชันของคุณได้
- คอลเลกชัน ช่วยให้คุณรวบรวมข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเนื้อหาอื่นๆ ในหน้าบันทึกย่อในเบราว์เซอร์ของคุณ เมื่อคุณลากเนื้อหาลงในคอลเลกชันของคุณ เนื้อหาดังกล่าวจะถูกแคชบนอุปกรณ์ของคุณและสามารถลบผ่านคอลเลกชันของคุณได้
- การปักหมุดเว็บไซต์ไปยังแถบงาน ทำให้คุณปักหมุดเว็บไซต์ที่คุณชื่นชอบไปยังแถบงานของ Windows ได้ เว็บไซต์จะสามารถดูได้ว่าเว็บเพจใดบ้างที่คุณปักหมุดไว้ เพื่อที่ทางเว็บไซต์จะได้ส่งการแจ้งเตือนแบบตัวบอกสถานะเพื่อแจ้งให้คุณทราบว่ามีสิ่งใหม่ๆ ให้คุณดูบนเว็บไซต์
Microsoft จะรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการแสดงฟีเจอร์ที่คุณร้องขอใน Microsoft Edge เมื่อลงชื่อเข้าใช้ Microsoft Edge โดยใช้บัญชีส่วนบุคคลของ Microsoft หรือบัญชีที่ทำงานหรือโรงเรียนของคุณ Microsoft Edge จะซิงค์ข้อมูลเบราว์เซอร์ของคุณที่บันทึกไว้บนอุปกรณ์ของคุณบนอุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้อื่นๆ คุณสามารถเลือกว่าจะซิงค์ข้อมูลเบราว์เซอร์ใด รวมถึงรายการโปรด ประวัติการเรียกดู ส่วนขยาย และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การตั้งค่า แท็บที่เปิด รายการข้อมูลกรอกแบบฟอร์มโดยอัตโนมัติ (เช่น ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์) รหัสผ่าน ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลประเภทอื่นๆ ได้เมื่อพร้อมใช้งาน หากคุณเลือกที่จะซิงค์ส่วนขยายที่คุณได้รับจากร้านค้าบนเว็บของบริษัทภายนอก สำเนาของส่วนขยายเหล่านั้นจะมีการดาวน์โหลดโดยตรงจากร้านค้าบนเว็บเหล่านั้นลงในอุปกรณ์ที่ซิงค์ของคุณ ถ้าคุณเปิดฟีเจอร์ตรวจสอบรหัสผ่าน ข้อมูลประจำตัวที่บันทึกไว้ของคุณจะถูกแฮช เข้ารหัสลับ และส่งไปยังบริการตรวจสอบรหัสผ่านของ Microsoft เพื่อเตือนให้คุณทราบหากตรวจพบว่าข้อมูลประจำตัวของคุณเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีหรือการละเมิดที่เป็นอันตราย Microsoft จะไม่เก็บรักษาข้อมูลนี้ไว้หลังจากการตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์ คุณสามารถปิดใช้งานหรือกำหนดค่าการซิงค์ในการตั้งค่าของ Microsoft Edge
เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ Microsoft Edge ด้วยบัญชีส่วนบุคคลของ Microsoft หรือบัญชีที่ทำงานหรือโรงเรียนของคุณ Microsoft Edge จะจัดเก็บการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชีคุณ Microsoft Edge จะใช้การตั้งค่าที่จัดเก็บไว้ในการโยกย้ายตัวเลือกความเป็นส่วนตัวของบัญชีคุณในอุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้ รวมถึงระหว่างการตั้งค่าอุปกรณ์ Windows หรือเมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ Microsoft Edge ด้วยบัญชีของคุณบนอุปกรณ์เครื่องใหม่
ข้อเสนอแนะการค้นหาและไซต์ ของ Microsoft Edge ใช้ข้อความค้นหาและประวัติการเรียกดูของคุณเพื่อให้การเรียกดูที่เร็วขึ้นและคำแนะนำการค้นหาที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น Microsoft Edge จะส่งข้อมูลที่คุณพิมพ์ในแถบที่อยู่เบราว์เซอร์ไปให้ผู้ให้บริการการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้นที่กำหนดค่าในแถบที่อยู่เพื่อเสนอคำแนะนำการค้นหาในขณะที่คุณพิมพ์แต่ละตัวอักษร คุณสามารถปิดฟีเจอร์เหล่านี้ได้ตลอดเวลาในการตั้งค่าเบราว์เซอร์ Microsoft Edge จะส่งข้อความค้นหาของคุณ ข้อมูลอุปกรณ์พื้นฐาน และตำแหน่งที่ตั้ง (ถ้าคุณเปิดใช้งานตำแหน่งที่ตั้งอยู่) ไปให้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นของคุณ เพื่อให้ผลการค้นหาต่างๆ ถ้า Bing เป็นผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นของคุณ เราจะใช้ข้อมูลนี้ตามที่อธิบายไว้ในส่วน Bing ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
Microsoft Edge รวบรวมและใช้ข้อมูลจากกิจกรรมการค้นหาของคุณทั่วทั้งเว็บ รวมถึงเว็บไซต์ที่ Microsoft ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือดําเนินการ เพื่อปรับปรุงบริการของ Microsoft เช่น Microsoft Edge, Microsoft Bing และ Microsoft News ข้อมูลนี้อาจรวมถึงคิวรีการค้นหา ผลลัพธ์การค้นหาที่แสดงให้คุณเห็น ข้อมูลประชากรที่เป็นส่วนหนึ่งของผลลัพธ์การค้นหา และการโต้ตอบที่คุณมีกับผลลัพธ์การค้นหาเหล่านั้น เช่น ลิงก์ที่คุณคลิก Microsoft Edge ใช้ขั้นตอนในการยกเลิกการระบุข้อมูลที่รวบรวมโดยการลบข้อมูลที่ระบุบุคคลหรืออุปกรณ์ที่รวบรวมและเก็บข้อมูลนี้ไว้เป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากที่มีการรวบรวม Microsoft จะไม่ใช้ข้อมูลที่รวบรวมนี้เพื่อปรับแต่งหรือแสดงโฆษณาให้กับคุณ คุณสามารถปิดใช้งานการรวบรวมข้อมูลนี้ได้ตลอดเวลาในการตั้งค่าเบราว์เซอร์
Microsoft Edge จะดาวน์โหลดเนื้อหาจากบริการของ Microsoft เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การเรียกดูของคุณ ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการดาวน์โหลดข้อมูลเพื่อแสดงเนื้อหาของไซต์ล่วงหน้าสำหรับการเรียกดูที่เร็วยิ่งขึ้นหรือเพื่อแสดงเนื้อหาที่จำเป็นในการใช้งานฟีเจอร์ที่คุณเลือกใช้ เช่น การแสดงเทมเพลตสำหรับคอลเลกชัน
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกแชร์กิจกรรมการเรียกดู Microsoft Edge เพื่ออนุญาตให้เราสามารถปรับแต่งบริการ Microsoft Edge และบริการของ Microsoft ให้เป็นแบบส่วนตัวได้ เช่น โฆษณา การค้นหา การช็อปปิ้ง และข่าวสาร กิจกรรมการเรียกดู Microsoft Edge ประกอบด้วยประวัติ รายการโปรด ข้อมูลการใช้งาน เนื้อหาเว็บ และข้อมูลการเรียกดูอื่นๆ ของคุณ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของโฆษณาของเรา โปรดดูส่วนโฆษณาของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ในแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัวของ Microsoft คุณสามารถควบคุมการใช้กิจกรรมการเรียกดูของคุณเพื่อปรับโฆษณาให้เป็นแบบส่วนบุคคลได้ในการตั้งค่าดูโฆษณาที่คุณอาจสนใจ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ในแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว Microsoft คุณจะยังคงได้รับประสบการณ์บนเว็บแบบเฉพาะตัว เช่น การค้นหาและข่าวสารตามกิจกรรมการเรียกดูของคุณ คุณสามารถหยุดแชร์กิจกรรมการเรียกดู Microsoft Edge ของคุณได้โดยการปิดใช้งาน อนุญาตให้ Microsoft ใช้กิจกรรมการเรียกดูของคุณ รวมถึงประวัติ รายการโปรด การใช้งาน และข้อมูลการเรียกดูอื่นๆ เพื่อปรับแต่ง Microsoft Edge และบริการของ Microsoft เช่น โฆษณา การค้นหา การซื้อสินค้า และข่าว ภายใน้การตั้งค่า Edge เมื่อใช้ฟีเจอร์ Copilot ในแถบด้านข้าง Microsoft Edge คุณสามารถเลือกที่จะอนุญาตให้ Microsoft Copilot ใน Edge เข้าถึงเนื้อหาของเว็บเพจที่คุณกําลังดูเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม เช่น สรุปหน้า การใช้ข้อมูลที่เชื่อมต่อกับประสบการณ์ใช้งาน Copilot สอดคล้องกับการใช้ข้อมูล Copilot ที่อธิบายไว้ในส่วน Bing ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
Microsoft Edge จะรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหา และเพื่อทำให้ Microsoft Edge มีความทันสมัยอยู่เสมอ ปลอดภัย และทำงานอย่างถูกต้อง ข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้ยังช่วยเราในการปรับปรุง Microsoft Edge และ Windows อีกด้วย
นอกเหนือจากข้อมูลกิจกรรมการค้นหาของคุณที่ระบุข้างต้น คุณสามารถเลือกส่งข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้ Microsoft Edge และข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมเบราว์เซอร์ของคุณ รวมถึงประวัติการเรียกดู และคำที่ใช้ค้นหาไปยัง Microsoft เพื่อช่วยเราปรับปรุง Microsoft Edge และผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft สำหรับ Microsoft Edge บน Windows 10 และใหม่กว่า ข้อมูลนี้จะมีให้เมื่อคุณเปิดใช้งานข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม สำหรับรายละเอียด โปรดดูหัวข้อ Windows Diagnostics ในนโยบายความเป็นส่วนตัว สำหรับ Microsoft Edge บนระบบปฏิบัติการอื่น ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมจะได้รับเมื่อคุณเปิดใช้งาน ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ Microsoft โดยการส่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานค้นหาของคุณ หรือทำให้การค้นหาและผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ดียิ่งขึ้นโดยการส่งข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมใน Microsoft Edge ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์
ข้อมูลการวินิจฉัยที่รวบรวมโดย Microsoft Edge จะมีการส่งให้กับ Microsoft และจัดเก็บด้วยรหัสเฉพาะอย่างน้อยหนึ่งชุดที่สามารถช่วยเราให้จดจำการติดตั้งเบราว์เซอร์แต่ละรายการบนอุปกรณ์แต่ละอย่างได้ และสามารถทำความเข้าใจกับปัญหาด้านการบริการและรูปแบบการใช้งานของเบราว์เซอร์
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Microsoft Edge, ข้อมูลการเรียกดู และความเป็นส่วนตัว
Microsoft Edge บน iOS และ Android Microsoft Edge ในอุปกรณ์ iOS และ Android จะเก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการแสดงฟีเจอร์ที่คุณร้องขอใน Microsoft Edge Microsoft ยังรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหา และเพื่อทำให้ Microsoft Edge มีความทันสมัย ปลอดภัย และทำงานได้อย่างถูกต้องเสมอ ข้อมูลการวินิจฉัยที่จำเป็นยังช่วยเราในการปรับปรุง Microsoft Edge อีกด้วย
นอกจากนี้ คุณสามารถแชร์ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้ Microsoft Edge และข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม (ประวัติการเรียกดู) เพื่อการมอบประสบการณ์ใช้งานเบราว์เซอร์, Windows และผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft ที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัว ข้อมูลนี้ยังช่วยเราในการปรับปรุง Microsoft Edge และผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft อีกด้วย ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมนี้จะส่งให้เราเมื่อคุณเปิดใช้งานแชร์ข้อมูลการใช้งานเพื่อการตั้งค่าส่วนบุคคล หรือแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์
ข้อมูลการวินิจฉัยที่รวบรวมโดย Microsoft Edge จะมีการส่งให้กับ Microsoft และจัดเก็บด้วยรหัสเฉพาะอย่างน้อยหนึ่งชุดที่สามารถช่วยเราให้จดจำผู้ใช้แต่ละรายการบนอุปกรณ์ และสามารถทำความเข้าใจกับปัญหาด้านการบริการและรูปแบบการใช้งานของเบราว์เซอร์
Microsoft Edge ใช้ข้อมูลจากกิจกรรมการค้นหาของคุณตามเว็บต่างๆ รวมถึงกิจกรรมการค้นหาบนเว็บไซต์ที่ Microsoft ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือดำเนินการ เพื่อปรับปรุงบริการของ Microsoft เช่น Microsoft Edge, Microsoft Bing และ Microsoft News ข้อมูลที่ Microsoft Edge เก็บรวบรวมอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม Microsoft Edge จะทำตามขั้นตอนเพื่อลบและยกเลิกการระบุข้อมูล Microsoft Edge จะไม่ใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับแต่งหรือแสดงโฆษณาให้กับคุณ คุณสามารถปิดใช้งานการรวบรวมข้อมูลนี้ได้ตลอดเวลาในการตั้งค่าเบราว์เซอร์ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลผลลัพธ์การค้นหาสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของเวอร์ชันดั้งเดิมของ Microsoft Edge (เวอร์ชัน 44 และต่ำกว่า) โปรดดูส่วนเว็บเบราว์เซอร์—Microsoft Edge รุ่นดั้งเดิมและ Internet Explorer ของนโยบายความเป็นส่วนตัว
Microsoft Translator
ตัวแปลภาษาของ Microsoft เป็นระบบและบริการการแปลด้วยเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อแปลข้อความและเสียงพูดระหว่างภาษาที่สนับสนุนมากมายโดยอัตโนมัติ ตัวแปลภาษาของ Microsoft พร้อมใช้งานเป็นแอปสำหรับผู้บริโภคแบบสแตนด์อโลนสำหรับ Android, iOS และ Windows และความสามารถของบริการยังผสานรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของ Microsoft เช่น ฮับตัวแปลภาษา โปรแกรมแปลสำหรับ Bing และตัวแปลภาษาสำหรับ Microsoft Edge ตัวแปลภาษาของ Microsoft ประมวลผลข้อความ รูปภาพ และข้อมูลเสียงที่คุณส่ง เช่นเดียวกับอุปกรณ์และข้อมูลการใช้งาน เราใช้ข้อมูลนี้เพื่อให้การบริการตัวแปลภาษาของ Microsoft ปรับแต่งประสบการณ์ของคุณ รวมถึงปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของเรา Microsoft ใช้มาตรการทางธุรกิจและทางเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลบเอกลักษณ์ข้อมูลบางอย่างที่คุณส่งไปยังตัวแปลภาษาของ Microsoft ตัวอย่างเช่น เมื่อเราสุ่มตัวอย่างข้อความและเสียงเพื่อปรับปรุงตัวแปลภาษาของ Microsoft และเทคโนโลยีการรู้จำเสียงของ Microsoft เราจะลบตัวระบุและข้อความบางอย่าง เช่น อีเมลแอดเดรสและลำดับหมายเลข ซึ่งตรวจพบในตัวอย่างที่อาจมีข้อมูลส่วนบุคคล หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Microsoft จัดการข้อมูลเสียงของคุณ ให้ดูเทคโนโลยีการรู้จำเสียง
บริการการแปลของ Microsoft ซึ่งแยกจากตัวแปลภาษาของ Microsoft พร้อมใช้งานเป็นฟีเจอร์ในผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft ที่มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างจากตัวแปลภาษาของ Microsoft สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ API ข้อความของตัวแปลภาษา Microsoft Azure Cognitive Services ตัวแปลภาษาแบบกำหนดเอง และ Speech API ของตัวแปลภาษา ให้ดูส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรและผู้พัฒนาของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ สำหรับฟีเจอร์แปลในแอป Microsoft 365 และ Skype ให้ดูส่วนผลิตภัณฑ์เพื่อการทำงานและการติดต่อสื่อสารของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
SwiftKey
คีย์บอร์ด Microsoft SwiftKey และบริการในระบบคลาวด์ที่เกี่ยวข้อง (รวมเรียกว่า “บริการ SwiftKey”) จะประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับคําที่คุณใช้และวิธีที่คุณพิมพ์และใช้ข้อมูลนี้เพื่อเรียนรู้สไตล์การเขียนของคุณ และให้การแก้ไขอัตโนมัติแบบส่วนตัวและข้อความที่คาดเดาที่ปรับให้เหมาะกับคุณ นอกจากนี้ เรายังใช้ข้อมูลนี้เพื่อนําเสนอฟีเจอร์อื่นๆ จำนวนมาก เช่น การคาดการณ์อีโมจิ
เทคโนโลยีการคาดเดาของ SwiftKey จะเรียนรู้จากวิธีที่คุณใช้ภาษาในการสร้างรูปแบบภาษาที่ถูกปรับให้เป็นเฉพาะตัว โมเดลนี้ได้ปรับแต่งมุมมองของคำและวลีที่คุณใช้บ่อยที่สุดในบริบท และแสดงถึงสไตล์การเขียนที่ไม่ซ้ำใครของคุณ โมเดลนี้จะมีการจัดเรียงคำที่คุณมักจะพิมพ์บ่อยๆ ในวิธีการที่ทำให้อัลกอริทึมของ SwiftKey สามารถคาดการณ์ตามสิ่งที่คุณเคยพิมพ์ได้ โมเดลนี้จะรวบรวมมาจากแบบจำลองทั้งหมดที่คุณใช้แป้นพิมพ์ของคุณ รวมถึงเมื่อคุณพิมพ์ขณะใช้แอป หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ แป้นพิมพ์และโมเดลของ SwiftKey จะพยายามหลีกเลี่ยงการรวบรวมข้อมูลที่เป็นความลับโดยจะไม่รวบรวมข้อมูล เช่น ฟิลด์ที่ถูกตั้งค่าสถานะเป็นข้อมูลรหัสผ่านหรือการชำระเงิน บริการ SwiftKey จะไม่บันทึกหรือจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่ในแบบจําลองของคุณ เว้นแต่ว่าคุณจะเลือกที่จะแชร์ข้อมูลของคุณกับเรา (ตามที่อธิบายเพิ่มเติมด้านล่าง) เมื่อคุณใช้บริการ SwiftKey เรายังเก็บรวบรวมข้อมูลอุปกรณ์และการใช้งานไว้ด้วย เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี SwiftKey ของคุณและยินยอมที่จะแชร์ข้อมูลต่อไปนี้ เราจะใช้ข้อมูลอุปกรณ์ ข้อมูลการใช้งาน และข้อมูลแบบจําลองที่ลบการระบุตัวตนเพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบริการและช่วยปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของเรา
บริการ SwiftKey ยังรวมถึงคอมโพเนนต์ระบบคลาวด์ที่เป็นตัวเลือกที่เรียกว่าบัญชี SwiftKey หากคุณเลือกที่จะสร้างบัญชี SwiftKey รูปแบบภาษาของคุณจะถูกซิงโครไนซ์กับบริการระบบคลาวด์ของบัญชี SwiftKey เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์จากแบบจําลองดังกล่าวในอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณใช้และเข้าถึงบริการเพิ่มเติม เช่น การสํารองข้อมูลและการซิงโครไนซ์การคาดการณ์ เมื่อคุณสร้างบัญชี SwiftKey ทาง Microsoft จะยังเก็บรวบรวมที่อยู่อีเมลและข้อมูลด้านประชากรพื้นฐานของคุณ ข้อมูลทั้งหมดที่เก็บรวบรวมไว้จะโอนย้ายไปยังเซิร์ฟเวอร์ของเราผ่านช่องทางที่เข้ารหัสลับ ถ้าคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี SwiftKey ของคุณ คุณสามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและการกำหนดลักษณะบัญชี SwiftKey ของคุณได้ที่ data.swiftkey.com
ในฐานะส่วนหนึ่งของบัญชี SwiftKey ของคุณ คุณอาจเลือกที่จะแชร์ข้อมูลภาษาและ/หรือการพิมพ์ของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ถ้าคุณเลือกรับ SwiftKey อาจส่งส่วนย่อยสั้นๆ ของข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณพิมพ์และวิธีการพิมพ์ของคุณ และข้อมูลการแก้ไขที่เกี่ยวข้องไปยังเซิร์ฟเวอร์ของเราสําหรับการประมวลผล ส่วนย่อยของข้อความเหล่านี้จะถูกใช้ในกระบวนการอัตโนมัติต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่าบริการสำหรับการคาดการณ์ของเราทํางานอย่างถูกต้องหรือไม่ และเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของคุณ บริการ SwiftKey จะลบการระบุส่วนย่อยของข้อความเหล่านี้ และแม้ว่าคุณจะมีบัญชี SwiftKey ส่วนย่อยของข้อความเหล่านี้จะไม่ถูกลิงก์
หากคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี SwiftKey ของคุณและเลือกที่จะแชร์ข้อมูลภาษาและการพิมพ์ของคุณ Microsoft จะประมวลผลข้อมูลที่แชร์ของคุณเพื่อค้นหารูปแบบใหม่ของการใช้ภาษาทั่วทั้งฐานผู้ใช้ของเรา ซึ่งทำให้เราสามารถปรับปรุงโมเดลพื้นฐานของเราสำหรับแต่ละภาษา ภาษาและข้อมูลการพิมพ์ที่ใช้ในกระบวนการนี้จะถูกรวมเข้าด้วยกันและคำหรือการผสมของคำที่อาจเป็นส่วนบุคคลของบุคคลหรือกลุ่มผู้ใช้จะถูกกรองออก
คุณสามารถถอนการยินยอมการแชร์ภาษาและการพิมพ์ข้อมูลของคุณสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ได้ตลอดเวลาในการตั้งค่า SwiftKey คุณยังสามารถยกเลิกการยินยอมของคุณในการอนุญาตให้บริการ SwiftKey ใช้ และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้ตลอดเวลาในการตั้งค่า SwiftKey เมื่อคุณยกเลิกการยินยอม ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่รวบรวมผ่านการใช้บริการ SwiftKey ของคุณจะถูกลบออก
คุณอาจได้รับการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ของคุณในบางครั้ง เพื่อเตือนให้คุณอัปเดตผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ที่คุณอาจสนใจ คุณสามารถปิดการแจ้งเตือนเหล่านี้ได้ตลอดเวลาในการตั้งค่า SwiftKey
เมื่อคุณใช้ฟีเจอร์กล้องใน SwiftKey คุณสามารถเลือกที่จะปรับแต่งวิดีโอและรูปภาพของคุณด้วยบริการเลนส์ของบริษัทภายนอก เลนส์เป็นฟีเจอร์ที่ใช้ความเป็นจริงเสริม (AR) เพื่อแปลงเซลฟี่ของคุณอย่างสนุกสนาน เช่น ทําให้คุณมีลักษณะเหมือนสัตว์ตัวโปรดของคุณ เมื่อใช้กล้องในคีย์บอร์ด SwiftKey คุณสามารถเลือกฟีเจอร์เลนส์ที่รวมอยู่ในคีย์บอร์ดเพื่อเปลี่ยนใบหน้าและมือของคุณได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเลนส์ที่คุณเลือก วิดีโอและรูปภาพของคุณอาจถูกประมวลผลเพื่อแยกข้อมูลเกี่ยวกับตําแหน่งที่ตั้งของพื้นที่ต่างๆ บนใบหน้าและมือของคุณ ข้อมูลที่แยกจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เอฟเฟ็กต์ AR กับใบหน้าและมือของคุณเท่านั้น ไม่มีการใช้ข้อมูลนี้เพื่อระบุตัวคุณเป็นการส่วนตัว ข้อมูลนี้จะได้รับการประมวลผลสําหรับระยะเวลาของเซสชันในอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น จากนั้นจึงลบออกทันที ข้อมูลนี้จะไม่ถูกส่งไปยัง SwiftKey หรือบริษัทภายนอก
Windows
Windows คือสภาพแวดล้อมของระบบคอมพิวเตอร์แบบส่วนตัว ซึ่งทำให้คุณสามารถโรมมิ่งและเข้าถึงบริการ การกำหนดลักษณะ และเนื้อหาในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากโทรศัพท์ไปยังแท็บเล็ตไปจนถึง Surface Hub ได้อย่างราบรื่น คอมโพเนนต์ที่สำคัญของ Windows ทำงานบนคลาวด์ แทนที่จะอยู่เป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์แบบคงที่ในอุปกรณ์ของคุณ และองค์ประกอบของ Windows ทั้งบนระบบคลาวด์และในเครื่องจะได้รับการอัปเดตเป็นประจำ เพื่อให้ระบบปฏิบัติการของคุณมีการปรับปรุงและคุณลักษณะล่าสุด เราเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณ อุปกรณ์ของคุณ และวิธีที่คุณใช้ Windows เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ และเนื่องจากเราได้ปรับ Windows ให้เป็นแบบส่วนตัวสำหรับคุณ เราจึงเสนอตัวเลือกให้กับคุณ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวมและวิธีที่เราใช้ข้อมูลของคุณ โปรดทราบว่า หากองค์กรของคุณ (เช่น นายจ้างหรือโรงเรียน) เป็นผู้ดูแลและจัดการอุปกรณ์ Windows องค์กรดังกล่าวอาจใช้เครื่องมือการจัดการจากส่วนกลางที่ Microsoft หรือผู้ให้บริการอื่นๆ จัดหาให้ เพื่อเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลของคุณเพื่อควบคุมการตั้งค่าอุปกรณ์ (รวมถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว) นโยบายอุปกรณ์ การอัปเดตซอฟต์แวร์ การเก็บรวบรวมข้อมูลของเราหรือขององค์กร หรือคุณสมบัติอื่นๆ ของอุปกรณ์ นอกจากนี้ องค์กรของคุณสามารถใช้เครื่องมือการจัดการที่มาจาก Microsoft หรือผู้ให้บริการอื่นๆ เพื่อเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลจากอุปกรณ์นั้น รวมถึงข้อมูลการโต้ตอบ ข้อมูลการวินิจฉัย และเนื้อหาของการติดต่อสื่อสารและไฟล์
การตั้งค่า Windows ซึ่งเดิมเรียกว่าการตั้งค่าพีซี เป็นองค์ประกอบที่สําคัญของ Microsoft Windows ซึ่งมีส่วนติดต่อที่สะดวกสําหรับการปรับการกําหนดลักษณะของผู้ใช้ การกําหนดค่าระบบปฏิบัติการ และการจัดการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเพื่อให้คุณสามารถจัดการบัญชีผู้ใช้ ปรับการตั้งค่าเครือข่าย และปรับแต่งลักษณะต่างๆ ของ Windows Windows มีกลไกสําหรับแอปในการเข้าถึงความสามารถต่างๆ ของอุปกรณ์ เช่น กล้องของอุปกรณ์ไมโครโฟน ตําแหน่งที่ตั้ง ปฏิทิน รายชื่อผู้ติดต่อ ประวัติการโทร ข้อความ และอื่นๆ ในขณะที่ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ความสามารถแต่ละรายการมีหน้าการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของตนเองในการตั้งค่า Windows เพื่อให้คุณสามารถควบคุมได้ว่าแอปใดสามารถใช้แต่ละความสามารถได้ ต่อไปนี้คือคุณลักษณะสําคัญบางอย่างของการตั้งค่า:
- การปรับแต่ง: คุณสามารถปรับแต่งลักษณะต่างๆ ของ Windows รวมถึงลักษณะที่แสดง การตั้งค่าภาษา และตัวเลือกความเป็นส่วนตัว การตั้งค่า Windows จะใช้ไมโครโฟนของคุณเมื่อควบคุมระดับเสียง กล้องเมื่อใช้กล้องที่รวมเข้าและตําแหน่งที่ตั้งเพื่อเปลี่ยนความสว่างในเวลากลางคืนเพื่อช่วยให้คุณกําหนด Windows ของคุณเอง
- การจัดการอุปกรณ์ต่อพ่วง: ติดตั้งและจัดการอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น เครื่องพิมพ์ จอภาพ และไดรฟ์ภายนอก
- การกำหนดค่าเครือข่าย: ปรับการตั้งค่าเครือข่าย รวมถึง Wi-Fi, อีเทอร์เน็ต, การเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์และ VPN และจะใช้ที่อยู่ MAC ทางกายภาพ, IMEI และหมายเลขโทรศัพท์มือถือหากอุปกรณ์รองรับเครือข่ายโทรศัพท์
- การจัดการบัญชี: เพิ่มหรือเอาบัญชีผู้ใช้ออก เปลี่ยนการตั้งค่าบัญชี และจัดการตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้
- ตัวเลือกระดับระบบ: กําหนดค่าการตั้งค่าการแสดงผล การแจ้งเตือน ตัวเลือกการใช้พลังงาน จัดการรายการแอปที่ติดตั้ง และอื่นๆ
- การจัดการความเป็นส่วนตัว&และการรักษาความปลอดภัย: กําหนดค่าการกําหนดลักษณะความเป็นส่วนตัวของคุณ เช่น ตําแหน่งที่ตั้ง การรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัย เป็นต้น ปรับแต่งว่าแอปและบริการใดที่สามารถเข้าถึงความสามารถของอุปกรณ์ได้โดยการเปิดหรือปิด
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลใน Windows โปรดดูที่สรุปการรวบรวมข้อมูลสำหรับ Windows คำชี้แจงนี้กล่าวถึง Windows 10 และ Windows 11 และการอ้างอิงถึง Windows ในหัวข้อนี้จะเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น Windows เวอร์ชันก่อนหน้า (รวมถึง Windows Vista, Windows 7, Windows 8 และ Windows 8.1) อยู่ภายใต้คำชี้แจงสิทธิ์ส่วนบุคคลของตนเอง
Windows คือสภาพแวดล้อมของระบบคอมพิวเตอร์แบบส่วนตัว ซึ่งทำให้คุณสามารถโรมมิ่งและเข้าถึงบริการ การกำหนดลักษณะ และเนื้อหาในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากโทรศัพท์ไปยังแท็บเล็ตไปจนถึง Surface Hub ได้อย่างราบรื่น คอมโพเนนต์ที่สำคัญของ Windows ทำงานบนคลาวด์ แทนที่จะอยู่เป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์แบบคงที่ในอุปกรณ์ของคุณ และองค์ประกอบของ Windows ทั้งบนระบบคลาวด์และในเครื่องจะได้รับการอัปเดตเป็นประจำ เพื่อให้ระบบปฏิบัติการของคุณมีการปรับปรุงและคุณลักษณะล่าสุด เราเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณ อุปกรณ์ของคุณ และวิธีที่คุณใช้ Windows เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ และเนื่องจากเราได้ปรับ Windows ให้เป็นแบบส่วนตัวสำหรับคุณ เราจึงเสนอตัวเลือกให้กับคุณ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวมและวิธีที่เราใช้ข้อมูลของคุณ โปรดทราบว่า หากองค์กรของคุณ (เช่น นายจ้างหรือโรงเรียน) เป็นผู้ดูแลและจัดการอุปกรณ์ Windows องค์กรดังกล่าวอาจใช้เครื่องมือการจัดการจากส่วนกลางที่ Microsoft หรือผู้ให้บริการอื่นๆ จัดหาให้ เพื่อเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลของคุณเพื่อควบคุมการตั้งค่าอุปกรณ์ (รวมถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว) นโยบายอุปกรณ์ การอัปเดตซอฟต์แวร์ การเก็บรวบรวมข้อมูลของเราหรือขององค์กร หรือคุณสมบัติอื่นๆ ของอุปกรณ์ นอกจากนี้ องค์กรของคุณสามารถใช้เครื่องมือการจัดการที่มาจาก Microsoft หรือผู้ให้บริการอื่นๆ เพื่อเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลจากอุปกรณ์นั้น รวมถึงข้อมูลการโต้ตอบ ข้อมูลการวินิจฉัย และเนื้อหาของการติดต่อสื่อสารและไฟล์
การตั้งค่า Windows ซึ่งเดิมเรียกว่าการตั้งค่าพีซี เป็นองค์ประกอบที่สําคัญของ Microsoft Windows ซึ่งมีส่วนติดต่อที่สะดวกสําหรับการปรับการกําหนดลักษณะของผู้ใช้ การกําหนดค่าระบบปฏิบัติการ และการจัดการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเพื่อให้คุณสามารถจัดการบัญชีผู้ใช้ ปรับการตั้งค่าเครือข่าย และปรับแต่งลักษณะต่างๆ ของ Windows Windows มีกลไกสําหรับแอปในการเข้าถึงความสามารถต่างๆ ของอุปกรณ์ เช่น กล้องของอุปกรณ์ไมโครโฟน ตําแหน่งที่ตั้ง ปฏิทิน รายชื่อผู้ติดต่อ ประวัติการโทร ข้อความ และอื่นๆ ในขณะที่ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ความสามารถแต่ละรายการมีหน้าการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของตนเองในการตั้งค่า Windows เพื่อให้คุณสามารถควบคุมได้ว่าแอปใดสามารถใช้แต่ละความสามารถได้ ต่อไปนี้คือคุณลักษณะสําคัญบางอย่างของการตั้งค่า:
- การปรับแต่ง: คุณสามารถปรับแต่งลักษณะต่างๆ ของ Windows รวมถึงลักษณะที่แสดง การตั้งค่าภาษา และตัวเลือกความเป็นส่วนตัว การตั้งค่า Windows จะใช้ไมโครโฟนของคุณเมื่อควบคุมระดับเสียง กล้องเมื่อใช้กล้องที่รวมเข้าและตําแหน่งที่ตั้งเพื่อเปลี่ยนความสว่างในเวลากลางคืนเพื่อช่วยให้คุณกําหนด Windows ของคุณเอง
- การจัดการอุปกรณ์ต่อพ่วง: ติดตั้งและจัดการอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น เครื่องพิมพ์ จอภาพ และไดรฟ์ภายนอก
- การกำหนดค่าเครือข่าย: ปรับการตั้งค่าเครือข่าย รวมถึง Wi-Fi, อีเทอร์เน็ต, การเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์และ VPN และจะใช้ที่อยู่ MAC ทางกายภาพ, IMEI และหมายเลขโทรศัพท์มือถือหากอุปกรณ์รองรับเครือข่ายโทรศัพท์
- การจัดการบัญชี: เพิ่มหรือเอาบัญชีผู้ใช้ออก เปลี่ยนการตั้งค่าบัญชี และจัดการตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้
- ตัวเลือกระดับระบบ: กําหนดค่าการตั้งค่าการแสดงผล การแจ้งเตือน ตัวเลือกการใช้พลังงาน จัดการรายการแอปที่ติดตั้ง และอื่นๆ
- การจัดการความเป็นส่วนตัว&และการรักษาความปลอดภัย: กําหนดค่าการกําหนดลักษณะความเป็นส่วนตัวของคุณ เช่น ตําแหน่งที่ตั้ง การรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัย เป็นต้น ปรับแต่งว่าแอปและบริการใดที่สามารถเข้าถึงความสามารถของอุปกรณ์ได้โดยการเปิดหรือปิด
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลใน Windows โปรดดูที่ สรุปการรวบรวมข้อมูลสำหรับ Windows คำชี้แจงนี้กล่าวถึง Windows 10 และ Windows 11 และการอ้างอิงถึง Windows ในหัวข้อนี้จะเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น Windows เวอร์ชันก่อนหน้า (รวมถึง Windows Vista, Windows 7, Windows 8 และ Windows 8.1) อยู่ภายใต้คำชี้แจงสิทธิ์ส่วนบุคคลของตนเอง
การเปิดใช้งาน
เมื่อคุณเปิดใช้งาน Windows ระบบจะกำหนดหมายเลขผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับอุปกรณ์ที่คุณติดตั้งซอฟต์แวร์ของคุณ หมายเลขผลิตภัณฑ์และข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ของคุณจะถูกส่งให้ กับไมโครซอฟท์ เพื่อช่วยให้คุณยืนยันสิทธิ์การใช้งานที่ถูกต้องของคุณสำหรับซอฟต์แวร์นั้น ข้อมูลนี้อาจถูกส่งไปอีกครั้ง หากจำเป็นต้องเปิดใช้งานใบอนุญาตให้ใช้งานของคุณใหม่ หรือตรวจสอบความถูกต้องของใบอนุญาตให้ใช้งานของคุณ ในโทรศัพท์ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows ระบบจะส่งข้อมูลตัวระบุอุปกรณ์และเครือข่าย รวมทั้ง ตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ ณ เวลาที่เปิดเครื่องอุปกรณ์เป็นครั้งแรกให้กับ Microsoft เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทะเบียนการรับประกัน การเติมสินค้าคงคลัง และการป้องกันการฉ้อฉล
ประวัติกิจกรรม
ประวัติกิจกรรมช่วยติดตามสิ่งต่างๆ ที่คุณทำบนอุปกรณ์ของคุณ เช่น แอปและบริการที่คุณใช้ ไฟล์ที่คุณเปิด และเว็บไซต์ที่คุณเรียกดู ประวัติกิจกรรมของคุณจะถูกสร้างขึ้นเมื่อใช้แอปและฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Microsoft Edge รุ่นดั้งเดิม บางแอปของ Microsoft Store และ Microsoft 365 Apps และจะถูกจัดเก็บไว้ภายในอุปกรณ์ของคุณ
คุณสามารถเปิดหรือปิดการตั้งค่าเพื่อจัดเก็บประวัติกิจกรรมไว้บนอุปกรณ์ของคุณได้ และคุณยังสามารถล้างข้อมูลประวัติกิจกรรมของอุปกรณ์ได้ทุกเมื่อโดยการไปที่ ความเป็นส่วนตัว > ประวัติกิจกรรม ในแอปการตั้งค่า Windows เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติกิจกรรมใน Windows
รหัสโฆษณา
Windows สร้างรหัสโฆษณาที่ไม่ซ้ำกันสำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์แต่ละราย ซึ่งผู้พัฒนาแอปและเครือข่ายการโฆษณาจะสามารถนำรหัสนี้ไปใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ของตน รวมถึงแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคุณในแอป เมื่อเปิดใช้งานรหัสโฆษณา ทั้งแอป Microsoft และแอปของบริษัทภายนอกจะสามารถเข้าถึงและใช้รหัสโฆษณาที่ค่อนข้างคล้ายกันมากกับที่เว็บไซต์ต่างๆ เข้าถึงและใช้รหัสเฉพาะที่จัดเก็บไว้ในคุกกี้ ดังนั้น รหัสโฆษณาของคุณสามารถใช้งานได้โดยนักพัฒนาแอป และเครือข่ายการโฆษณา เพื่อมอบการโฆษณาที่เกี่ยวข้อง และประสบการณ์การใช้งานที่ปรับให้เป็นส่วนตัวในแอปของผู้พัฒนาเหล่านั้นทุกแอปและบนเว็บ Microsoft เก็บรวบรวมรหัสโฆษณาสำหรับการใช้งานที่อธิบายไว้ที่นี่เฉพาะเมื่อคุณเลือกที่จะเปิดใช้งานรหัสโฆษณาที่เป็นส่วนหนึ่งของการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณ
การตั้งค่ารหัสโฆษณาจะใช้กับแอป Windows สำหรับทุกอุปกรณ์ที่ใช้ตัวระบุโฆษณาของ Windows คุณสามารถปิดการเข้าถึงตัวระบุนี้ได้ตลอดเวลาโดยการปิดรหัสโฆษณาในแอปการตั้งค่าของ Windows ถ้าคุณเลือกที่จะเปิดการเข้าถึงอีกครั้ง ระบบจะรีเซ็ตรหัสโฆษณาและจะสร้างตัวระบุใหม่ขึ้นมา เมื่อแอปของบุคคลที่สามเข้าถึงรหัสโฆษณา การใช้งานรหัสโฆษณาของแอปจะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปดังกล่าว เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรหัสโฆษณาใน Windows
การตั้งค่ารหัสโฆษณาจะไม่มีผลกับโฆษณาที่อิงตามความสนใจวิธีอื่นๆ ที่นำเสนอโดย Microsoft หรือของบริษัทภายนอก เช่น คุกกี้ที่ใช้เพื่อแสดงโฆษณาตามความสนใจบนเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายนอกที่เข้าถึงผ่านทางหรือติดตั้งบน Windows อาจยังนำเสนอโฆษณาที่อิงตามความสนใจรูปแบบอื่นๆ ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวของตน Microsoft นำเสนอโฆษณาที่อิงตามความสนใจรูปแบบอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์ของ Microsoft บางผลิตภัณฑ์ ทั้งโดยทางตรงและด้วยความร่วมมือกับผู้ให้บริการโฆษณาของบริษัทภายนอก สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่ Microsoft ใช้ข้อมูลสำหรับการโฆษณา โปรดดูที่ส่วน วิธีการที่เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ของนโยบายนี้
การวินิจฉัย
Microsoft จะรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยของ Windows เพื่อแก้ไขปัญหา และเพื่อทำให้ Windows มีความทันสมัยอยู่เสมอ ปลอดภัย และทำงานอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังช่วยให้เราปรับปรุง Windows และผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่อุปกรณ์กําลังทํางานอยู่ ข้อมูลการวินิจฉัยจะถูกรวบรวมและส่งไปยัง Microsoft เป็นระยะๆ และจัดเก็บพร้อมกับตัวระบุที่ไม่ซ้ํากันอย่างน้อยหนึ่งตัวที่สามารถช่วยให้เราจดจําผู้ใช้แต่ละรายบนอุปกรณ์แต่ละเครื่อง และทําความเข้าใจปัญหาบริการและรูปแบบการใช้งานของอุปกรณ์
ข้อมูลการวินิจฉัยและกิจกรรมมีสองระดับ ได้แก่ ข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้และข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม เอกสารประกอบผลิตภัณฑ์บางอย่างและเอกสารข้อมูลอื่นๆ จะอ้างถึงข้อมูลการวินิจฉัยที่จำเป็นว่าเป็นข้อมูลการวินิจฉัยพื้นฐานและข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมเป็นข้อมูลการวินิจฉัยแบบเต็ม
หากองค์กร (เช่น นายจ้างหรือโรงเรียนของคุณ) ใช้ Microsoft Entra ID เพื่อจัดการบัญชีที่องค์กรมีให้กับคุณ และลงทะเบียนอุปกรณ์ของคุณในการกําหนดค่าตัวประมวลผลข้อมูลการวินิจฉัย Windows การประมวลผลข้อมูลการวินิจฉัยของ Microsoft ที่เกี่ยวข้องกับ Windows จะถูกควบคุมโดยสัญญาระหว่าง Microsoft และองค์กร หากองค์กรใช้เครื่องมือการจัดการ Microsoft หรือมีส่วนร่วมกับ Microsoft เพื่อจัดการอุปกรณ์ของคุณ Microsoft และองค์กรดังกล่าวจะใช้ และประมวลผลข้อมูลการวินิจฉัยและข้อผิดพลาดจากอุปกรณ์ของคุณเพื่อให้มีการจัดการ ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาอุปกรณ์ของคุณที่มีการจัดการโดยองค์กร รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ขององค์กรด้วย
ข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้ ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ การตั้งค่าและความสามารถของอุปกรณ์ และอุปกรณ์ทํางานอย่างถูกต้องหรือไม่ เราเก็บรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยที่จำเป็นต่อไปนี้:
- ข้อมูลอุปกรณ์ การเชื่อมต่อ และการกำหนดค่า:
- ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เช่น ประเภทของหน่วยประมวลผลกลาง, ผู้ผลิต OEM, ประเภทของแบตเตอรี่และความจุ, จำนวนและประเภทของกล้อง, เฟิร์มแวร์ และลักษณะของหน่วยความจำ
- ความสามารถของเครือข่ายและการเชื่อมต่อข้อมูล เช่น ที่อยู่ IP เครือข่ายมือถือ (รวมถึง IMEI และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ) ของอุปกรณ์ และข้อมูลที่ระบุว่าอุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบชำระเงินหรือไม่เสียค่าใช้จ่าย
- ข้อมูลเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการและการกำหนดค่า เช่น เวอร์ชันระบบปฏิบัติการและหมายเลขรุ่น การตั้งค่าภูมิภาคและภาษา การตั้งค่าข้อมูลการวินิจฉัย และอุปกรณ์เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Windows Insider หรือไม่
- ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ได้รับการเชื่อมต่อ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับรุ่น ผู้ผลิต โปรแกรมควบคุม และความเข้ากันได้
- ข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ เช่น ชื่อ เวอร์ชัน และผู้เผยแพร่ของแอปพลิเคชัน
- ข้อมูลที่ระบุว่าอุปกรณ์พร้อมสำหรับการปอัปเดตหรือไม่ และข้อมูลที่ระบุว่ามีปัจจัยที่อาจกีดขวางไม่ให้อุปกรณ์ได้รับการอัปเดต เช่น แบตเตอรี่ต่ำ เนื้อที่ดิสก์จำกัด หรือการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแบบชำระเงิน
- ข้อมูลที่ระบุว่าการอัปเดตเสร็จสมบูรณ์หรือไม่
- ข้อมูลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของระบบการรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัย
- การรายงานข้อผิดพลาดพื้นฐาน ซึ่งเป็นข้อมูลสถานภาพเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันที่ทำงานบนอุปกรณ์ของคุณ ตัวอย่างเช่น การรายงานข้อผิดพลาดพื้นฐานจะบอกให้เราทราบว่าแอปพลิเคชัน เช่น Microsoft ระบายสี หรือเกมของบริษัทภายนอกค้างหรือหยุดการทำงาน
ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม ประกอบด้วยข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ รวมถึงการตั้งค่า ความสามารถ และสภาพการทำงานของอุปกรณ์ ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมอาจรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่คุณเรียกดู กิจกรรมของอุปกรณ์ (บางครั้งเรียกว่าการใช้งาน) และการรายงานข้อผิดพลาดขั้นสูงที่ช่วยให้ Microsoft แก้ไขและปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการสําหรับผู้ใช้ทั้งหมด เมื่อคุณเลือกที่จะส่งข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม ข้อมูลการวินิจฉัยที่จำเป็นจะมีการรวมไว้ด้วยเสมอ และเรารวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมต่อไปนี้:
- ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ การเชื่อมต่อ และการกำหนดค่าที่ไม่ได้รับการรวบรวมไว้ในข้อมูลการวินิจฉัยที่จำเป็น
- ข้อมูลสถานะและการบันทึกเกี่ยวกับสถานภาพของระบบปฏิบัติการกับส่วนประกอบต์อื่นๆ ของระบบ นอกเหนือจากข้อมูลเกี่ยวกับระบบการอัปเดตและการวินิจฉัยที่ได้รับการเก็บรวบรวมไว้ในข้อมูลการวินิจฉัยที่จำเป็น
- กิจกรรมของแอป เช่น มีการเปิดโปรแกรมใดบ้างบนอุปกรณ์ ทำงานเป็นระยะเวลาเท่าใด และตอบสนองต่อข้อมูลที่ป้อนเข้ามาได้รวดเร็วเพียงใด
- กิจกรรมเบราว์เซอร์ เช่น ประวัติการเรียกดูและคำค้นหาบนเบราว์เซอร์ของ Microsoft (Microsoft Edge หรือ Internet Explorer)
- การรายงานข้อผิดพลาดที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว รวมทั้งสถานะหน่วยความจำของอุปกรณ์เมื่อระบบหรือแอปหยุดทำงาน (ซึ่งอาจประกอบด้วยเนื้อหาของผู้ใช้ เช่นส่วนต่างๆ ของไฟล์ที่คุณกำลังใช้งานเมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจ)
ทั้งนี้ ระบบอาจไม่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างที่อธิบายไว้ข้างต้นจากอุปกรณ์ของคุณ แม้คุณจะเลือกส่งข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมก็ตาม Microsoft จะเก็บรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติมจากอุปกรณ์ทั้งหมดในปริมาณที่น้อยที่สุด ด้วยการรวบรวมข้อมูลบางส่วนจากกลุ่มย่อยของอุปกรณ์เท่านั้น (การสุ่มตัวอย่าง) เมื่อใช้เครื่องมือตัวแสดงข้อมูลการวินิจฉัย คุณจะเห็นไอคอนที่บอกว่าอุปกรณ์ของคุณเป็นส่วนหนึ่งของตัวอย่าง และบอกว่าข้อมูลไหนบ้างที่ถูกเก็บจากอุปกรณ์ คุณสามารถดูคำแนะนำสำหรับการดาวน์โหลดเครื่องมือตัวแสดงข้อมูลการวินิจฉัยได้ในแอปการตั้งค่าของ Windows ภายใต้ การวินิจฉัยและคำติชม &
ชนิดของข้อมูลที่การวินิจฉัยของ Windows เก็บรวบรวม อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ Microsoft มีความคล่องตัวในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ที่อธิบายไว้ข้างต้น ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการเปิดใช้งาน Microsoft เพื่อแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพล่าสุดที่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ หรืออัปเดตอุปกรณ์ Windows ที่เพิ่งออกสู่ตลาด Microsoft อาจจําเป็นต้องรวบรวมรายการข้อมูลที่ไม่ได้รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ สําหรับรายการปัจจุบันของประเภทข้อมูลที่รวบรวมไว้ใน ข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้ และ ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม โปรดดูที่ เหตุการณ์และเขตข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้ (ระดับพื้นฐาน) ของ Windows หรือ ข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม (ระดับเต็มรูปแบบ) ของ Windows นอกจากนี้ เรายังให้ข้อมูลการรายงานข้อผิดพลาดบางส่วนกับคู่ค้า (เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์) เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ทำงานร่วมกับ Windows รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft อีกด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อมูลนี้เพื่อซ่อมแซมหรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการดังกล่าวเท่านั้น นอกจากนี้ เรายังสามารถแบ่งปันข้อมูลการวินิจฉัยที่รวบรวมซึ่งลบเอกลักษณ์ออกแล้ว เช่น แนวโน้มการใช้งานทั่วไปของแอปสำหรับ Windows และฟีเจอร์ต่างๆ กับบุคคลที่สามที่เลือกได้ด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการวินิจฉัยใน Windows
การจดจำการใช้หมึกและการพิมพ์ คุณยังสามารถเลือกที่จะช่วย Microsoft ปรับปรุงการรู้จำการใช้หมึกและการพิมพ์ด้วยการส่งข้อมูลการวินิจฉัยการใช้หมึกและการพิมพ์ได้อีกด้วย ถ้าคุณเลือกที่จะทำเช่นนั้น Microsoft จะเก็บรวบรวมตัวอย่างเนื้อหาที่คุณพิมพ์หรือเขียนเพื่อปรับปรุงคุณลักษณะต่างๆ เช่น การรู้จำลายมือ การกรอกข้อมูลอัตโนมัติ การคาดเดาคำถัดไป และการแก้ไขการสะกดคำในหลายภาษาที่ใช้โดยลูกค้าของ Microsoft เมื่อ Microsoft เก็บรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยการใช้หมึกและการพิมพ์ ข้อมูลจะถูกแบ่งเป็นตัวอย่างข้อมูลย่อยๆ และได้รับการประมวลผลเพื่อลบตัวระบุเฉพาะ ข้อมูลการจัดลำดับ และข้อมูลอื่นๆ (เช่น อีเมลแอดเดรส และค่าตัวเลข) ซึ่งสามารถใช้ย้อนกลับไปสร้างเนื้อหาเดิมหรือเชื่อมโยงข้อมูลที่ป้อนเข้ามากับคุณได้ และยังประกอบด้วยข้อมูลการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เช่น การเปลี่ยนแปลงข้อความที่คุณดำเนินการด้วยตนเอง รวมทั้งคำต่างๆ ที่คุณเพิ่มลงในพจนานุกรม เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับปรุงการใช้หมึกและการพิมพ์ใน Windows
ข้อเสนอส่วนบุคคล
หากคุณเลือกเปิดใช้งานข้อเสนอส่วนบุคคล เราจะใช้ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณและวิธีที่คุณใช้อุปกรณ์ดังกล่าว รวมถึงข้อมูลการวินิจฉัย Windows ร่วมกับข้อมูลบัญชีของคุณและข้อมูลที่รวบรวมจากผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft เพื่อให้เคล็ดลับ โฆษณา และคำแนะนำส่วนบุคคลแก่คุณ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ Windows ของคุณ ข้อเสนอส่วนบุคคลจะรวมถึงการแนะนำวิธีกำหนดและปรับแต่ง Windows ตลอดจนโฆษณาและคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ ฟีเจอร์ แอป และฮาร์ดแวร์ทั้งของ Microsoft และบริษัทอื่นเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ Windows ของคุณ ตัวอย่างเช่น Windows อาจบอกคุณเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อช่วยให้คุณได้ประโยชน์สูงสุดจากอุปกรณ์ของคุณ หากคุณกำลังสตรีมดูภาพยนตร์ในเบราว์เซอร์อยู่ Windows อาจแนะนำแอปจาก Microsoft Store ที่สตรีมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือหากหน่วยความจำในฮาร์ดไดรฟ์ของคุณใกล้จะเต็ม Windows อาจแนะนำให้คุณลองใช้ OneDrive หรือซื้อฮาร์ดแวร์ที่ให้ที่เก็บข้อมูลเพิ่ม
เมื่อข้อเสนอส่วนบุคคลเปิดอยู่ Windows อาจใช้ข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้ของคุณเพื่อปรับแต่งข้อเสนอ ข้อมูลนี้อาจมีข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ การตั้งค่าและความสามารถของอุปกรณ์ และข้อมูลที่ทำให้ทราบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวกำลังทำงานอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ หากคุณตัดสินใจที่จะแบ่งปันข้อมูลการวินิจฉัยเพิ่มเติม ข้อมูลที่ใช้ในการปรับแต่งข้อเสนออาจมีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้แอปและฟีเจอร์ต่างๆ รวมทั้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานภาพของอุปกรณ์ของคุณ เราอาจใช้ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และกิจกรรมของคุณเพื่อปรับแต่งข้อเสนอในอุปกรณ์ของคุณแม้ว่าข้อมูลจะไม่ได้ถูกส่งออกจากอุปกรณ์ของคุณก็ตาม เราจะไม่ใช้เนื้อหาของบันทึกข้อมูลการหยุดทำงาน การพูด การพิมพ์ หรือข้อมูลอินพุทการใช้หมึกเพื่อปรับแต่งข้อเสนอ
นอกเหนือจากข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณและวิธีที่คุณใช้งาน รวมถึงข้อมูลการวินิจฉัย Windows แล้ว เราอาจใช้หรือรวมข้อมูลต่อไปนี้จากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft และบัญชีของคุณเข้ากับข้อมูลการวินิจฉัย Windows เพื่อปรับแต่งข้อเสนอ:
กิจกรรมทางเว็บ หากคุณให้สิทธิ์ Microsoft Edge ในการรวบรวมกิจกรรมทางเว็บของคุณเพื่อการค้นหา โฆษณา และข่าวสารแบบส่วนบุคคล
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft รวมถึงเว็บไซต์ Microsoft Bing, Microsoft 365, Xbox และ Microsoft เช่น MSN.com
การสมัครใช้งานและประวัติการซื้อ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัทอื่นที่อาจแชร์กับ Microsoft
เราอาจใช้ข้อมูลเกี่ยวกับการโต้ตอบของคุณกับเคล็ดลับ คำแนะนำ และโปรโมชันเพื่อจัดทำและปรับปรุงข้อเสนอส่วนบุคคลและข้อความที่คล้ายกันในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft
หากต้องการจัดการวิธีใช้ข้อมูลที่รวบรวมโดยผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft เพื่อปรับแต่งข้อเสนอ คุณสามารถไปที่หน้าโฆษณาและข้อเสนอแบบส่วนบุคคล ข้อมูลที่เราใช้เพื่อปรับแต่งข้อเสนออาจเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่หน้านี้จะมีรายการแหล่งข้อมูลล่าสุดเสมอเพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่า Microsoft จะใช้ข้อมูลของคุณอย่างไร ในบางภูมิภาค เช่น เขตเศรษฐกิจยุโรป การปิดข้อเสนอส่วนบุคคลใน Windows จะหยุดการใช้ข้อมูลจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft เพื่อปรับแต่งเคล็ดลับ โฆษณา และคำแนะนำใน Windows ด้วยเช่นกัน ในภูมิภาคอื่นๆ คุณสามารถจัดการวิธีใช้ข้อมูลที่รวบรวมโดยผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft เพื่อปรับแต่งข้อเสนอได้ โดยไปที่หน้าโฆษณาและข้อเสนอแบบส่วนบุคคล
ข้อมูลบริบทจากอุปกรณ์ของคุณและข้อมูลบัญชีพื้นฐานบางส่วนจะใช้เพื่อแสดงข้อความที่เหมาะสมใน Windows โดยไม่คำนึงว่าการตั้งค่าข้อเสนอส่วนบุคคลหรือการใช้ข้อมูลจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft เพื่อปรับแต่งข้อเสนอจะถูกปิดอยู่หรือไม่ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลนี้จะใช้เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาอยู่ในภาษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับกลุ่มอายุของคุณ
ข้อเสนอส่วนบุคคลจะนำไปใช้กับเคล็ดลับ ข้อเสนอ โฆษณา และคำแนะนำที่คุณเห็นใน Windows การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้จะไม่ส่งผลต่อข้อเสนอประเภทต่างๆ ที่คุณอาจเห็นในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ตลอดเวลาโดยการค้นหาข้อเสนอส่วนบุคคลในแอปการตั้งค่า Windows เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอส่วนบุคคล
ประสบการณ์การใช้งานที่ปรับให้เหมาะสม
ประสบการณ์การใช้งานที่ปรับให้เหมาะสมจะถูกแทนที่ด้วยข้อเสนอส่วนบุคคลใน Windows เวอร์ชันที่ใหม่กว่า หากคุณไม่ได้ติดตั้ง Windows Update เวอร์ชันล่าสุด คุณอาจยังเห็นประสบการณ์การใช้งานที่ปรับให้เหมาะสมบนอุปกรณ์ของคุณ
หากคุณเลือกที่จะเปิดใช้งาน ประสบการณ์ใช้งานที่ปรับแต่งให้เหมาะสม เราจะใช้ข้อมูลการวินิจฉัย Windows ของคุณ (ต้องใช้หรือเพิ่มเติมตามที่คุณได้เลือกไว้) เพื่อนำเสนอเคล็ดลับ โฆษณา และคำแนะนำที่ปรับให้เป็นแบบส่วนตัวเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน Microsoft ถ้าคุณเลือกตั้งค่าข้อมูลการวินิจฉัยของคุณเป็นแบบจำเป็น การตั้งค่าส่วนบุคคลจะอิงตามข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ การตั้งค่าและความสามารถของอุปกรณ์ และข้อมูลที่ทำให้ทราบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวกำลังทำงานอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ถ้าคุณเลือกเป็นแบบเพิ่มเติม การตั้งค่าส่วนบุคคลจะยึดตามข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการใช้แอปและฟีเจอร์ของคุณ รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานภาพของอุปกรณ์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เราไม่ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่คุณเรียกดู ข้อมูลการหยุดทำงาน ข้อมูลที่ป้อนเข้ามาด้วยการสั่งงานด้วยเสียง การพิมพ์ หรือการใช้หมึกสำหรับการตั้งค่าส่วนบุคคลเมื่อเราได้รับข้อมูลดังกล่าวจากลูกค้าที่เลือกการตั้งค่าเป็นแบบเพิ่มเติม ข้อมูลประสบการณ์การใช้งานที่ปรับให้เหมาะสมจะส่งให้กับ Microsoft และจัดเก็บด้วยตัวระบุเฉพาะอย่างน้อยหนึ่งตัวที่สามารถช่วยเราให้ทราบผู้ใช้แต่ละคนบนอุปกรณ์แต่ละอย่าง และเข้าใจปัญหาด้านการบริการและรูปแบบการใช้งานของอุปกรณ์ได้
ประสบการณ์การใช้งานที่ปรับให้เหมาะสมจะรวมถึงการแนะนำวิธีกำหนดและปรับแต่ง Windows ตลอดจนโฆษณาและคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ คุณลักษณะ แอป และฮาร์ดแวร์ทั้งของ Microsoft และบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์การใช้งาน Windows ของคุณ ตัวอย่างเช่น เพื่อช่วยให้คุณใช้งานอุปกรณ์ของตัวเองได้อย่างเต็มศักยภาพ เราอาจบอกคุณถึงคุณสมบัติที่คุณอาจยังไม่รู้จักหรือที่เพิ่งออกมาใหม่ หากคุณประสบปัญหากับอุปกรณ์ Windows เราก็อาจเสนอวิธีแก้ปัญหาให้คุณ คุณอาจได้รับข้อเสนอในการกำหนดภาพของหน้าจอเมื่อล็อก หรือได้เห็นภาพประเภทที่คุณชอบหรือไม่ชอบมากขึ้นหรือน้อยลงได้ หากคุณกำลังสตรีมดูภาพยนตร์ในเบราว์เซอร์อยู่ ก็อาจมีการแนะนำแอปจาก Microsoft Store ที่สตรีมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือหากหน่วยความจำในฮาร์ดไดรฟ์ของคุณใกล้จะเต็ม Windows อาจแนะนำให้คุณลองใช้ OneDrive หรือซื้อฮาร์ดแวร์ที่ให้พื้นที่เพิ่ม เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งานที่ปรับแต่งให้เหมาะสมใน Windows
ฮับคำติชม
ฮับคำติชมให้วิธีการรวบรวมคําติชมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Microsoft และแอปของบริษัทและแอปของบริษัทภายนอกที่ติดตั้ง เมื่อคุณใช้ฮับคำติชม ฮับคำติชมจะอ่านรายการแอปที่ติดตั้งเป็นระยะๆ เพื่อกําหนดแอปที่สามารถส่งคําติชมได้ ฮับคำติชมจะกําหนดแอปที่ติดตั้งในอุปกรณ์ของคุณผ่าน API สาธารณะ นอกจากนี้ สําหรับ HoloLens ฮับคำติชมใช้กล้องและไมโครโฟนของคุณเมื่อคุณเลือกที่จะแชร์สภาพแวดล้อมและการป้อนข้อมูลด้วยเสียง นอกจากนี้ ยังใช้รูปภาพและไลบรารีเอกสารเพื่อเข้าถึงสกรีนช็อตและการบันทึกหน้าจอที่คุณแนบเพื่อส่งเป็นส่วนหนึ่งของคําติชม
คุณเข้าสู่ระบบฮับคำติชมได้โดยใช้บัญชี Microsoft ส่วนบุคคลหรือบัญชีที่องค์กรของคุณมีให้ (เช่นนายจ้างหรือโรงเรียน) ที่คุณใช้เข้าสู่ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ก็ได้ การเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีของที่ทำงานหรือโรงเรียนช่วยให้คุณสามารถส่งคำติชมไปยัง Microsoft ร่วมกับองค์กรของคุณได้ คำติชมใดๆ ที่คุณที่คุณส่ง ไม่ว่าจะด้วยบัญชีผู้ใช้ของที่ทำงานหรือที่โรงเรียนของคุณหรือ บัญชี Microsoft ส่วนบุคคลของคุณอาจสามารถมองเห็นได้แบบสาธารณะโดยขึ้นอยู่กับการตั้งค่าที่กำหนดโดยผู้ดูแลระบบขององค์กรของคุณ นอกจากนี้ ถ้ามีการให้คําติชมโดยใช้บัญชีที่ทํางานหรือโรงเรียนของคุณ ผู้ดูแลระบบขององค์กรของคุณจะสามารถดูคําติชมของคุณได้ผ่านฮับคำติชมหรือผ่านศูนย์การจัดการ
เมื่อคุณส่งคำติชมถึง Microsoft เกี่ยวกับปัญหาหรือเพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติมให้กับปัญหา ข้อมูลการวินิจฉัยจะถูกส่งไปยัง Microsoft เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ฮับคำติชมจะส่งข้อมูลการวินิจฉัยโดยอัตโนมัติหรือคุณจะมีตัวเลือกในการส่งไปยัง Microsoft ในเวลาที่คุณให้คำติชม โดยขึ้นอยู่กับการตั้งค่าข้อมูลการวินิจฉัยของคุณในส่วน การวินิจฉัย & คำติชม ของการตั้งค่า Windows จากหมวดหมู่ที่เลือกเมื่อส่งคำติชม อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาต่อไป ตัวอย่างเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อส่งคำติชมเกี่ยวกับบริการตำแหน่งที่ตั้ง หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการมองเมื่อส่งคำติชมเกี่ยวกับความเป็นจริงแบบผสม ไมโครซอฟท์อาจแชร์คำติชมของคุณพร้อมกับข้อมูลที่รวบรวมไว้เมื่อคุณส่งคำติชมของคุณกับคู่ค้าของ Microsoft (เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์หรือนักพัฒนาเฟิร์มแวร์) เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ทำงานกับ Windows และผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการวินิจฉัยใน Windows
รับความช่วยเหลือ
รับความช่วยเหลือช่วยให้ผู้ใช้ Windows ได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคเกี่ยวกับ Windows และแอปพลิเคชันอื่นๆ ของ Microsoft โดยให้การสนับสนุนแบบบริการตนเอง (เช่น ลิงก์ไปยังบทความความช่วยเหลือหรือคําแนะนําเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ใช้ Windows สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง) การวินิจฉัย และการเชื่อมต่อลูกค้ากับเจ้าหน้าที่ของ Microsoft แบบสดตามความเหมาะสม คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้องค์ประกอบรับความช่วยเหลือด้วยบัญชี Microsoft ของคุณเพื่อสร้างกรณีการสนับสนุนลูกค้าได้ ผู้ใช้บัญชีองค์กรยังอาจได้รับอนุญาตให้สร้างกรณีการสนับสนุนลูกค้าโดยขึ้นอยู่กับสัญญาการสนับสนุนขององค์กร และมีการเปิดใช้งานโดยผู้ดูแลระบบผู้เช่าของตนหรือไม่
รับความช่วยเหลืออาจแนะนําให้คุณเรียกใช้การวินิจฉัย หากคุณยินยอม ข้อมูลการวินิจฉัยจะได้รับการจัดการตามส่วน การวินิจฉัย
หากการตั้งค่าระบบอนุญาต ไมโครโฟนของระบบอาจใช้เพื่อบันทึกคําถามการสนับสนุนแทนที่จะพิมพ์ คุณสามารถควบคุมได้ในการตั้งค่า “ความเป็นส่วนตัวของไมโครโฟน” ในแอปพลิเคชันการตั้งค่า Windows รับความช่วยเหลือจะเข้าถึงรายการแอปพลิเคชันของคุณเพื่อช่วยในการเปิดฮับคำติชมไปยังแอปที่ถูกต้อง หากคุณเลือกที่จะเริ่มกระบวนการคําติชมภายในรับความช่วยเหลือ ฮับคําติชมจะป้อนและควบคุมคำติชมทั้งหมด ตามที่อธิบายไว้ในส่วนฮับคำติชมของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ รับความช่วยเหลือไม่ได้ใช้ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของคุณเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของบริการ
คำบรรยายสด
คำบรรยายสดจะถอดเสียงเพื่อช่วยในการเข้าใจเนื้อหาที่พูด คำบรรยายสดสามารถสร้างคำบรรยายได้จากเสียงที่มีเสียงพูด ไม่ว่าจะเสียงออนไลน์ เสียงที่คุณดาวน์โหลดลงในอุปกรณ์ หรือเสียงที่ได้รับจากไมโครโฟนของคุณ โดยการถอดเสียงด้วยไมโครโฟนจะถูกปิดใช้งานไว้ตามค่าเริ่มต้น
ข้อมูลเสียงที่มีคำบรรยายจะได้รับการประมวลผลบนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น และจะไม่ถูกแชร์ไปยังระบบคลาวด์หรือส่งให้กับ Microsoft เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำอธิบายภาพสด
บริการตําแหน่งที่ตั้งและการบันทึก
บริการตำแหน่งที่ตั้งของ Windows Microsoft ให้บริการระบุตำแหน่งที่ตั้งที่ช่วยกำหนดตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่แม่นยำของอุปกรณ์ Windows ที่ระบุ ทั้งนี้ ความแม่นยำในการระบุตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ของคุณจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความสามารถของอุปกรณ์ ซึ่งในบางกรณีก็อาจสามารถระบุได้อย่างเที่ยงตรงด้วยเช่นกัน เมื่อเปิดใช้บริการระบุตำแหน่งที่ตั้งบนอุปกรณ์ Windows หรือคุณได้ให้สิทธิ์สำหรับแอปของ Microsoft เพื่อเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งบนอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของ Windows ทาง Microsoft จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเสาสัญญาณมือถือ และจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi และตำแหน่งที่ตั้งและเพิ่มลงในฐานข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งหลังจากเอาข้อมูลต่างๆ ที่ระบุตัวบุคคลหรืออุปกรณ์ออกจากข้อมูลที่เก็บรวบรวมแล้ว ข้อมูลตําแหน่งที่ตั้งที่ลบการระบุตัวตนนี้จะใช้เพื่อปรับปรุงบริการตําแหน่งที่ตั้งของ Microsoft
บริการและฟีเจอร์ของ Windows, แอปที่ทำงานบน Windows และเว็บไซต์ที่เปิดในเบราว์เซอร์ของ Windows สามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ผ่าน Windows หากการตั้งค่าของคุณอนุญาตให้ทำเช่นนั้น ฟีเจอร์และแอปบางอย่างจะขอสิทธิ์ในการใช้ตำแหน่งที่ตั้งเมื่อคุณติดตั้ง Windows เป็นครั้งแรก และบางแอปจะถามคุณเมื่อใช้แอปเป็นครั้งแรก และแอปอื่นๆ จะถามคุณทุกครั้งที่เข้าใช้บริการระบุตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ สําหรับข้อมูลเกี่ยวกับแอปสําหรับ Windows บางแอปที่ใช้ตําแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ โปรดดูที่ส่วน แอป Windows ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
เมื่อแอปหรือฟีเจอร์เข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์และคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft อุปกรณ์ Windows ของคุณจะอัปโหลดตำแหน่งที่ตั้งไปยังระบบคลาวด์ที่มีอยู่บนอุปกรณ์ไปยังแอปหรือบริการต่างๆ ที่ใช้บัญชี Microsoft ของคุณที่คุณได้รับสิทธิ์ เราจะเก็บเฉพาะตำแหน่งที่ตั้งที่รู้จักล่าสุดเท่านั้น (ตำแหน่งที่ตั้งใหม่จะแทนที่ตำแหน่งที่ตั้งก่อนหน้านี้) นอกจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติตำแหน่งที่ตั้งล่าสุดของอุปกรณ์ Windows จะเก็บอยู่ในอุปกรณ์ดังกล่าวด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ใช้บัญชี Microsoft และบางแอปและบางฟีเจอร์ของ Windows สามารถเข้าถึงประวัติตำแหน่งที่ตั้งนี้ได้ คุณสามารถลบประวัติตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ของคุณได้ทุกเมื่อในแอปการตั้งค่าของ Windows
ในแอปการตั้งค่าของ Windows คุณยังสามารถดูได้ว่าแอปใดมีสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอนของอุปกรณ์หรือประวัติตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ของคุณ สามารถปิดหรือเปิดการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์สำหรับบางแอป หรือปิดการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้งเริ่มต้น ซึ่งจะถูกใช้เมื่อบริการระบุตำแหน่งไม่สามารถตรวจจับตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอนบนอุปกรณ์ของคุณได้
การระบุตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์มีข้อยกเว้นบางประการที่ไม่ได้รับการจัดการโดยการตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้งโดยตรง
แอปเดสก์ท็อปเป็นแอปชนิดหนึ่งที่จะไม่ขออนุญาตค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์จากคุณแยกต่างหาก และจะไม่ปรากฏในรายการที่ให้คุณสามารถเลือกแอปที่สามารถใช้ตำแหน่งที่ตั้งของคุณได้ สามารถดาวน์โหลดได้จาก Microsoft Store ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต หรือติดตั้งมากับสื่อบางชนิด (เช่น ซีดี ดีวีดี หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูล USB) ซึ่งเปิดใช้งานโดยใช้ไฟล์ .EXE, .MSI หรือ .DLL และโดยปกติจะทำงานบนอุปกรณ์ของคุณ มากกว่าจะเป็นแอปบนเว็บ (ซึ่งทำงานบนระบบคลาวด์) เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปเดสก์ท็อปของบริษัทภายนอกและวิธีการที่แอปสามารถกำหนดตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ได้ในกรณีที่การตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ถูกปิดอยู่
ประสบการณ์ใช้งานบนเว็บหรือแอปของบริษัทอื่นที่เผยแพร่บน Windows อาจใช้เทคโนโลยีอื่นๆ (เช่น Bluetooth, Wi-Fi, โมเด็มเครือข่ายโทรศัพท์ เป็นต้น) หรือบริการตำแหน่งที่ตั้งบนระบบคลาวด์ เพื่อระบุตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์คุณที่มีระดับความแม่นยำแตกต่างกันไป แม้ว่าคุณจะปิดการตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์แล้วก็ตาม
นอกจากนี้ เมื่อใดก็ตามที่คุณโทรฉุกเฉิน Windows จะพยายามระบุและแบ่งปันตำแหน่งที่ตั้งที่แม่นยำของคุณโดยไม่คำนึงถึงการตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้ง เพื่อให้ง่ายต่อการรับความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน หากอุปกรณ์ของคุณมี SIM หรือใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของคุณจะสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ได้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งใน Windows
ตำแหน่งที่ตั้งทั่วไป ถ้าคุณเปิดใช้บริการตำแหน่งที่ตั้ง แอปที่ไม่สามารถใช้งานตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอนของคุณอาจยังสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งทั่วไปของคุณได้ เช่น เมือง รหัสไปรษณีย์ หรือภูมิภาคของคุณ
ค้นหาอุปกรณ์ของฉัน ฟีเจอร์ค้นหาอุปกรณ์ของฉันช่วยให้ผู้ดูแลระบบของอุปกรณ์ Windows สามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์นั้นได้จาก account.microsoft.com/devices การเปิดใช้ฟีเจอร์ค้นหาอุปกรณ์ของฉัน ผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft และเปิดใช้การตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้ง ฟีเจอร์นี้จะยังคงทำงานอยู่แม้ว่าผู้ใช้อื่นๆ จะปฏิเสธการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งสำหรับแอปของตนทั้งหมดแล้วก็ตาม เมื่อผู้ดูแลระบบพยายามที่จะระบุตำแหน่งอุปกรณ์ ผู้ใช้จะเห็นการแจ้งเตือนในพื้นที่แจ้งให้ทราบ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ค้นหาอุปกรณ์ของฉันใน Windows
การบันทึก อุปกรณ์ Windows บางรุ่นมีฟีเจอร์การบันทึก ที่ช่วยให้คุณสามารถบันทึกคลิปเสียงและวิดีโอของกิจกรรมที่คุณทำบนอุปกรณ์เครื่องนั้นได้้ รวมทั้งการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ถ้าคุณเลือกที่จะบันทึกเซสชัน ไฟล์บันทึกจะถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องของคุณ ในบางกรณี คุณอาจมีตัวเลือกในการส่งต่อการบันทึกไปยังผลิตภัณฑ์ หรือบริการของ Microsoft ที่กระจายการบันทึกสู่สาธารณะ ข้อสำคัญ: คุณควรรับทราบถึงความรับผิดชอบทางกฎหมายของคุณก่อนที่จะบันทึกและ/หรือส่งต่อการติดต่อสื่อสารใดๆ ซึ่งอาจรวมถึงการขอความยินยอมล่วงหน้าจากทุกคนที่เข้าร่วมในการสนทนาหรือหน่วยงานอื่นๆ ตามความจำเป็น Microsoft จะไม่รับผิดชอบใดๆ สำหรับวิธีการที่คุณใช้ฟีเจอร์การบันทึกหรือการบันทึกของคุณ
ผู้บรรยาย
โปรแกรมผู้บรรยายเป็นเครื่องมืออ่านหน้าจอในตัวที่ช่วยให้คุณใช้ Windows ได้โดยไม่ต้องมีหน้าจอ ผู้บรรยายเสนอรูปภาพแบบอัจฉริยะและคำอธิบายชื่อเพจและสรุปข้อมูลเว็บเพจเมื่อคุณพบรูปภาพที่อธิบายไม่ได้และลิงก์ที่ไม่ชัดเจน
เมื่อคุณเลือกดูคำอธิบายรูปภาพโดยการกด ผู้บรรยาย + Ctrl + D รูปภาพจะถูกส่งไปที่ Microsoft เพื่อทำการวิเคราะห์รูปภาพและจัดทำคำอธิบาย รูปภาพใช้เพื่อจัดทำคำอธิบายเท่านั้นและไม่ได้จัดเก็บไว้โดย Microsoft
เมื่อคุณเลือกดูคำอธิบายชื่อเพจโดยกด ผู้บรรยาย + Ctrl + D, URL ของเว็บไซต์ที่คุณกำลังเยี่ยมชมจะถูกส่งไปที่ Microsoft เพื่อจัดทำคำอธิบายชื่อเพจและเพื่อให้บริการและปรับปรุงบริการของ Microsoft เช่น บริการ Bing ตามที่อธิบายไว้ในส่วน Bing ด้านบน
เมื่อคุณเลือกดูรายการของลิงก์ที่ได้รับความนิยมของเว็บเพจโดยกด ผู้บรรยาย + การกด S สองครั้ง URL ของเว็บไซต์ที่คุณกำลังเยี่ยมชมจะถูกส่งไปที่ Microsoft เพื่อจัดทำสรุปข้อมูลของลิงก์ที่ได้รับความนิยมและเพื่อให้บริการและปรับปรุงบริการของ Microsoft เช่น บริการ Bing
คุณสามารถปิดใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้ได้ทุกเมื่อโดยการไปที่ โปรแกรมผู้บรรยาย> รับคำอธิบายภาพ ชื่อหน้า และลิงก์ยอดนิยม ในการตั้งค่าใน Windows
นอกจากนี้คุณยังสามารถส่งคำติชมเกี่ยวกับผู้บรรยายเพื่อช่วย Microsoft วินิจฉัยและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้บรรยายและปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft เช่น Windows คุณสามารถส่งเสียงพูดคำติชมในผู้บรรยายได้ตลอดเวลาโดยใช้แป้นผู้บรรยาย + Alt + F เมื่อคุณใช้คำสั่งนี้ แอป ฮับคำติชม จะเปิดขึ้นเพื่อให้คุณมีโอกาสส่งเสียงพูดคำติชม หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่า “ช่วยให้ผู้บรรยายทำงานได้ดีขึ้น” ในแอปการตั้งค่าของ Windows และส่งเสียงคำติชมผ่านทางฮับคำติชม ข้อมูลอุปกรณ์และการใช้งานล่าสุด รวมถึงข้อมูลรายการบันทึกการติดตามเหตุการณ์ (ETL) จะมีการส่งไปพร้อมกับเสียงพูดคำติชมของคุณเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของ Microsoft เช่น Windows เป็นต้น
ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ - ลิงก์ไปยัง Windows
ฟีเจอร์ลิงก์โทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมโยงโทรศัพท์ Android ของคุณกับบัญชี Microsoft และ iPhone ของคุณผ่าน Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับพีซี Windows ของคุณ อุปกรณ์ Android ของคุณจะเชื่อมโยงกับบัญชี Microsoft ของคุณ และ iPhone ของคุณจะลิงก์ผ่าน Bluetooth ซึ่งทําให้สามารถใช้งานข้ามอุปกรณ์ได้หลากหลายบนอุปกรณ์ Windows ทั้งหมดที่คุณลงชื่อเข้าใช้หรือเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth คุณสามารถใช้ลิงก์โทรศัพท์เพื่อดูรูปถ่ายล่าสุดจากโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณ โทรออกและรับสายสดจากโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณ ดูและส่งข้อความตัวอักษรจากอุปกรณ์ Windows ของคุณ ดู ปิด หรือดําเนินการอื่นๆ กับการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ Android ของคุณจากอุปกรณ์ Windows ของคุณ แชร์หน้าจอโทรศัพท์ของคุณบนอุปกรณ์ Windows ผ่านฟังก์ชันมิเรอร์ของลิงก์โทรศัพท์ และเข้าถึงแอป Android ที่ติดตั้งบนโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ทันที คุณสามารถใช้ลิงก์โทรศัพท์เพื่อโทรออกและรับสายจาก iPhone ของคุณ ดูและส่งข้อความ และดู ยกเลิก หรือดําเนินการอื่นๆ บนการแจ้งเตือน iPhone ของคุณจากอุปกรณ์ Windows ของคุณ
เมื่อต้องการใช้ลิงก์โทรศัพท์ คุณต้องติดตั้งบริการลิงก์ไปยัง Windows บนอุปกรณ์ Android ของคุณ นอกจากนี้ คุณอาจเลือกดาวน์โหลดลิงก์โทรศัพท์ไปยัง iPhone ของคุณ
เมื่อต้องการใช้ลิงก์โทรศัพท์ คุณต้องเข้าสู่ระบบบัญชี Microsoft ของคุณบนอุปกรณ์ Windows และบนบริการลิงก์ไปยัง Windows บนโทรศัพท์ Android หรือเปิดใช้งาน Bluetooth บน iPhone ของคุณ โทรศัพท์ Android และอุปกรณ์ Windows ของคุณต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ฟีเจอร์บางอย่างจะต้องให้คุณเปิดใช้งาน Bluetooth และจับคู่โทรศัพท์กับพีซีของคุณ เมื่อต้องการใช้ฟีเจอร์การโทร โทรศัพท์ Android ของคุณต้องเปิดใช้งาน Bluetooth ด้วย
ระหว่างการตั้งค่าอุปกรณ์ Windows ของคุณ คุณสามารถเลือกที่จะเชื่อมโยงโทรศัพท์กับบัญชี Microsoft ของคุณได้ ซึ่งทําได้โดยการลงชื่อเข้าใช้ลิงก์ไปยัง Windows ในโทรศัพท์ Android ของคุณ ให้สิทธิ์และดําเนินการประสบการณ์การออนบอร์ดให้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อเสร็จสมบูรณ์ บริการลิงก์ไปยัง Windows จะซิงค์ข้อมูลของคุณกับพีซี Windows ทั้งหมดที่คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Microsoft ของคุณ ดูด้านล่างสําหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการใช้ข้อมูลของคุณ
Microsoft จะเก็บรวบรวมข้อมูลประสิทธิภาพ การใช้งาน และอุปกรณ์ที่มี ตัวอย่างเช่น ความสามารถของฮาร์ดแวร์ของโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ Windows ของคุณ หมายเลขและระยะเวลาของเซสชันของคุณในลิงก์ไปยังโทรศัพท์ และระยะเวลาที่คุณใช้ในระหว่างการตั้งค่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการมอบฟีเจอร์ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ให้กับคุณ
คุณสามารถยกเลิกการลิงก์โทรศัพท์ Android ของคุณจากอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ตลอดเวลาโดยไปที่การตั้งค่าลิงก์โทรศัพท์ของคุณ แล้วเลือกที่จะลบโทรศัพท์ Android ของคุณออก คุณสามารถทําเช่นเดียวกันจากการตั้งค่าใน บริการลิงก์ไปยัง Windows บนโทรศัพท์ Android ของคุณ สำหรับข้อมูลโดยละเอียด โปรดดูที่ หน้าการสนับสนุนของเรา
คุณสามารถยกเลิกการเชื่อมโยง iPhone ของคุณจากอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ตลอดเวลาโดยไปที่การตั้งค่าลิงก์โทรศัพท์ และเลือกที่จะลบ iPhone ของคุณออก คุณสามารถทำแบบเดียวกันจาก iPhone ของคุณได้โดยการไปที่ การตั้งค่า > Bluetooth > เลือกชื่อพีซีของคุณ > คลิกที่ไอคอน (i) > และเลือก ลืมอุปกรณ์นี้ ผู้ใช้ทั้งหมดสามารถลบการจับคู่ Bluetooth ออกได้โดยการปิดใช้งานประสบการณ์การใช้งาน
ข้อความตัวอักษร – อุปกรณ์ Android ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถดูข้อความตัวอักษรที่ส่งไปยังโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณ และส่งข้อความตัวอักษรจากอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ เฉพาะข้อความที่ได้รับและส่งภายใน 30 วันที่ผ่านมาเท่านั้นจึงจะมองเห็นได้บนอุปกรณ์ Windows ของคุณ ข้อความเหล่านี้มีการจัดเก็บไว้บนอุปกรณ์ Windows ของคุณเป็นการชั่วคราว เราไม่เก็บข้อความของคุณไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของเรา หรือเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อความใดๆ บนโทรศัพท์ Android คุณสามารถดูข้อความที่ส่งผ่าน SMS (บริการข้อความสั้นๆ), MMS (บริการส่งข้อความมัลติมีเดีย) บนอุปกรณ์ Android และข้อความที่ส่งผ่าน RCS (Rich Communication Services) บนอุปกรณ์ Samsung บางรุ่นบนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือบางเครือข่าย เพื่อให้ฟังก์ชันการทํางานนี้ ลิงก์ไปยังโทรศัพท์จะเข้าถึงเนื้อหาของข้อความตัวอักษรของคุณและข้อมูลที่ติดต่อของบุคคลหรือธุรกิจที่คุณได้รับหรือส่งข้อความ
ข้อความตัวอักษร – iPhone ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถดูข้อความตัวอักษรที่ส่งไปยัง iPhone บนอุปกรณ์ Windows ของคุณ และส่งข้อความตัวอักษรจากอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ เฉพาะข้อความที่ได้รับและส่งภายในเซสชัน Bluetooth หรือ iMessage ของคุณเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้บนอุปกรณ์ Windows ของคุณ ข้อความเหล่านี้มีการจัดเก็บไว้บนอุปกรณ์ Windows ของคุณเป็นการชั่วคราว เราไม่เก็บข้อความของคุณบนเซิร์ฟเวอร์ของเรา หรือเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อความใดๆ บน iPhone ของคุณ คุณสามารถดูข้อความที่ส่งผ่าน SMS (บริการข้อความสั้น) เพื่อให้ฟังก์ชันการทํางานนี้ ลิงก์ไปยังโทรศัพท์จะเข้าถึงเนื้อหาของข้อความตัวอักษรของคุณและข้อมูลที่ติดต่อของบุคคลหรือธุรกิจที่คุณได้รับหรือส่งข้อความ
การโทร – อุปกรณ์ Android ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถโทรออกและรับสายจากโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ คุณสามารถดูการโทรล่าสุดในอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ผ่านลิงก์ไปยังโทรศัพท์ เมื่อต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ คุณต้องเปิดใช้งานสิทธิ์บางอย่างบนอุปกรณ์ Windows และโทรศัพท์ Android ของคุณ เช่น การเข้าถึงบันทึกการโทรและสิทธิ์การโทรออกจากพีซีของคุณ สิทธิ์เหล่านี้สามารถเพิกถอนได้ตลอดเวลาภายใต้หน้าการตั้งค่าลิงก์ไปยังโทรศัพท์ในอุปกรณ์ Windows และการตั้งค่าของโทรศัพท์ Android ของคุณ เฉพาะการโทรที่ได้รับและโทรออกภายใน 30 วันที่ผ่านมาเท่านั้นจึงจะมองเห็นได้ในบันทึกการโทรบนอุปกรณ์ Windows ของคุณ รายละเอียดการโทรเหล่านี้มีการจัดเก็บไว้บนอุปกรณ์ Windows ของคุณเป็นการชั่วคราว เราจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือลบประวัติการโทรบนโทรศัพท์ Android ของคุณ
การโทร – iPhone ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถโทรออกและรับสายจากโทรศัพท์ iPhone บนอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ คุณสามารถดูการโทรล่าสุดในอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ผ่านลิงก์ไปยังโทรศัพท์ เมื่อต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ คุณต้องเปิดใช้งานฟีเจอร์ซิงค์รายชื่อผู้ติดต่อภายใต้การตั้งค่า Bluetooth บน iPhone ของคุณ รายละเอียดการโทรเหล่านี้มีการจัดเก็บไว้บนอุปกรณ์ Windows ของคุณเป็นการชั่วคราว เราจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือลบประวัติการโทรของคุณบน iPhone ของคุณ
รูปถ่าย – อุปกรณ์ Android ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถคัดลอก แบ่งปัน แก้ไข บันทึก หรือลบรูปถ่ายจากโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ เฉพาะรูปถ่ายล่าสุดจำนวนจำกัดจากโฟลเดอร์ม้วนฟิล์มและสกรีนช็อตบนโทรศัพท์ Android ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏอยู่บนอุปกรณ์ Windows ของคุณในเวลาที่กำหนด รูปถ่ายเหล่านี้จะถูกเก็บไว้บนอุปกรณ์ Windows ของคุณเป็นการชั่วคราว และขณะที่คุณถ่ายรูปเพิ่มเติมบนโทรศัพท์ Android เราจะลบสำเนาชั่วคราวของรูปถ่ายที่เก่ากว่าออกจากอุปกรณ์ Windows ของคุณ เราไม่เก็บรูปถ่ายของคุณไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของเรา หรือเปลี่ยนแปลงหรือลบรูปถ่ายใดๆ บนโทรศัพท์ Android
การแจ้งเตือน – อุปกรณ์ Android ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถดูการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ คุณสามารถอ่านและปิดการแจ้งเตือนในโทรศัพท์ Android ของคุณจากอุปกรณ์ Windows หรือดําเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนผ่านลิงก์ไปยังโทรศัพท์ได้ เมื่อต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์ลิงก์ไปยังโทรศัพท์นี้ คุณต้องเปิดใช้งานสิทธิ์บางอย่าง เช่น การแจ้งเตือนการซิงค์ ทั้งในอุปกรณ์ Windows และโทรศัพท์ Android ของคุณ สิทธิ์เหล่านี้สามารถเพิกถอนได้ตลอดเวลาภายใต้หน้าการตั้งค่าลิงก์ไปยังโทรศัพท์ในอุปกรณ์ Windows และการตั้งค่าโทรศัพท์ Android ของคุณ สำหรับข้อมูลโดยละเอียด โปรดดูที่ หน้าการสนับสนุนของเรา
การแจ้งเตือน – iPhone ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถดูการแจ้งเตือนของ iPhone บนอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ คุณสามารถอ่านและปิดการแจ้งเตือนของ iPhone ของคุณจากอุปกรณ์ Windows หรือดําเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนผ่านลิงก์โทรศัพท์ เมื่อต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์ลิงก์โทรศัพท์นี้ คุณต้องเปิดใช้งานสิทธิ์บางอย่าง เช่น การแจ้งเตือนการซิงค์ ทั้งบนอุปกรณ์ Windows และ iPhone ของคุณ สิทธิ์เหล่านี้สามารถเพิกถอนได้ตลอดเวลาภายใต้หน้าการตั้งค่าลิงก์โทรศัพท์บนอุปกรณ์ Windows และการตั้งค่า Bluetooth ของ iPhone ของคุณ
การมิเรอร์หน้าจอโทรศัพท์ – อุปกรณ์ Android บนอุปกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุน ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถดูหน้าจอโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ หน้าจอโทรศัพท์ Android ของคุณจะปรากฏในอุปกรณ์ Windows ของคุณเป็นสตรีมพิกเซลและเสียงใดๆ ที่คุณเปิดใช้งานบนหน้าจอโทรศัพท์ Android ของคุณในขณะที่ลิงก์กับอุปกรณ์ Windows ของคุณผ่านลิงก์ไปยังโทรศัพท์จะเล่นผ่านโทรศัพท์ Android ของคุณ
การมิเรอร์แอป – อุปกรณ์ Android บนอุปกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุน ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถใช้แอป Android ที่ติดตั้งบนโทรศัพท์ Android บนอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเปิดใช้แอปเพลงในเซสชัน Windows ของคุณ และฟังเสียงจากแอปดังกล่าวในลำโพงพีซีของคุณได้ Microsoft รวบรวมรายการแอป Android ที่ติดตั้งและกิจกรรมล่าสุดของคุณเพื่อให้บริการและแสดงแอปที่คุณใช้ล่าสุด Microsoft จะไม่จัดเก็บแอปที่คุณได้ติดตั้งหรือข้อมูลใดๆ ที่แสดงโดยแอปในประสบการณ์ใช้งานของคุณ
การถ่ายโอนเนื้อหา – อุปกรณ์ Android บนอุปกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุน ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถคัดลอกและวางเนื้อหา เช่น ไฟล์ เอกสาร รูปถ่าย เป็นต้น ระหว่างโทรศัพท์ Android และอุปกรณ์ Windows ของคุณได้ คุณสามารถถ่ายโอนเนื้อหาจากโทรศัพท์ Android ไปยังอุปกรณ์ Windows และจากอุปกรณ์ Windows ไปยังโทรศัพท์ Android ของคุณโดยการลากและวางเนื้อหาระหว่างอุปกรณ์
Instant Hotspot – อุปกรณ์ Android ในอุปกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุน ลิงก์ไปยัง Windows ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ข้อมูลฮอตสปอตจากมือถือกับพีซีที่จับคู่ผ่านการสื่อสาร Bluetooth ที่ปลอดภัย จากนั้น พีซีของคุณสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านแถบลอยเครือข่าย Windows ได้ โปรดทราบว่าอาจมีค่าธรรมเนียมข้อมูลมือถือ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนบริการข้อมูลมือถือที่คุณมี
การซิงค์รายชื่อผู้ติดต่อ – อุปกรณ์ Android ลิงก์ไปยัง Windows ช่วยให้คุณสามารถซิงค์รายชื่อผู้ติดต่อ Android ของคุณไปยังระบบคลาวด์ของ Microsoft เพื่อเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ในผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Microsoft คุณสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้โดยการไปที่การตั้งค่าลิงก์ไปยัง Windows และเปิดใช้งานฟีเจอร์ “การซิงค์รายชื่อผู้ติดต่อ” ข้อมูลที่ติดต่อของคุณจะถูกจัดเก็บแบบออนไลน์และเชื่อมโยงกับบัญชี Microsoft ของคุณ คุณสามารถเลือกที่จะปิดใช้งานการซิงค์และลบรายชื่อผู้ติดต่อเหล่านี้ได้ตลอดเวลา เรียนรู้เพิ่มเติม
การซิงค์รายชื่อผู้ติดต่อ – iPhone ลิงก์ไปยังโทรศัพท์ช่วยให้คุณสามารถซิงค์รายชื่อผู้ติดต่อของคุณจาก iPhone ของคุณเพื่อเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวสําหรับการส่งข้อความและการโทรได้ คุณสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยไปที่การตั้งค่า Bluetooth บน iPhone ของคุณ และสลับไปที่ ซิงค์รายชื่อผู้ติดต่อ ภายใต้ชื่อพีซีของคุณหลังจากเชื่อมต่อ iPhone ของคุณกับลิงก์โทรศัพท์ คุณสามารถเลือกที่จะปิดใช้งานการซิงค์ได้ตลอดเวลาโดยการสลับปิดซิงค์รายชื่อผู้ติดต่อ
การแปลงข้อความเป็นเสียง ฟีเจอร์ลิงก์ไปยังโทรศัพท์มีฟังก์ชันการช่วยสําหรับการเข้าถึง เช่น การแปลงข้อความเป็นเสียง คุณสามารถเรียกใช้ฟีเจอร์แปลงข้อความเป็นเสียง ซึ่งช่วยให้คุณได้ยินเนื้อหาของข้อความหรือการแจ้งเตือนเป็นเสียง หากคุณเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ข้อความและการแจ้งเตือนของคุณจะสามารถอ่านออกมาดังๆ ขณะที่ได้รับ
Office Enterprise – อุปกรณ์ Android ลิงก์ไปยัง Windows ช่วยให้คุณสามารถแทรกรูปถ่ายลงในแอป Microsoft 365 เวอร์ชันบนเว็บและเดสก์ท็อป เช่น PowerPoint, Excel และ Word ได้โดยตรงจากโทรศัพท์มือถือของคุณ ซึ่งกําหนดให้ผู้ดูแลระบบ IT ของคุณเปิดใช้งานประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อสําหรับเลือกเพิ่มเติมสําหรับแอปพลิเคชัน Microsoft Office และคุณจะต้องเชื่อมโยงอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณกับบัญชีที่ทํางานหรือโรงเรียนของคุณ และให้สิทธิ์รูปถ่ายกับบัญชีของคุณ หลังจากการออนบอร์ด เซสชันของคุณจะใช้เวลา 15 นาทีเพื่อให้คุณสามารถถ่ายโอนรูปถ่ายจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณได้ เมื่อต้องการใช้ฟีเจอร์นี้อีกครั้ง คุณจะต้องสแกนคิวอาร์โค้ดของคุณ ลิงก์ไปยัง Windows จะไม่รวบรวมข้อมูลบัญชีที่ทํางานหรือโรงเรียนหรือข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรของคุณ เพื่อให้บริการนี้ Microsoft ใช้บริการระบบคลาวด์เพื่อรีเลย์ไฟล์ของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ในการแทรกรูปถ่ายลงในเวอร์ชันเว็บและเดสก์ท็อปของแอป Microsoft 365 ที่เลือก เช่น ไฟล์ PowerPoint, Excel และ Word
ประสบการณ์ใช้ข้ามอุปกรณ์
ประสบการณ์การใช้งานข้ามอุปกรณ์ใน Windows ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณจากพีซีของคุณโดยใช้บัญชี Microsoft ของคุณ คุณสามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ภายใต้ “อุปกรณ์เคลื่อนที่” ในส่วน Bluetooth &และอุปกรณ์ในการตั้งค่าพีซี Windows ของคุณ ในฐานะส่วนหนึ่งของการให้บริการคุณลักษณะเหล่านี้ Microsoft จะเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานประสิทธิภาพการทํางานและข้อมูลอุปกรณ์ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์เคลื่อนที่และอุปกรณ์ Windows ของคุณ คุณสามารถเปิดหรือปิดคุณลักษณะนี้ได้ตลอดเวลาในการตั้งค่าพีซี Windows ของคุณ
ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณเป็นกล้องที่เชื่อมต่อ คุณลักษณะนี้ช่วยให้คุณสามารถใช้กล้องของอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณในแอปหรือผลิตภัณฑ์บน Windows ที่รองรับฟังก์ชันการทํางานของกล้องได้ คุณสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ภายใต้ “อุปกรณ์เคลื่อนที่” ในส่วน Bluetooth &และอุปกรณ์ในการตั้งค่าบนพีซีของคุณ Microsoft จะไม่บันทึกหรือจัดเก็บเซสชันกล้องของคุณหรือข้อมูลใดๆ ที่แสดงโดยกล้องของคุณในแอปพลิเคชันหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ
รับการแจ้งเตือนรูปถ่ายใหม่จากอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ คุณลักษณะนี้ช่วยให้คุณสามารถรับการแจ้งเตือนจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เชื่อมโยงบนพีซี Windows ของคุณ รูปถ่ายเหล่านี้จะถูกจัดเก็บไว้ชั่วคราวบนพีซี Windows ของคุณในขณะที่คุณกําลังแก้ไขหรือเปิดรูปถ่ายเหล่านั้น คุณจะต้องเริ่มบันทึกลงในพีซีของคุณเพื่อจัดเก็บรูปถ่ายเหล่านั้นจนกว่าคุณจะตัดสินใจที่จะลบรูปถ่ายเหล่านั้น เราไม่เก็บรูปถ่ายของคุณบนเซิร์ฟเวอร์ของเรา หรือเปลี่ยนแปลงหรือลบรูปถ่ายใดๆ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ
แสดงอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณใน File Explorer คุณลักษณะนี้ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงไฟล์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณได้ใน File Explorer คุณสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ภายใต้ “อุปกรณ์เคลื่อนที่” ในส่วน Bluetooth &และอุปกรณ์ในการตั้งค่าบนพีซีของคุณ Microsoft จะไม่จัดเก็บเนื้อหาไฟล์ของคุณไว้ในบริการของตน
คุณสมบัติด้านความปลอดภัย
การเข้ารหัสลับอุปกรณ์ การเข้ารหัสลับอุปกรณ์ช่วยในการป้องกันข้อมูลที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณโดยการเข้ารหัสลับอุปกรณ์ด้วยการใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสลับไดรฟ์ BitLocker เมื่อเปิดการเข้ารหัสลับอุปกรณ์ Windows จะเข้ารหัสลับไดรฟ์ที่ติดตั้งบน Windows โดยอัตโนมัติและสร้างคีย์การกู้คืน คีย์การกู้คืน BitLocker สำหรับอุปกรณ์ส่วนบุคคลของคุณจะได้รับการสำรองออนไลน์ในบัญชี Microsoft OneDrive ส่วนบุคคลของคุณ ไมโครซอฟท์ไม่ใช้คีย์การกู้คืนส่วนตัวขอบคุณ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากนี้
เครื่องมือลบซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย เครื่องมือลบซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย (MSRT) ทำงานบนอุปกรณ์ของคุณอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อเดือนโดยเป็นส่วนหนึ่งของ Windows Update MSRT ตรวจสอบอุปกรณ์ว่ามีการติดไวรัสจากจากซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายและพบเห็นได้โดยทั่วไป ("มัลแวร์") หรือไม่ และช่วยขจัดการติดไวรัสใดๆ ที่พบ เมื่อ MSRT ทำงาน MSRT จะลบมัลแวร์ที่มีรายชื่ออยู่บนเว็บไซต์ฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft ถ้ามัลแวร์นั้นอยู่ในอุปกรณ์ของคุณ ในระหว่างการตรวจสอบมัลแวร์ จะมีการส่งรายงานไปให้ Microsoft พร้อมกับข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับมัลแวร์ที่ตรวจพบ ข้อผิดพลาด และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ ถ้าคุณไม่ต้องการให้ MSRT ส่งข้อมูลไปให้ไมโครซอฟท์ คุณสามารถปิดใช้งานคอมโพเนนต์การรายงานของ MSRT ได้
ครอบครัว Microsoft ผู้ปกครองสามารถใช้ Microsoft Family Safety เพื่อทำความเข้าใจและกำหนดขอบเขตว่าลูกของตนใช้อุปกรณ์ของพวกเขาอย่างไร โปรดตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่ Microsoft Family Safety หากเลือกที่จะสร้างหรือเข้าร่วมกลุ่มครอบครัว หากคุณอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่จำเป็นต้องมีสิทธิ์ในการสร้างบัญชีเพื่อเข้าถึงบริการของ Microsoft คุณอาจได้รับแจ้งให้ขอหรือส่งมอบคำยินยอมจากผู้ปกครอง ถ้าผู้ใช้มีอายุตํ่ากว่าขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดในภูมิภาคของคุณ ในระหว่างขั้นตอนการลงทะเบียน พวกเขาจะได้รับแจ้งให้ขอคำยินยอมจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองโดยการป้อนอีเมลของผู้ใหญ่ เมื่อเปิดการรายงานกิจกรรมของ Family สำหรับลูกแล้ว Microsoft จะเก็บรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีที่ลูกใช้อุปกรณ์ของพวกเขาและให้รายงานกิจกรรมของลูกกับผู้ปกครอง รายงานกิจกรรมจะถูกลบออกจากเซิร์ฟเวอร์ Microsoft เป็นประจํา
Microsoft Defender Smartscreen และการควบคุมแอปแบบอัจฉริยะ Microsoft มุ่งมั่นที่จะช่วยปกป้องอุปกรณ์และรหัสผ่านของคุณจากแอป ไฟล์ และเนื้อหาเว็บที่ไม่ปลอดภัย
Microsoft Defender SmartScreen ช่วยปกป้องคุณระหว่างที่ใช้บริการของเราโดยระบุภัยคุกคามต่อคุณ อุปกรณ์ของคุณ และรหัสผ่านของคุณ ภัยคุกคามเหล่านี้อาจรวมถึงแอปหรือเนื้อหาเว็บที่อาจไม่ปลอดภัยที่ Microsoft Defender SmartScreen ตรวจพบขณะตรวจสอบเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม ไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด และแอปที่คุณติดตั้งและเรียกใช้ เมื่อ Microsoft Defender SmartScreen ตรวจสอบเนื้อหาเว็บและแอป ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาและอุปกรณ์ของคุณนั้นจะถูกส่งไปให้ Microsoft รวมทั้งที่อยู่เว็บแบบเต็มของเนื้อหานั้น เมื่อจำเป็นต้องทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อระบุภัยคุกคามด้านความปลอดภัย ข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์หรือแอปที่น่าสงสัย เช่น เนื้อหาที่แสดง เสียงที่เล่น และหน่วยความจำของแอปพลิเคชัน อาจถูกส่งไปยัง Microsoft ข้อมูลนี้จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัยในการตรวจสอบ ป้องกัน และตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย การโจรกรรมข้อมูลประจำตัว การฉ้อโกง หรือกิจกรรมที่เป็นอันตราย หลอกลวง หรือผิดกฎหมายอื่นๆ หาก Microsoft Defender SmartScreen ตรวจพบว่าเนื้อหานั้นอาจไม่ปลอดภัย คุณจะเห็นคำเตือนแทนเนื้อหานั้น สามารถเปิดหรือปิดใช้ Microsoft Defender SmartScreen ได้ในแอปความปลอดภัยของ Windows
การควบคุมแอปแบบอัจฉริยะจะช่วยตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งและเรียกใช้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อระบุว่าเป็นอันตราย อาจไม่พึงประสงค์ หรือก่อให้เกิดภัยคุกคามอื่นๆ กับคุณและอุปกรณ์ของคุณหรือไม่ หากระบบรองรับการควบคุมแอปแบบอัจฉริยะ การควบคุมแอปแบบอัจฉริยะจะเริ่มต้นในโหมดการประเมินบนอุปกรณ์ที่รองรับ และข้อมูลที่เรารวบรวมสำหรับ Microsoft Defender SmartScreen เช่น ชื่อไฟล์ แฮชของเนื้อหาไฟล์ ตำแหน่งที่ตั้งของการดาวน์โหลด และใบรับรองดิจิทัลของไฟล์ จะนำมาใช้เพื่อช่วยระบุว่าอุปกรณ์ของคุณเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะใช้การควบคุมแอปแบบอัจฉริยะสำหรับการป้องกันความปลอดภัยเพิ่มเติมหรือไม่ การควบคุมแอปแบบอัจฉริยะไม่ได้เปิดใช้งานและจะไม่บล็อกระหว่างโหมดการประเมิน อุปกรณ์บางอย่างอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี หากการควบคุมแอปแบบอัจฉริยะเข้ามาแทรกแซงตรวจสอบงานที่ตั้งใจและถูกต้องตามกฎหมายของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น นักพัฒนาที่ใช้ไฟล์ที่ไม่มีลายเซ็นจำนวนมาก หากอุปกรณ์ของคุณเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการควบคุมแอปแบบอัจฉริยะ ระบบจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และจะให้การป้องกันเพิ่มเติมกับอุปกรณ์ของคุณนอกเหนือจาก Microsoft Defender SmartScreen หากไม่ การควบคุมแอปแบบอัจฉริยะจะใช้งานไม่ได้และปิดถาวร หากอุปกรณ์ของคุณไม่รองรับหรือไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการควบคุมแอปแบบอัจฉริยะ Microsoft Defender SmartScreen จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณต่อไป เมื่อเปิดใช้งานการควบคุมแอปแบบอัจฉริยะและระบุว่าแอปเป็นอันตราย อาจไม่พึงประสงค์ หรือไม่รู้จักและไม่มีลายเซ็น การควบคุมแอปแบบอัจฉริยะจะบล็อกและแจ้งให้คุณทราบก่อนที่จะเปิด เรียกใช้ หรือติดตั้งแอป เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการควบคุมแอปแบบอัจฉริยะ
เมื่อ Microsoft Defender SmartScreen หรือการควบคุมแอปแบบอัจฉริยะตรวจสอบไฟล์ ข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์นั้นจะถูกส่งไปให้ Microsoft รวมทั้งชื่อไฟล์ แฮชของเนื้อหาไฟล์นั้น ตำแหน่งที่ตั้งของการดาวน์โหลด และใบรับรองดิจิทัลของไฟล์นั้น
สามารถเปิดหรือปิดใช้การควบคุมแอปแบบอัจฉริยะได้ในแอปความปลอดภัยของ Windows
โปรแกรมป้องกันไวรัสของ Microsoft Defender โปรแกรมป้องกันไวรัสของ Microsoft Defender จะค้นหามัลแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ แอปที่อาจไม่พึงประสงค์ และเนื้อหาที่เป็นอันตรายอื่นๆ บนอุปกรณ์ของคุณ โปรแกรมป้องกันไวรัสของ Microsoft Defender จะเปิดโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณ หากไม่มีซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์อื่นๆ ที่กำลังทำงานเพื่อปกป้องอุปกรณ์ของคุณ ถ้าโปรแกรมป้องกันไวรัสของ Microsoft Defender เปิดอยู่ โปรแกรมนี้จะติดตามสถานะความปลอดภัยของอุปกรณ์ของคุณ เมื่อโปรแกรมป้องกันไวรัสของ Microsoft Defender เปิดอยู่หรือกำลังทำงานเนื่องจากมีการเปิดใช้งานการสแกนตามระยะเวลาที่จำกัด โปรแกรมจะส่งรายงานไปยัง Microsoft ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับมัลแวร์ที่น่าสงสัยและซอฟต์แวร์ที่ไม่ต้องการ แอปที่อาจจะไม่ต้องการ และเนื้อหาที่เป็นอันตรายอื่นๆ และอาจส่งไฟล์ที่อาจมีเนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์หรือไฟล์ที่ไม่รู้จักเพื่อการตรวจสอบอย่างละเอียดเพิ่มเติม หากรายงานมีแนวโน้มว่าจะมีข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ รายงานนั้นจะไม่ถูกส่งไปโดยอัตโนมัติ และคุณจะได้รับแจ้งก่อนที่จะส่งรายงาน คุณสามารถกำหนดค่าโปรแกรมป้องกันไวรัสของ Microsoft Defender ไม่ให้ส่งรายงานและมัลแวร์ที่สงสัยไปยัง Microsoft ได้
การสั่งงานด้วยเสียง การเปิดใช้งานด้วยเสียง การใช้หมึก และการพิมพ์
การสั่งงานด้วยเสียง Microsoft มีฟีเจอร์การรู้จำเสียงทั้งแบบติดตั้งในอุปกรณ์และเทคโนโลยีการรู้จําเสียงบนระบบคลาวด์ (ออนไลน์)
การเปิดการตั้งค่าการรู้จําเสียงออนไลน์ช่วยให้แอปใช้การรู้จําเสียงบนระบบคลาวด์ของ Microsoft ได้ นอกจากนี้ ใน Windows 10 การตั้งค่าการรู้จำเสียงออนไลน์ยังช่วยให้คุณสามารถใช้การเขียนตามคำบอกภายใน Windows ได้อีกด้วย
การเปิดการสั่งงานด้วยเสียงขณะมีการตั้งค่าอุปกรณ์ HoloLens หรือติดตั้ง Windows Mixed Reality ช่วยให้คุณสามารถใช้เสียงของคุณสำหรับคำสั่ง การเขียนตามคำบอก และการโต้ตอบของแอป การตั้งค่าการรู้จำเสียงบนอุปกรณ์และการรู้จำเสียงออนไลน์จะมีการเปิดใช้งาน เมื่อการตั้งค่าทั้งคู่เปิดใช้งาน หูฟังของคุณที่เปิดอยู่บนอุปกรณ์ตลอดเวลาจะฟังการป้อนข้อมูลด้วยเสียงของคุณและจะส่งข้อมูลเสียงของคุณไปยังเทคโลโนยีการรู้จำเสียงบนระบบ Cloud ของ Microsoft
เมื่อคุณใช้เทคโนโลยีการรู้จําเสียงบนระบบคลาวด์จาก Microsoft ไม่ว่าจะเปิดใช้งานโดยการตั้งค่าการรู้จําเสียงออนไลน์หรือเมื่อคุณโต้ตอบกับ HoloLens หรือการพิมพ์ด้วยเสียง Microsoft จะเก็บรวบรวมและใช้การบันทึกเสียงของคุณเพื่อให้บริการการรู้จําเสียงโดยการสร้างการถอดข้อความของคําที่พูดในข้อมูลเสียง Microsoft จะไม่จัดเก็บ สุ่มตัวอย่าง หรือฟังการบันทึกเสียงของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่ Microsoft จัดการข้อมูลเสียงของคุณ โปรดดู เทคโนโลยีการรู้จำเสียง
คุณสามารถใช้การรู้จำเสียงบนอุปกรณ์โดยไม่ต้องส่งข้อมูลเสียงของคุณไปยัง Microsoft อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการรู้จำเสียงบนระบบคลาวด์ของ Microsoft นั้นจะให้การรู้จำที่แม่นยำกว่าการรู้จำเสียงบนอุปกรณ์ เมื่อปิดการตั้งค่าการรู้จําเสียงออนไลน์ บริการสั่งงานด้วยเสียงที่ไม่พึ่งพาระบบคลาวด์และใช้การรู้จํา—บนอุปกรณ์เท่านั้น เช่น คําอธิบายภาพสด ผู้บรรยาย หรือการเข้าถึง—ด้วยเสียงจะยังคงทํางานและ Microsoft จะไม่รวบรวมข้อมูลเสียงใดๆ
คุณสามารถปิดการรู้จำเสียงแบบออนไลน์ได้ตลอดเวลา การดําเนินการนี้จะหยุดแอปใดๆ ที่ใช้การตั้งค่าการรู้จําเสียงออนไลน์ไม่ให้ส่งข้อมูลเสียงของคุณไปยัง Microsoft ถ้าคุณกำลังใช้ HoloLens หรือชุดหูฟัง Windows Mixed Reality คุณยังสามารถปิดการรู้จำเสียงบนอุปกรณ์ได้ตลอดเวลา วิธีนี้จะหยุดอุปกรณ์ไม่ให้ฟังการป้อนข้อมูลด้วยเสียงของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรู้จำเสียงใน Windows
การเปิดใช้งานด้วยเสียง Windows มีแอปที่สนับสนุนความสามารถในการตอบสนองและการดำเนินตามเสียงคำสำคัญที่ระบุเฉพาะเจาะจงสำหรับแอปดังกล่าว
หากคุณให้สิทธิ์กับแอปในการฟังเสียงคำสำคัญ Windows จะสามารถฟังไมโครโฟนสำหรับคำสำคัญเหล่านี้ เมื่อมีการรับรู้คำสำคัญ แอปจะสามารถเข้าถึงการบันทึกเสียงของคุณ สามารถประมวลผลการบันทึก ดำเนินการ และตอบกลับ เช่น ด้วยคำตอบที่เป็นเสียงพูด แอปอาจส่งการบันทึกเสียงไปยังบริการของตนเองในระบบคลาวด์เพื่อดำเนินการกับคำสั่ง แต่ละแอปควรขออนุญาตจากคุณก่อนที่จะเข้าถึงการบันทึกเสียงได้
นอกจากนี้ การเปิดใช้งานด้วยเสียงสามารถเปิดใช้งานได้เมื่ออุปกรณ์ล็อกอยู่ หากเปิดใช้งาน แอปที่เกี่ยวข้องจะยังคงฟังไมโครโฟนสำหรับเสียงคำสำคัญเสียงเมื่อคุณล็อกอุปกรณ์ของคุณไว้ได้ และสามารถเปิดใช้งานสำหรับทุกคนที่พูดอยู่ใกล้กับอุปกรณ์ เมื่ออุปกรณ์ถูกล็อก แอปจะสามารถเข้าถึงความสามารถและข้อมูลเดียวกันกับเมื่ออุปกรณ์ถูกปลดล็อก
คุณสามารถปิดการเปิดใช้งานด้วยเสียงได้ตลอดเวลา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดใช้งานด้วยเสียงใน Windows
แม้เมื่อคุณปิดการเปิดใช้งานด้วยเสียง เดสก์ท็อปแอปของบริษัทภายนอกและบริการบางอย่างอาจยังคงสามารถฟังไมโครโฟนและเก็บรวบรวมการป้อนข้อมูลด้วยเสียงของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปเดสก์ท็อปของบริษัทภายนอกและวิธีการที่แอปยังคงสามารถเข้าถึงไมโครโฟนของคุณได้แม้ว่าการตั้งค่าเหล่านี้จะปิดอยู่ก็ตาม
การพิมพ์ด้วยเสียง ใน Windows 11 การเขียนตามคําบอกได้รับการอัปเดตและเปลี่ยนชื่อเป็นการพิมพ์ด้วยเสียง การพิมพ์ด้วยเสียงอาจใช้ทั้งเทคโนโลยีการรู้จำเสียงบนอุปกรณ์และแบบออนไลน์เพื่อขับเคลื่อนบริการถอดคำพูดเป็นข้อความ คุณยังสามารถเลือกที่จะส่งคลิปเสียงเพื่อช่วยปรับปรุงการพิมพ์ด้วยเสียงได้อีกด้วย ถ้าคุณเลือกที่จะไม่ส่งคลิปเสียง คุณก็ยังสามารถใช้การพิมพ์ด้วยเสียงได้ คุณสามารถเปลี่ยนตัวเลือกของคุณได้ทุกเมื่อในการตั้งค่าการพิมพ์ด้วยเสียง Microsoft จะไม่จัดเก็บ สุ่มตัวอย่าง หรือฟังการบันทึกเสียงของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Microsoft และข้อมูลเสียงของคุณ
การเข้าถึงด้วยเสียง Windows ช่วยให้ทุกคน รวมถึงผู้ทุพพลภาพด้านการเคลื่อนไหว สามารถควบคุมพีซีและเขียนข้อความได้โดยใช้เสียงของตน ตัวอย่างเช่น การเข้าถึงด้วยเสียงช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การเปิดและการสลับไปมาระหว่างแอป การเรียกดูเว็บ และการอ่านและการเขียนจดหมาย การเข้าถึงด้วยเสียงใช้ประโยชน์จากการรู้จำเสียงบนอุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อจดจำเสียงพูดได้อย่างถูกต้องและใช้งานได้โดยไม่ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เมื่อผู้ใช้เรียกใช้การเข้าถึงด้วยเสียง จะใช้ไมโครโฟนของอุปกรณ์ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าถึงด้วยเสียง
การตั้งค่าส่วนบุคคลสำหรับการใช้หมึก&และการพิมพ์ จะมีการรวบรวมคำที่คุณพิมพ์และเขียนด้วยลายมือเพื่อให้รายการคำแบบกำหนดเอง การรู้จำอักขระที่ดีขึ้นที่จะช่วยคุณในการพิมพ์และเขียนบนอุปกรณ์ อีกทั้งยังมีการแนะนำข้อความแก่คุณในขณะที่คุณพิมพ์หรือเขียนด้วย
คุณสามารถปิดการตั้งค่าส่วนบุคคลสำหรับการใช้หมึก&และการพิมพ์ได้ทุกเมื่อ การดำเนินการนี้จะลบรายการคำของลูกค้าที่จัดเก็บไว้บนอุปกรณ์ของคุณ ถ้าคุณเปิดอีกครั้ง คุณจะต้องสร้างรายการคำแบบกำหนดเองของคุณใหม่ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าส่วนบุคคลสำหรับการใช้หมึก&และการพิมพ์ใน Windows
การตั้งค่าการซิงค์และการสํารองข้อมูล
เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ Windows ด้วยบัญชี Microsoft Windows สามารถจัดเก็บการตั้งค่า ไฟล์ และข้อมูลการกำหนดค่าอุปกรณ์ของคุณไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft Windows จะใช้เฉพาะการตั้งค่าไฟล์และข้อมูลการกําหนดค่าอุปกรณ์ที่จัดเก็บไว้เพื่อให้สามารถโยกย้ายประสบการณ์การใช้งานของคุณไปบนอุปกรณ์อื่นได้ง่ายขึ้น
คุณสามารถปิดคุณลักษณะนี้และหยุด Windows ไม่ให้จัดเก็บการตั้งค่า ไฟล์ และข้อมูลการกําหนดค่าของคุณจากการตั้งค่า Windows คุณสามารถลบข้อมูลที่ได้รับการสำรองข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้ในบัญชี Microsoft ของคุณได้โดยการไปที่ หน้าอุปกรณ์บัญชี Microsoft ของคุณ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าการสํารองข้อมูลและการซิงค์ของ Windows
บริการการอัปเดต
บริการการอัปเดตสำหรับ Windows ประกอบด้วย Windows Update และ Microsoft Update Windows Update เป็นบริการที่จัดหาการอัปเดตซอฟต์แวร์ สำหรับซอฟต์แวร์ของ Windows และซอฟต์แวร์การสนับสนุนอื่นๆ ให้กับคุณ เช่น โปรแกรมควบคุมและเฟิร์มแวร์ที่ผู้ผลิตอุปกรณ์จัดมาให้ Microsoft Update เป็นบริการที่จัดหาการอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับซอฟต์แวร์อื่นๆ ของ Microsoft ให้กับคุณ เช่น Microsoft 365
Windows Update จะดาวน์โหลดการอัปเดตซอฟต์แวร์ของ Windows ลงในอุปกรณ์ของคุณโดยอัตโนมัติ คุณสามารถกำหนดค่า Windows Update ให้ติดตั้งการอัปเดตเหล่านี้โดยอัตโนมัติได้ เมื่อมีการอัปเดตที่พร้อมใช้งานแล้ว (แนะนำให้ใช้) หรือกำหนดค่าให้ Windows แจ้งเตือนคุณ เมื่อคุณต้องรีสตาร์ตเครื่อง เพื่อติดตั้งการอัปเดตให้เสร็จสมบูรณ์ แอปที่พร้อมใช้งานใน Microsoft Store จะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติผ่านทาง Microsoft Store ตามที่อธิบายไว้ในส่วน Microsoft Store ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
เว็บเบราว์เซอร์—Microsoft Edge ดั้งเดิม และ Internet Explorer
หัวข้อนี้นำมาใช้กับเวอร์ชันดั้งเดิมของ Microsoft Edge (เวอร์ชัน 44 และต่ำกว่า) โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับ Microsoft Edge ที่ไม่ใช่เวอร์ชันดั้งเดิมได้ที่ส่วน Microsoft Edge ของนโยบายความเป็นส่วนตัว
Microsoft Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์เริ่มต้นสำหรับ Windows Internet Explorer ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ดั้งเดิมจาก Microsoft ยังคงมีอยู่ใน Windows เมื่อใดก็ตามที่คุณใช้เว็บเบราว์เซอร์เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ระบบจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ ("ข้อมูลอุปกรณ์มาตรฐาน") ไปยังเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมและบริการออนไลน์ที่คุณใช้ ข้อมูลอุปกรณ์มาตรฐานประกอบด้วยที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ของคุณ ชนิดของเบราว์เซอร์และภาษา เวลาในการเข้าถึง และที่อยู่ของเว็บไซต์ที่อ้างอิง อาจเข้าสู่ระบบข้อมูลนี้ได้ในเว็บเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์เหล่านั้น ข้อมูลใดที่ถูกบันทึกและวิธีการใช้ข้อมูลนั้นขึ้นอยู่กับวิธีปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมและบริการเว็บที่คุณใช้ นอกจากนี้ Microsoft Edge จะส่งรหัสเบราเซอร์ที่ไม่ซ้ำกันไปยังบางเว็บไซต์เพื่อช่วยให้เราสามารถพัฒนาข้อมูลที่รวบรวมที่ใช้เพื่อปรับปรุงฟีเจอร์และบริการต่างๆ ของเบราเซอร์
ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้เบราว์เซอร์ของคุณ เช่น ประวัติการเรียกดูของคุณ ข้อมูลแบบฟอร์มบนเว็บ ไฟล์อินเทอร์เน็ตชั่วคราวและคุกกี้จะถูกจัดเก็บในอุปกรณ์ของคุณ คุณสามารถลบข้อมูลนี้จากอุปกรณ์ของคุณโดยใช้การลบประวัติการเรียกดู
Microsoft Edge ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บและบันทึกเนื้อหาในอุปกรณ์ของคุณได้ เช่น:
- Web Note ให้คุณสามารถสร้างคำอธิบายประกอบที่เป็นหมึกและคำอธิบายประกอบข้อความในหน้าเว็บที่คุณเยี่ยมชม และตัดปะ บันทึกหรือแบ่งปันคำอธิบายประกอบเหล่านั้น
- การอ่านเชิงรุก ให้คุณสามารถสร้างและจัดการรายการการอ่าน รวมทั้งเว็บไซต์หรือเอกสาร
- ฮับ ให้คุณสามารถจัดการรายการที่จะอ่าน รายการโปรด ดาวน์โหลด และประวัติของคุณทั้งหมดในพื้นที่เดียวได้อย่างง่ายดาย
- การปักหมุดเว็บไซต์ไปยังแถบงาน ทำให้คุณปักหมุดเว็บไซต์ที่คุณชื่นชอบไปยังแถบงานของ Windows ได้ เว็บไซต์จะสามารถดูได้ว่าเว็บเพจใดบ้างที่คุณปักหมุดไว้ เพื่อที่ทางเว็บไซต์จะได้ส่งการแจ้งเตือนแบบตัวบอกสถานะเพื่อแจ้งให้คุณทราบว่ามีสิ่งใหม่ๆ ให้คุณดูบนเว็บไซต์
ข้อมูลเบราว์เซอร์ Microsoft บางอย่างที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ของคุณจะถูกซิงค์กับอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณบนเบราว์เซอร์ที่ลงชื่อเข้าใช้ทั้งหมดของคุณในอุปกรณ์ต่างๆ ของคุณ เช่น ใน Internet Explorer ข้อมูลนี้จะมีประวัติการเรียกดูและรายการโปรดของคุณ และใน Microsoft Edge จะมีรายการโปรด รายการที่จะอ่าน และรายการข้อมูลกรอกแบบฟอร์มอัตโนมัติ (เช่น ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์) และอาจมีข้อมูลสำหรับส่วนขยายที่คุณได้ติดตั้งไว้ เช่น ใน Microsoft Edge ถ้าคุณซิงก์รายการการอ่านของคุณกับอุปกรณ์ต่างๆ สำเนาของเนื้อหาที่คุณเลือกที่จะบันทึกไปยังรายการการอ่านจะถูกส่งไปยังอุปกรณ์ที่ซิงก์แต่ละอย่างเพื่อดูในภายหลัง คุณสามารถปิดใช้งานการซิงค์ใน Internet Explorer ได้โดยการไปที่ เริ่มต้น > การตั้งค่า > บัญชี > ซิงค์การตั้งค่าของคุณ (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ส่วน การตั้งค่าการซิงค์ ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้) คุณยังสามารถปิดใช้งานการซิงค์ของข้อมูลเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ได้โดยการปิดตัวเลือกการซิงก์ใน การตั้งค่า Microsoft Edge
Microsoft Edge และ Internet Explorer ใช้คำสืบค้นและประวัติการเรียกดูของคุณเพื่อให้การเรียกดูที่เร็วขึ้นและผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น ฟีเจอร์เหล่านี้ประกอบด้วย:
- ข้อเสนอแนะในการค้นหา ใน Internet Explorer จะส่งข้อมูลที่คุณพิมพ์ในแถบที่อยู่เบราว์เซอร์ไปยังผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้นของคุณ (เช่น Bing) เพื่อเสนอข้อเสนอแนะในการค้นหาในขณะที่คุณพิมพ์อักขระแต่ละตัว
- ข้อเสนอแนะในการค้นหาและไซต์ ใน Microsoft Edge จะส่งข้อมูลที่คุณพิมพ์ในแถบที่อยู่เบราว์เซอร์ไปยัง Bing (แม้ว่าคุณจะเลือกผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้นรายอื่นแล้วก็ตาม) เพื่อเสนอข้อเสนอแนะในการค้นหาในขณะที่คุณพิมพ์อักขระแต่ละตัว
คุณสามารถปิดฟีเจอร์เหล่านี้ได้ตลอดเวลา Microsoft Edge และ Internet Explorer ส่งคำสืบค้นของคุณ ข้อมูลอุปกรณ์พื้นฐาน และตำแหน่งที่ตั้ง (ถ้าคุณเปิดใช้งานตำแหน่งที่ตั้งอยู่) ไปให้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นของคุณ เพื่อให้ผลการค้นหาต่างๆ เมื่อมีการใช้แอป หาก Bing เป็นผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้นของคุณ เราจะใช้ข้อมูลนี้ตามที่อธิบายไว้ในส่วน Bing ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
แอปสำหรับ Windows
แอปพลิเคชันของ Microsoft จำนวนมากถูกรวมเข้ากับ Windows และแอปพลิเคชันอื่นๆ มีอยู่ใน Microsoft Store แอปพลิเคชันบางอย่างเหล่านั้นประกอบด้วย:
แอปแผนที่ แอปพลิเคชันแผนที่จะมอบบริการที่ขึ้นกับตำแหน่งที่ตั้งและใช้บริการ Bing เพื่อดำเนินการค้นหาของคุณในแอปพลิเคชันแผนที่ เมื่อแอปแผนที่มีสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของคุณ และคุณได้เปิดใช้บริการที่อิงตามตำแหน่งที่ตั้งใน Windows เมื่อคุณใช้คีย์ “@” เพื่อเริ่มต้นการค้นหาในกล่องข้อความที่สนับสนุนในแอปสำหรับ Windows, บริการ Bing จะเก็บรวบรวมข้อความที่คุณพิมพ์หลังคีย์ “@” เพื่อให้คำแนะนำตามตำแหน่งที่ตั้ง หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งานที่ขับเคลื่อนโดย Bing เหล่านี้ โปรดดูที่ส่วน Bing ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เมื่อแอปพลิเคชันแผนที่มีสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของคุณ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้แอปพลิเคชันนี้ก็ตาม Microsoft อาจเก็บรวบรวมข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งที่ลบเอกลักษณ์แล้วจากอุปกรณ์ของคุณเพื่อปรับปรุงบริการของ Microsoft คุณสามารถปิดใช้งานการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของคุณของแอปพลิเคชัน Maps ได้โดยการปิดบริการตำแหน่งที่ตั้ง หรือปิดการเข้าถึงบริการตำแหน่งที่ตั้งของแอปพลิเคชัน Maps
คุณสามารถติดตามสถานที่โปรดและการค้นหาแผนที่ล่าสุดของคุณได้ในแอปแผนที่ สถานที่โปรดและประวัติการค้นหาของคุณจะถูกรวมเป็นข้อเสนอแนะการค้นหา หากคุณอนุญาตให้แอปแผนที่เข้าถึงกล้องของคุณ คุณจะสามารถจับภาพตําแหน่งที่ตั้งของตําแหน่งที่รูปถ่ายของคุณเกิดขึ้นได้ – เช่น รูปถ่ายของรถของคุณจะบอกคุณว่ารถของคุณจอดอยู่ที่ใด คุณยังสามารถแชร์ตําแหน่งที่ตั้งของคุณกับบุคคลอื่นในที่ติดต่อของคุณได้ ถ้าคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft ของคุณ สถานที่โปรด ประวัติการค้นหา และการตั้งค่าแอปบางอย่างจะถูกซิงค์กับอุปกรณ์และบริการอื่นๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ส่วน การตั้งค่าการซิงค์และการสำรองข้อมูล ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
แอปกล้อง ถ้าคุณอนุญาตให้แอปกล้องใช้ตำแหน่งที่ตั้งของคุณ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งจะถูกฝัง่ในรูปถ่ายและวิดีโอที่คุณถ่ายด้วยอุปกรณ์ของคุณ ข้อมูลคำอธิบายอื่นๆ เช่น รุ่นของกล้องและวันที่ถ่ายภาพหรือวิดีโอจะยังคงถูกฝังอยู่ในรูปถ่ายและวิดีโออีกด้วย ถ้าคุณเลือกที่จะแชร์ภาพถ่ายหรือวิดีโอ บุคคลหรือบริการต่างๆ ที่คุณแชร์ด้วยจะสามารถเข้าถึงข้อมูลใดๆ ที่ฝังอยู่ได้ เมื่อเปิดใช้งานแล้ว คุณสามารถปิดการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของคุณสำหรับแอปกล้องได้เสมอ โดยการปิดใช้งานการเข้าถึงบริการตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดในเมนูการตั้งค่าของอุปกรณ์ของคุณ หรือปิดใช้งานการเข้าถึงบริการตำแหน่งที่ตั้งของแอปกล้อง
เมื่อเปิดแอปกล้อง คุณจะเห็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ตรวจพบโดยกล้องที่เลือกสำหรับพื้นที่ในรูปภาพที่อาจใช้เพิ่มประสิทธิภาพของรูปภาพ แอปกล้องจะไม่เก็บข้อมูลที่ปรับปรุงรูปภาพใดๆ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าการเข้าถึงกล้องของคุณได้เสมอในเมนูการตั้งค่า Windows แอปกล้องใช้ความสามารถต่างๆ ของอุปกรณ์ เช่น ตําแหน่งที่ตั้ง กล้อง ไมโครโฟน วิดีโอ และไลบรารีรูปภาพ โปรดไปที่ Microsoft Store เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
แอปรูปถ่าย แอปรูปถ่ายจะมีให้เลือกสองเวอร์ชั่น แอปรูปถ่ายที่อัปเดตแล้วจะมีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การรวม iCloud และมุมมองโฟลเดอร์ภายในเครื่องและบนระบบคลาวด์ แอปรูปถ่ายเวอร์ชันก่อนหน้ามีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ตัวแก้ไขวิดีโอ แท็บบุคคล และอัลบั้ม คุณกําลังใช้แอปรูปถ่ายที่อัปเดตถ้าส่วน “เกี่ยวกับ” ในการตั้งค่าแอปรูปถ่ายระบุว่าแอปนั้นเป็นแอปรูปถ่ายที่ “อัปเดตแล้ว” ในบางกรณี ผู้ใช้อาจมีทั้งแอปรูปถ่ายที่อัปเดตแล้วและแอปรูปถ่ายเวอร์ชันดั้งเดิมที่ดาวน์โหลดลงไว้ในอุปกรณ์ของตน
แอปรูปถ่ายที่อัปเดตแล้วจะช่วยให้คุณจัดระเบียบ ดู และแชร์รูปถ่ายและวิดีโอของคุณได้ ตัวอย่างเช่น แอปรูปถ่ายนำเสนอวิธีต่างๆ ในการจัดกลุ่มรูปถ่ายและวิดีโอตามชื่อ วันที่ถ่าย หรือวันที่แก้ไข และในโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์เหล่านั้น เช่น เก็บไว้ในเครื่องของคุณหรือซิงค์กับอุปกรณ์ของคุณจาก OneDrive, iCloud และบริการระบบคลาวด์อื่นๆ แอปนี้ยังช่วยให้คุณสามารถย้าย คัดลอก หรืออัปโหลดไฟล์ไปยังตำแหน่งที่ตั้งอื่นบนคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไปยัง OneDrive แท็บรูปถ่ายทั้งหมดจะแสดงรูปถ่ายและวิดีโอที่จัดเก็บไว้ภายในเครื่องหรือที่ซิงค์ตามวันที่ถ่าย แท็บรายการโปรดช่วยให้คุณสามารถดูรูปถ่ายและวิดีโอที่คุณชอบหรือบันทึกไว้เป็นรายการโปรดก่อนหน้านี้ได้ แท็บโฟลเดอร์ช่วยให้คุณสามารถดูรูปถ่ายหรือวิดีโอตามตำแหน่งที่เก็บข้อมูลได้ นอกจากนี้ยังมีแท็บที่คุณสามารถดูรูปถ่ายและวิดีโอของคุณจากบริการระบบคลาวด์ที่มี (เช่น OneDrive และบริการของบริษัทอื่น) ซึ่งคุณได้ซิงค์กับอุปกรณ์ของคุณอีกด้วย
แอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิมยังช่วยให้คุณจัดระเบียบ ดู และแชร์รูปถ่ายและวิดีโอของคุณได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณใช้แอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิมอยู่ คุณอาจเห็นฟีเจอร์อื่นๆ ที่ไม่พร้อมใช้งานในแอปรูปถ่ายเวอร์ชันใหม่ รวมถึงคอลเลกชัน อัลบั้ม ตัวแก้ไขวิดีโอ และการตั้งค่าบุคคล แท็บคอลเลกชันจะแสดงรูปถ่ายและวิดีโอตามวันที่ที่ถ่าย แท็บอัลบั้มช่วยให้คุณจัดระเบียบรูปถ่ายและวิดีโอของคุณตามตำแหน่งที่ตั้งและแท็กทั่วไป ตัวแก้ไขวิดีโอช่วยให้คุณสามารถแก้ไข สร้าง และแชร์วิดีโอได้
การตั้งค่าบุคคลสามารถเปิดใช้งานบนหน้าการตั้งค่าของแอปรูปถ่ายแบบดั้งเดิมและในแท็บบุคคลของแอปได้ เมื่อเปิดใช้งาน แอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิมจะใช้เทคโนโลยีการจัดกลุ่มใบหน้าเพื่อจัดระเบียบรูปถ่ายและวิดีโอของคุณเป็นกลุ่มๆ ฟีเจอร์การจัดกลุ่มสามารถตรวจหาใบหน้าในรูปถ่ายหรือวิดีโอได้ และตรวจสอบว่ามีลักษณะคล้ายกับใบหน้าในรูปถ่ายและวิดีโออื่นๆ ในคอลเลกชันรูปภาพภายในเครื่องของคุณหรือไม่ คุณสามารถเลือกเชื่อมโยงการจัดกลุ่มด้วยใบหน้ากับที่ติดต่อจากแอปการเชื่อมต่อบุคคลของคุณ
หากเปิดใช้งานในแอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิม การจัดกลุ่มของคุณจะถูกจัดเก็บไว้บนอุปกรณ์ของคุณตราบเท่าที่คุณเลือกที่จะเก็บการจัดกลุ่มหรือรูปถ่ายหรือวิดีโอไว้ ถ้าการตั้งค่าบุคคลถูกเปิดใช้งาน จะมีพร้อมท์ให้อนุญาตให้แอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิมสามารถดำเนินการจัดกลุ่มด้วยใบหน้าต่อไปหลังจากที่ไม่มีการโต้ตอบกับแอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิมนั้นเป็นเวลาสามปี คุณสามารถไปที่หน้าการตั้งค่าในแอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิมเพื่อเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่าบุคคลได้ทุกเมื่อ การปิดฟีเจอร์นี้จะลบข้อมูลการจัดกลุ่มด้วยใบหน้าออกจากแอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิม แต่จะไม่ลบรูปถ่ายหรือวิดีโอของคุณออก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปรูปถ่ายแบบดั้งเดิมและการจัดกลุ่มด้วยใบหน้า
ถ้าคุณเลือกที่จะแชร์รูปถ่ายหรือวิดีโอโดยใช้แอปรูปถ่ายหรือแอปรูปถ่ายรุ่นดั้งเดิม ข้อมูลใดๆ ที่ฝัง (เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง รุ่นกล้อง และวันที่) จะสามารถเข้าถึงได้โดยบุคคลและบริการที่คุณแชร์รูปถ่ายหรือวิดีโอด้วย
แอปการเชื่อมต่อบุคคล แอปการเชื่อมต่อบุคคลทำให้คุณเห็นและโต้ตอบกับรายชื่อผู้ติดต่อของคุณทั้งหมดในที่เดียว เมื่อคุณเพิ่มบัญชีลงในแอปการเชื่อมต่อบุคคล รายชื่อผู้ติดต่อจากบัญชีของคุณจะถูกเพิ่มไปที่แอปการเชื่อมต่อบุคคลโดยอัตโนมัติ คุณสามารถเพิ่มบัญชีอื่นๆ ไปที่แอปพลิเคชันบุคคลได้ รวมทั้งบัญชีเครือข่ายสังคมของคุณ (เช่น Facebook และ Twitter) และบัญชีอีเมล เมื่อเพิ่มบัญชี เราจะว่าคุณว่าข้อมูลใดที่แอป People สามารถนำเข้าหรือซิงค์ได้ด้วยบริการบางอย่าง และช่วยให้คุณเลือกสิ่งที่ต้องการเพิ่ม แอปอื่นๆ ที่คุณติดตั้งอาจซิงค์ข้อมูลกับแอปการเชื่อมต่อบุคคล รวมทั้งให้รายละเอียดเพิ่มเติมในที่ติดต่อที่มีอยู่ด้วย เมื่อคุณดูผู้ติดต่อในแอปการเชื่อมต่อบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับการโต้ตอบล่าสุดของคุณกับผู้ติดต่อ (เช่น อีเมลและเหตุการณ์ในปฏิทิน รวมถึงจากแอปที่แอปการเชื่อมต่อบุคคลซิงค์ข้อมูล) จะสามารถเรียกดูและแสดงให้คุณดูได้ คุณสามารถเอาบัญชีผู้ใช้ออกจากแอปการเชื่อมต่อบุคคลได้ทุกเมื่อ
แอปจดหมายและปฏิทิน แอปจดหมาย และ ปฏิทิน อนุญาตให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอีเมล ปฏิทิน และไฟล์ทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว ซึ่งรวมถึงจากที่เก็บข้อมูลอีเมลและไฟล์ของบุคคลที่สามเหล่านั้นด้วย แอปจะให้บริการโดยยึดตามตำแหน่งที่ตั้ง เช่นข้อมูลสภาพอากาศในปฏิทินของคุณ แต่คุณสามารถปิดการใช้งานตำแหน่งที่ตั้งของคุณของแอปได้ เมื่อคุณเพิ่มบัญชีลงในแอปจดหมาย หรือปฏิทิน อีเมลของคุณ รายการปฏิทิน ไฟล์ ที่ติดต่อ และการตั้งค่าอื่นๆ จากบัญชีของคุณจะซิงค์ไปยังอุปกรณ์ของคุณแลเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft โดยอัตโนมัติ คุณสามารถนำบัญชีออกหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ซิงค์จากบัญชีของคุณเมื่อใดก็ได้ เมื่อต้องการกำหนดค่าบัญชี คุณต้องให้ข้อมูลประจำตัวของบัญชี (เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน) ซึ่งจะถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการที่เป็นบุคคลที่สาม แอปจะพยายามใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (SSL) ก่อน เพื่อกำหนดค่าบัญชีของคุณแต่จะส่งข้อมูลนี้แบบไม่เข้ารหัส ถ้าผู้ให้บริการอีเมลของคุณไม่รองรับ SSL ถ้าคุณเพิ่มบัญชีที่ได้รับจากองค์กร (เช่น อีเมลแอดเดรสของบริษัท) เจ้าของโดเมนองค์กรสามารถกำหนดนโยบายบางอย่างและควบคุม (เช่น การรองรับความถูกต้องโดยใช้หลายปัจจัย หรือลบข้อมูลจากระยะไกลออกจากอุปกรณ์ของคุณ) ซึ่งอาจมีผลกระทบถึงการใช้งานแอปของคุณ แอปนี้ใช้ความสามารถของอุปกรณ์ของคุณ เช่น ตําแหน่งที่ตั้ง กล้อง โปรดไปที่ Microsoft Store เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
แอปข้อความจากผู้ให้บริการ Windows (เดิมคือ ข้อความ Microsoft) แอปข้อความของผู้ให้บริการ Windows จะได้รับและแสดงข้อความ SMS ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของคุณเกี่ยวกับแผนบริการข้อมูลของคุณ (เช่น การเรียกเก็บเงินและขีดจํากัดข้อมูล) บนพีซีหรืออุปกรณ์ของคุณ ข้อความเหล่านี้จะถูกจัดเก็บไว้ภายในอุปกรณ์ของคุณ จากอุปกรณ์ของคุณ คุณยังสามารถเข้าถึง ดู และลบข้อความเหล่านี้ได้ แอปนี้ใช้ความสามารถของอุปกรณ์ของคุณ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อ โปรดไปที่ Microsoft Store บน Windows เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
แอปนาฬิกา คือฮับของคุณสําหรับการจัดการเวลาและโฟกัสบน Windows เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft พวกเขาสามารถเปิดใช้งาน Microsoft To Do ซึ่งเป็นประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมต่อระบบคลาวด์ เมื่อผู้ใช้เปิดเซสชันโฟกัส ข้อมูลเซสชันจะถูกจัดเก็บไว้ภายในเครื่อง และผู้ใช้สามารถล้างข้อมูลได้โดยไปที่หน้าการตั้งค่านาฬิกา นอกจากนี้ เซสชันโฟกัสยังสนับสนุนการเชื่อมต่อกับบัญชี Spotify เพื่อฟังเสียงรอบข้างเพื่อช่วยให้ผู้ใช้โฟกัส ไปที่ Microsoft Store เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
Microsoft Journal เป็นแอปพลิเคชัน Windows ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสําหรับอุปกรณ์ที่เน้นการสัมผัสและรองรับปากกา เช่น แท็บเล็ตและอุปกรณ์ทูอินวัน ซึ่งมอบประสบการณ์การจดบันทึกย่อส่วนบุคคลรูปแบบอิสระให้กับผู้ใช้ แอปใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อจดจําลายมือของคุณที่ประมวลผลข้อมูลภายในอุปกรณ์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเชื่อมต่อกับ Microsoft 365 (จําเป็นต้องมีการสมัครใช้งาน) ผู้ใช้สามารถเข้าถึงปฏิทิน M365 และที่ติดต่อภายในแอปได้อย่างราบรื่น เนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้ทั้งหมดจะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติที่ตําแหน่งบันทึกเริ่มต้นในไลบรารีเอกสารสําหรับการอ้างอิงในอนาคต บันทึกประจําวันช่วยให้คุณเข้าถึงไลบรารีรูปถ่ายและกล้องของอุปกรณ์และไมโครโฟนเพื่อให้คุณสามารถเพิ่มลงในเวิร์กบุ๊กได้ เรียนรู้เกี่ยวกับแอป Journal ที่นี่ หรือไปที่ Microsoft Store เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
แอป แผนบริการมือถือ ช่วยให้คุณออนไลน์ได้อย่างง่ายดายและในสถานที่ต่างๆ มากขึ้นบนพีซี Windows 10 และอุปกรณ์ LTE 11 ของคุณ เมื่อลงทะเบียนสําหรับแผนบริการข้อมูลบนอุปกรณ์ของคุณ ระบบจะสร้างการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้คุณสามารถทําการซื้อผ่านพอร์ทัลออนไลน์ของผู้ให้บริการ’โทรศัพท์มือถือได้ คุณจะต้องใช้ SIM การ์ดที่รองรับเพื่อใช้แอปนี้ แอปแผนบริการมือถือจะใช้ IMEI, IMSI, EID, ICCID และประเทศ (ตําแหน่งที่ตั้งแบบหยาบที่กําหนดโดยรหัสเครือข่ายโทรศัพท์หรือ Wi-Fi Reverse IP) ของคุณเพื่อกําหนดผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่พร้อมใช้งานในพื้นที่ของคุณ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออาจส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ผ่านแอปแผนบริการมือถือ แอปนี้ใช้ความสามารถของอุปกรณ์ของคุณ เช่น กล้องและไมโครโฟน ไปที่ Microsoft Store เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
โปรแกรมจัดการพีซีของ Microsoft พร้อมใช้งานในบางภูมิภาค และเป็นเครื่องมือสำหรับเดสก์ท็อปที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพีซีของคุณ ตามคําขอของคุณ ตัวจัดการพีซีจะสแกนอุปกรณ์ของคุณ และอนุญาตให้คุณลบเอกสารที่ไม่จําเป็นหรือชั่วคราว ปรับแคชให้เหมาะสม หยุดหรือกู้คืนจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือใช้คุณลักษณะอื่นๆ เช่น การตรวจสอบสถานภาพ การเพิ่มการคลิกครั้งเดียว การล้างที่เก็บข้อมูล การจัดการไฟล์และป็อปอัพ และการป้องกันการตั้งค่าเริ่มต้นของคุณ
ตัวจัดการพีซีจะบล็อกป็อปอัพตามกฎบล็อกโฆษณาและหน้าต่างป็อปอัพที่คุณเลือกผ่านบล็อกแบบกําหนดเอง หากคุณตกลงที่จะเข้าร่วม “แผนป็อปอัพตัวจัดการพีซีของ Microsoft” เมื่อคุณบล็อกหน้าต่างป็อปอัพผ่านบล็อกแบบกําหนดเอง คุณสามารถช่วยเราปรับฟีเจอร์การจัดการป็อปอัพของ Microsoft PC Manager ให้เหมาะสมโดยจับภาพสกรีนช็อตของป็อปอัพและส่งไปยัง Microsoft Microsoft จะไม่รวบรวมข้อมูลอื่นนอกเหนือจากสกรีนช็อต ชื่อเรื่องของ Windows และคลาสของ Windows สกรีนช็อตที่ส่งจะถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลาสั้นๆ และถูกลบเป็นประจําเท่านั้น คุณสามารถจัดการการกําหนดลักษณะแผนป็อปอัพของคุณผ่านการตั้งค่าตัวจัดการพีซีได้ตลอดเวลา คุณลักษณะคําติชมในตัวจัดการพีซีอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหากคุณใส่ไว้ในคําติชมที่คุณให้กับ Microsoft คําติชมจากผู้ใช้จะถูกลบอย่างสม่ําเสมอหลังจากการประมวลผล ไปที่ Microsoft Store เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
เครื่องมือสนิป เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่มีประโยชน์ใน Windows ที่ใช้ไมโครโฟนและไลบรารีรูปภาพของคุณเพื่อบันทึกและจัดเก็บสกรีนช็อตและการบันทึกหน้าจอ เครื่องมือสนิปมีฟีเจอร์การดําเนินการข้อความ ซึ่งใช้การสนับสนุนการรู้จําอักขระด้วยแสง (OCR) ในตัว คุณสามารถเลือกและคัดลอกข้อความได้โดยตรงจากรูปภาพโดยใช้ OCR นอกจากนี้ คุณสามารถใช้ฟีเจอร์การดําเนินการข้อความเพื่อแก้ไขข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากข้อความที่จับภาพได้ ด้วยรายการการรวมคลิปบอร์ดที่คัดลอกจากเครื่องมือสนิปจะถูกคัดลอกไปยังคลิปบอร์ดของคุณด้วย หากคุณเปิดใช้งานประวัติคลิปบอร์ดบนอุปกรณ์ต่างๆ เนื้อหาที่คัดลอกไว้จะสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นบนอุปกรณ์ต่างๆ ผู้ใช้สามารถจัดการการกําหนดลักษณะคลิปบอร์ดและการสนิปผ่านการตั้งค่า Windows ไปที่ Microsoft Store เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
แอปโปรแกรมบันทึกเสียง เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่ออกแบบมาเพื่อบันทึกเสียงผ่านไมโครโฟนของคุณในสถานการณ์ต่างๆ ขณะบันทึก คุณสามารถทําเครื่องหมายช่วงเวลาสําคัญเพื่อค้นหาส่วนสําคัญได้อย่างง่ายดายในภายหลัง คุณยังสามารถตัดแต่ง ปรับระดับเสียง หรือนําการปรับเปลี่ยนอื่นๆ ไปใช้ได้ตามต้องการ และเล่นการบันทึกของคุณ การบันทึกของคุณจะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติและจัดเก็บไว้ในโฟลเดอร์เอกสารของคุณเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย และคุณสามารถแชร์เสียงที่บันทึกไว้กับเพื่อนๆ และครอบครัวได้ ไปที่ Microsoft Store เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
Microsoft Clipchamp เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ออกแบบมาเพื่อให้การสร้างวิดีโอเป็นเรื่องง่าย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมวิดีโอ รูปภาพ และไฟล์เสียง ตลอดจนเพิ่มข้อความและเอฟเฟ็กต์ จากนั้นบันทึกวิดีโอที่เสร็จแล้วลงในอุปกรณ์ของพวกเขา หรือจัดเก็บวิดีโอของพวกเขาใน OneDrive ส่วนบุคคลของพวกเขาผ่านบัญชี Microsoft ของพวกเขา ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มวิดีโอในคลังและเพลงในคลังหรือเอฟเฟ็กต์เสียง สติกเกอร์ องค์ประกอบกราฟิก พื้นหลัง และอื่นๆ ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะอนุญาตให้ Clipchamp เข้าถึงกล้องและไมโครโฟนของพวกเขาเพื่อบันทึกวิดีโอได้โดยตรงจากอุปกรณ์ของพวกเขา เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น เช่น ภาษาที่จะแสดงแก่คุณ Clipchamp จะรวบรวมตําแหน่งที่ตั้งโดยนัยของคุณ ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Clipchamp ด้วยบัญชี Microsoft ส่วนบุคคลหรือครอบครัวผ่านแอป Clipchamp สําหรับ Windows 10 หรือ Windows 11 และในเบราว์เซอร์ Edge หรือ Chrome ได้ที่ https://app.clipchamp.com
โปรแกรมเล่นสื่อ เป็นโปรแกรมเล่นไฟล์มัลติมีเดีย (เสียงและวิดีโอ) เริ่มต้นในตัว เมื่อคุณเลือกที่จะเปิดไฟล์มัลติมีเดีย โปรแกรมเล่นสื่อจะอ่านเนื้อหาของไฟล์นั้น เมื่อคุณเปิดโปรแกรมเล่นสื่อ โปรแกรมจะอ่านเนื้อหาของโฟลเดอร์ไลบรารีเพลงและไลบรารีวิดีโอของคุณเพื่อรวบรวมหน้าไลบรารีเพลงและไลบรารีวิดีโอภายในโปรแกรมเล่นสื่อ เพื่อช่วยคุณจัดระเบียบ ดู และเล่นเนื้อหามัลติมีเดีย
เพื่อเติมแต่งประสบการณ์ของคุณเมื่อเล่นเพลง โปรแกรมเล่นสื่อจะพยายามแสดงผลงานศิลปินและปกอัลบั้มสําหรับเนื้อหาที่คุณเล่นและเนื้อหาในไลบรารีเพลงของคุณโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ข้อมูลนี้ โปรแกรมเล่นสื่อจะส่งคําขอข้อมูลไปยัง Microsoft ที่มีข้อมูลอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ของคุณ เวอร์ชันซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ การตั้งค่าภูมิภาคและภาษาของคุณ และตัวระบุสําหรับเนื้อหา หากต้องการ ฟีเจอร์นี้สามารถปิดใช้งานได้ในหน้าการตั้งค่าของแอป’
ภาพยนตร์และทีวี ภาพยนตร์&และทีวีของ Microsoft ช่วยให้คุณสามารถเช่าหรือซื้อภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ และเล่นบนอุปกรณ์ของคุณได้
เพื่อช่วยให้คุณค้นพบเนื้อหาที่คุณอาจสนใจ ภาพยนตร์&และทีวีจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่คุณรับชม รวมถึงความยาวและการให้คะแนนที่คุณระบุไว้
ภาพยนตร์&และทีวียังสามารถแสดงและเล่นไฟล์วิดีโอภายในเครื่องที่จัดเก็บไว้บนพีซีของคุณได้อีกด้วย เมื่อต้องการทําเช่นนี้ แอปนี้จําเป็นต้องเข้าถึงไลบรารีวิดีโอบนอุปกรณ์ของคุณ
Windows Media Player Legacy เมื่อคุณใช้ Windows Media Player Legacy โปรแกรมจะสามารถอ่านเนื้อหาสื่อ เช่น ไฟล์วิดีโอ เสียง และรูปภาพซึ่งช่วยให้คุณสามารถเล่นซีดีและเนื้อหาดิจิทัลอื่นๆ (เช่น ไฟล์วิดีโอและไฟล์เสียง) ริพซีดี และจัดการไลบรารีสื่อของคุณได้ เพื่อเสริมประสบการณ์ของคุณเมื่อคุณเล่นเนื้อหาในไลบรารีของคุณ Windows Media Player Legacy จะแสดงข้อมูลสื่อที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่ออัลบั้ม ชื่อเพลง รูปหน้าปกอัลบั้ม ศิลปิน และผู้ประพันธ์ เมื่อต้องการเพิ่มข้อมูลสื่อบันทึกของคุณ Windows Media Player Legacy จะส่งคําขอไปยัง Microsoft ซึ่งมีข้อมูลคอมพิวเตอร์มาตรฐาน ตัวระบุสําหรับเนื้อหาสื่อ และข้อมูลสื่อที่มีอยู่ในไลบรารี Windows Media Player Legacy ของคุณ (รวมถึงข้อมูลที่คุณอาจแก้ไขหรือใส่ด้วยตนเอง) เพื่อให้ Microsoft สามารถจดจําแทร็กแล้วส่งกลับข้อมูลเพิ่มเติมที่พร้อมใช้งาน
Windows Media Player Legacy ยังช่วยให้คุณสามารถเล่นเนื้อหาที่สตรีมถึงคุณผ่านเครือข่ายได้อีกด้วย เพื่อให้บริการนี้ Windows Media Player Legacy จึงจำเป็นต้องมีการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์สื่อการสตรีม เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้โดยปกติดำเนินงานโดยผู้ให้บริการเนื้อหาที่ไม่ใช่ของ Microsoft ในระหว่างการเล่นสื่อการสตรีม Windows Media Player Legacy จะส่งบันทึกไปยังเซิร์ฟเวอร์สื่อการสตรีมหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ถ้าเซิร์ฟเวอร์สื่อการสตรีมร้องขอ บันทึกประกอบด้วยรายละเอียด เช่น เวลาการเชื่อมต่อ ที่อยู่ IP เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ เวอร์ชัน Windows Media Player Legacy หมายเลขรหัสโปรแกรมเล่น (ID โปรแกรมเล่น) วันที่ และโพรโทคอล เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ ค่าเริ่มต้น Windows Media Player Legacy จะส่ง ID โปรแกรมเล่นที่แตกต่างกันสําหรับแต่ละเซสชัน
Windows Hello
Windows Hello ให้การเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณแบบทันทีผ่านการรับรองความถูกต้องทางไบโอเมตริกซ์ หากคุณเปิดใช้งาน Windows Hello จะใช้ใบหน้า ลายนิ้วมือหรือไอริสของคุณเพื่อระบุตัวคุณโดยยึดตามจุดหรือคุณสมบัติเฉพาะชุดหนึ่งที่ถูกแยกออกมาจากรูปภาพและจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณเป็นแม่แบบ แต่ Windows Hello จะไม่จัดเก็บภาพหรือรูปจริงของหน้า ลายนิ้วมือ หรือไอริสของคุณ ข้อมูลการตรวจสอบความถูกต้องทางไบโอเมตริกซ์ที่ถูกใช้เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้จะยังอยู่ในอุปกรณ์ของคุณ ข้อมูลการตรวจสอบความถูกต้องทางไบโอเมตริกซ์ของคุณจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์ของคุณจนกว่าคุณจะลบออก แต่หลังจากไม่ได้ใช้งาน Windows Hello เป็นระยะเวลาหนึ่ง คุณจะได้รับพร้อมท์ให้ยืนยันว่าคุณต้องการเก็บข้อมูลการตรวจสอบความถูกต้องทางไบโอเมตริกซ์ของคุณต่อไป คุณสามารถลบข้อมูลการตรวจสอบความถูกต้องทางไบโอเมตริกซ์ได้ในการตั้งค่า เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Windows Hello
Windows Search
Windows Search ช่วยให้คุณค้นหาสิ่งต่างๆ ของคุณและเว็บได้จากที่เดียว หากคุณเลือกที่จะใช้ Windows Search เพื่อค้นหา"ข้อมูลของคุณ" ระบบจะแสดงผลลัพธ์สำหรับรายการต่างๆ บน OneDrive ส่วนบุคคลของคุณ, OneDrive for Business ของคุณหากเปิดใช้งานอยู่, ผู้ให้บริการที่เก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์อื่นๆ ในขอบเขตที่ผู้ให้บริการภายนอกเหล่านั้นสนับสนุน และบนอุปกรณ์ของคุณ หากคุณเลือกที่จะใช้ Windows Search เพื่อค้นหาเว็บ หรือรับข้อเสนอแนะในการค้นหาด้วย Windows Search ผลลัพธ์การค้นหาของคุณจะได้รับการขับเคลื่อนโดย Bing และเราจะใช้การสอบถามการค้นหาของคุณตามที่อธิบายไว้ในส่วน Bing ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นหาใน Windows
ความบันเทิงและบริการที่เกี่ยวข้อง
ความบันเทิงและบริการที่เกี่ยวข้องทำให้ได้รับประสบการณ์ที่หรูหรา และช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหา แอปพลิเคชันและเกมต่างๆ ได้
ความบันเทิงและบริการที่เกี่ยวข้องทำให้ได้รับประสบการณ์ที่หรูหรา และช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหา แอปพลิเคชันและเกมต่างๆ ได้
Xbox
เครือข่าย Xbox คือบริการเล่นเกมและความบันเทิงออนไลน์จาก Microsoft ที่ประกอบด้วยซอฟต์แวร์และประสบการณ์ใช้งานแบบออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างๆ บริการนี้จะช่วยให้คุณค้นหาและเล่นเกม ดูเนื้อหา และเชื่อมต่อกับเพื่อนๆ บน Xbox รวมถึงการเล่นเกมและเครือข่ายสังคมอื่นๆ ได้
เมื่อคุณลงทะเบียนโปรไฟล์ Xbox เราจะกําหนดเกมเมอร์แท็ก (ชื่อเล่นสาธารณะ) และรหัสเฉพาะให้กับคุณ เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์ Xbox แอปและบริการ ข้อมูลที่เรารวบรวมเกี่ยวกับการใช้งานของคุณจะมีการจัดเก็บไว้โดยใช้รหัสเฉพาะเหล่านี้
คอนโซล Xbox คืออุปกรณ์ที่คุณสามารถใช้เพื่อค้นหาและเล่นเกม ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง และความบันเทิงดิจิทัลรูปแบบอื่นๆ ได้ เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ประสบการณ์ใช้งาน Xbox ในแอปหรือบนคอนโซล เรายังกําหนดรหัสเฉพาะให้กับอุปกรณ์ของคุณด้วย เช่น เมื่อคุณเชื่อมต่อคอนโซล Xbox ของคุณกับอินเทอร์เน็ต และลงชื่อเข้าใช้คอนโซล เราจะระบุว่าคุณกำลังใช้คอนโซลใดและระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใดของคอนโซลอยู่
ข้อมูลที่เรารวบรวมเกี่ยวกับการใช้บริการ เกม แอป และคอนโซล Xbox ของคุณประกอบด้วย:
- เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้และลงชื่อออกจาก Xbox การซื้อใดๆ ของคุณและเนื้อหาที่คุณได้รับ
- เกมใดที่คุณเล่นและแอปที่คุณใช้ ความคืบหน้าของเกม ความสําเร็จ เวลาเล่นต่อเกม และสถิติการเล่นอื่นๆ
- ข้อมูลประสิทธิภาพเกี่ยวกับคอนโซล Xbox, Xbox Game Pass และแอป Xbox อื่นๆ เครือข่าย Xbox อุปกรณ์เสริมที่เชื่อมต่อ และการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ รวมถึงข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์
- เนื้อหาที่คุณเพิ่ม อัปโหลด หรือแชร์ผ่านเครือข่าย Xbox รวมถึงข้อความ รูปภาพ และวิดีโอที่คุณบันทึกในเกมและแอป
- กิจกรรมโซเชียลรวมถึงข้อมูลการแชทและการโต้ตอบกับผู้เล่นเกมคนอื่นและการเชื่อมต่อที่คุณดำเนินการ (เพื่อนที่คุณเพิ่มและผู้คนที่ติดตามคุณ) บนเครือข่าย Xbox
หากคุณลงชื่อเข้าใช้เพื่อใช้ Xbox บนอุปกรณ์อื่นที่สามารถเข้าถึงเครือข่าย Xbox และอุปกรณ์นั้นมีอุปกรณ์เก็บข้อมูล (ฮาร์ดไดรฟ์หรือหน่วยความจํา) ข้อมูลการใช้งานจะถูกจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บข้อมูลและส่งไปยัง Microsoft ในครั้งถัดไปที่คุณลงชื่อเข้าใช้ Xbox แม้ว่าคุณจะเล่นแบบออฟไลน์อยู่ก็ตาม
ข้อมูลที่เรารวบรวมช่วยให้เราสามารถให้บริการและประสบการณ์ที่รวบรวมไว้แก่คุณ ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อคุณกับเกม เนื้อหา และบริการ ตลอดจนการนำเสนอข้อเสนอ ส่วนลด และคำแนะนำให้กับคุณ หากต้องการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าสำหรับคำแนะนำเหล่านี้ ให้ไปที่หน้าการตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ของ Xbox
กล้องและไมโครโฟน ในขณะที่ใช้ Xbox ผู้เล่นสามารถใช้ความสามารถของอุปกรณ์ เช่น ไมโครโฟน กล้อง และการบันทึกหน้าจอเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การเล่นเกมของพวกเขา เมื่อเล่นเกม Xbox ใน Windows Game Bar กล้องและไมโครโฟนอาจถูกใช้ รวมถึงการอ่านรูปถ่ายและวิดีโอ และเพื่อจับภาพและบันทึกสกรีนช็อต
ข้อมูลการวินิจฉัย Xbox ข้อมูลการวินิจฉัยมีสองประเภท คือ: ข้อมูลที่ต้องใช้และข้อมูลเพิ่มเติม
- ต้องใช้ Xbox จะส่งข้อมูลที่จําเป็นไปยัง Microsoft ข้อมูลขั้นต่ำที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ Xbox ปลอดภัย ทันสมัย และทำงานตามที่คาดไว้
- เพิ่มเติม ข้อมูลเพิ่มเติมคือข้อมูลเพิ่มเติมที่คุณเลือกที่จะแชร์กับ Microsoft ข้อมูลเพิ่มเติมอาจรวมถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดําเนินการ การใช้งาน และประสิทธิภาพการทำงานของผลิตภัณฑ์และบริการ Xbox ของคุณ รวมถึงการรายงานข้อผิดพลาดที่ได้รับการปรับปรุง
เรียนรู้เพิ่มเติมที่ จัดการการตั้งค่าสําหรับการแบ่งปันข้อมูลเพิ่มเติม
การจับภาพเกม ผู้เล่นทุกคนในเซสชันเกมส์แบบเล่นหลายคนสามารถบันทึกวิดีโอ (คลิปเกม) และจับภาพสกรีนช็อตหน้าจอมุมมองการเล่นเกมของตนได้ คลิปเกมและสกรีนช็อตของผู้เล่นคนอื่นๆ สามารถจับภาพตัวละครในเกมและเกมเมอร์แท็กของคุณในระหว่างเซสชันนั้นได้ ถ้าผู้เล่นจับภาพคลิปเกมและสกรีนช็อตบนพีซี คลิปเกมที่เป็นผลลัพธ์ออกมาอาจบันทึกเสียงพูดคุยไว้ด้วย
การใส่คำบรรยาย ระหว่างการแชทในเวลาจริง ("ปาร์ตี้") บน Xbox ผู้เล่นอาจเปิดใช้งานฟีเจอร์การเปลี่ยนคำพูดให้เป็นข้อความ ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถดูการแชทเป็นข้อความได้ ถ้าผู้เล่นเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ การติดต่อสื่อสารด้วยเสียงทั้งหมดในปาร์ตี้จะถูกใส่คำบรรยายสำหรับผู้เล่น Microsoft จะใช้ข้อมูลข้อความที่เป็นผลลัพธ์ออกมานี้เพื่อแสดงคำบรรยายการสนทนาหรับผู้เล่นที่ต้องการ รวมถึงวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่อธิบายไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ข้อมูล Xbox ที่บุคคลอื่นสามารถดูได้ เกมเมอร์แท็กของคุณ สถิติการเล่น ความสำเร็จ สถานะ (ไม่ว่าในขณะนั้นคุณจะลงชื่อเข้าใช้ใน Xbox อยู่หรือไม่) เนื้อหาที่คุณแชร์ และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับกิจกรรมของคุณใน Xbox จะปรากฏให้บุคคลเหล่านี้มองเห็นได้:
- ผู้เล่นอื่นที่ลงชื่อเข้าใช้ Xbox
- ลูกค้าของบริการจากบริษัทภายนอกที่คุณเชื่อมโยงโปรไฟล์ของคุณ หรือ
- บริการอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Xbox (รวมถึงบริการของบริษัทคู่ค้า)
เช่น เกมเมอร์แท็กและคะแนนของคุณที่แสดงบนตารางผู้นำของเกมถือว่าเป็นสาธารณะและไม่สามารถซ่อนได้ สำหรับข้อมูลอื่นๆ คุณสามารถปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณบนคอนโซลหรือที่ Xbox.com เพื่อจำกัดหรือบล็อกสิ่งที่จะแชร์กับสาธารณะหรือกับเพื่อนได้
เรียนรู้เพิ่มเติมที่ การตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของ Xbox
ข้อมูล Xbox ที่แบ่งปันกับบริษัทภายนอก รวมถึงผู้จัดจำหน่ายเกมและแอป เมื่อคุณใช้เกม Xbox แบบออนไลน์หรือแอปที่เชื่อมต่อเครือข่ายบนคอนโซล Xbox พีซี หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ ผู้เผยแพร่เกมหรือแอปนั้นจะสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานของคุณได้ เพื่อช่วยให้ผู้เผยแพร่ส่งมอบ สนับสนุน และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนได้ ข้อมูลนี้อาจรวม: รหัสผู้ใช้ Xbox เกมเมอร์แท็ก ข้อมูลบัญชีที่จํากัดของคุณ เช่น ประเทศและช่วงอายุ ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารภายในเกมของคุณ กิจกรรมการบังคับใช้ Xbox เซสชันการเล่นเกม (ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนไหวในเกม ประเภทพาหนะที่ใช้ในเกม) การแสดงตนของคุณบนเครือข่าย Xbox เวลาที่คุณใช้เล่นเกมหรือแอป การจัดอันดับ สถิติ โปรไฟล์ผู้เล่น อวาตาร์ หรือรูปภาพเกมเมอร์ รายการเพื่อน ฟีดกิจกรรมของคลับที่เป็นทางการที่คุณเป็นสมาชิก การเป็นสมาชิกคลับที่เป็นทางการ และเนื้อหาใดๆ ที่คุณสร้างหรือส่งภายในเกมหรือแอป
ผู้เผยแพร่และนักพัฒนาของบริษัทภายนอกของเกมและแอปมีความสัมพันธ์กับผู้ใช้ที่ชัดเจนและเป็นอิสระเป็นของตนเอง และการเก็บรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวเฉพาะของตน คุณควรตรวจสอบนโยบายของผู้เผยแพร่และนักพัฒนาอย่างรอบคอบเพื่อให้ทราบว่าใช้ข้อมูลนี้อย่างไร ตัวอย่างเช่น ผู้เผยแพร่สามารถเลือกที่จะเปิดเผยหรือแสดงข้อมูลเกม (เช่น บนตารางผู้นำ) ผ่านทางบริการของตนเองได้ คุณสามารถดูนโยบายของผู้เผยแพร่และนักพัฒนาดังกล่าวซึ่งลิงก์จากหน้ารายละเอียดเกมหรือแอปได้ใน Microsoft Store
เรียนรู้เพิ่มเติมที่ การแบ่งปันข้อมูลกับเกมและแอป
หากต้องการหยุดแชร์ข้อมูลเกมหรือข้อมูลแอปกับผู้เผยแพร่ ให้นำเกมหรือแอปออกจากอุปกรณ์ทั้งหมดที่คุณติดตั้งไว้ การเข้าถึงข้อมูลของคุณโดยผู้เผยแพร่บางรายอาจถูกเพิกถอนได้ที่ https://microsoft.com/consent
เด็กและครอบครัว ถ้าคุณมีบุตรหลานที่ต้องการใช้เครือข่าย Xbox คุณสามารถตั้งค่าโปรไฟล์เด็กและวัยรุ่นให้บุตรหลานได้เมื่อพวกเขามีบัญชี Microsoft ผู้จัดการที่เป็นผู้ใหญ่ในกลุ่มครอบครัว Microsoft สามารถเปลี่ยนตัวเลือกความยินยอมและการตั้งค่าความปลอดภัยออนไลน์สำหรับโปรไฟล์เด็กและวัยรุ่นได้ที่ Xbox.com
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มครอบครัว Microsoft ที่ทำให้ครอบครัวของคุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการโปรไฟล์ Xbox ได้ที่การตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของ Xbox
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลจากเด็กของ Microsoft รวมถึง Xbox โปรดดูหัวข้อการรวบรวมข้อมูลจากเด็กในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ความปลอดภัย เพื่อช่วยทําให้เครือข่าย Xbox เป็นสภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่ปลอดภัยและบังคับใช้มาตรฐานชุมชนสําหรับ Xbox เราอาจรวบรวมและตรวจสอบเสียง ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเนื้อหาในเกม (เช่น คลิปเกมที่คุณอัปโหลด การสนทนาที่คุณมี และสิ่งที่คุณโพสต์ในคลับและเกม)
การป้องกันการโกงและการปลอมแปลง การให้สภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่ยุติธรรมเป็นสิ่งสําคัญสําหรับเรา เราห้ามมิให้มีการโกง การแฮ็ก การขโมยบัญชี และกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือเป็นการฉ้อฉลเมื่อคุณใช้แอปเกมออนไลน์ของ Xbox หรือแอปที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายบนคอนโซล Xbox, พีซี หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ เพื่อตรวจจับและป้องกันการฉ้อฉลและการโกง เราอาจใช้เครื่องมือ แอปพลิเคชัน และเทคโนโลยีอื่นๆ ในการป้องกันการโกงและการป้องกันการฉ้อฉล เทคโนโลยีดังกล่าวอาจสร้างลายเซ็นดิจิทัล (เรียกว่า “แฮช”) โดยใช้ข้อมูลบางอย่างที่รวบรวมจากคอนโซล Xbox, พีซี หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ และวิธีที่คุณใช้อุปกรณ์นั้น ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเบราว์เซอร์ อุปกรณ์ กิจกรรม ตัวระบุเกม และระบบปฏิบัติการ
ดั้งเดิม
- Xbox 360 คอนโซล Xbox นี้จะรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยที่ต้องใช้แบบจำกัดเพื่อให้คอนโซลของคุณทํางานได้ตามที่คาดไว้ขณะใช้คอนโซลที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Xbox
- Kinect เซนเซอร์ Kinect เป็นการผสมผสานกันของกล้อง ไมโครโฟน และเซนเซอร์อินฟราเรดที่สามารถช่วยให้ใช้การเคลื่อนไหวและเสียงควบคุมการเล่นเกมได้ ตัวอย่างเช่น:
- คุณสามารถใช้กล้องเพื่อลงชื่อเข้าใช้เครือข่าย Xbox โดยอัตโนมัติโดยใช้การจดจำใบหน้าได้หากเลือกไว้ ข้อมูลนี้จะอยู่บนคอนโซลและจะไม่ถูกแชร์ให้ใคร และคุณสามารถเลือกที่จะลบข้อมูลนี้ออกจากคอนโซลของคุณได้ทุกเมื่อ
- สำหรับการเล่นเกม Kinect จะทำการแมประยะห่างระหว่างข้อต่อต่างๆ ของร่างกายคุณเพื่อสร้างภาพเสมือนโครงร่างบุคคลของตัวคุณขึ้นมา ซึ่งจะช่วยให้ Kinect สามารถเล่นเกมได้
- ไมโครโฟน Kinect สามารถเปิดใช้งานการแชทด้วยเสียงระหว่างผู้เล่นในระหว่างการเล่นเกมได้ ไมโครโฟนยังเปิดใช้งานคำสั่งเสียงสำหรับการควบคุมคอนโซล เกมหรือแอป หรือเพื่อป้อนคำค้นหาได้อีกด้วย
- นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เซนเซอร์ Kinect สำหรับการติดต่อสื่อสารทางเสียงและวิดีโอผ่านบริการต่างๆ ได้ เช่น Skype
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Kinect ที่ Xbox Kinect และความเป็นส่วนตัว
Microsoft Store
Microsoft Store เป็นบริการแบบออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้บนพีซี คอนโซล Xbox และแอป Xbox และอนุญาตให้คุณสามารถค้นหา ดาวน์โหลด ซื้อ ให้คะแนน และรีวิวแอปพลิเคชัน และเนื้อหาดิจิตอลอื่นๆ ได้ รวมถึง:
- แอปและเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์ Windows เช่น โทรศัพท์ พีซี และแท็บเล็ต
- เกม การสมัครใช้งาน และแอปอื่นๆ สำหรับคอนโซล Xbox และอุปกรณ์อื่น
- ผลิตภัณฑ์และแอปสำหรับ Microsoft 365, SharePoint, Exchange, Access และ Project (เวอร์ชัน 2013 หรือใหม่กว่า)
เราเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่คุณเข้าถึงและใช้งาน Microsoft Store ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่คุณดู ซื้อ หรือติดตั้ง การกำหนดลักษณะที่คุณตั้งค่าสำหรับดูแอปพลิเคชันใน Microsoft Store และการจัดอันดับ วิจารณ์ หรือรายงานข้อผิดพลาดที่คุณส่งมาให้ บัญชี Microsoft ของคุณเชื่อมโยงกับการให้คะแนนและรีวิวของคุณ และถ้าคุณเขียนรีวิว ชื่อและรูปจากบัญชี Microsoft ของคุณจะได้รับการเผยแพร่พร้อมกับรีวิวของคุณ Microsoft Store ใช้ภูมิภาคที่กําหนดค่าบนอุปกรณ์ของคุณเพื่อแสดงเนื้อหาและการซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องและมีสิทธิ์ Microsoft Store ใช้ตัวระบุอุปกรณ์ของคุณเพื่อจัดการสิทธิ์ของผลิตภัณฑ์ที่ผูกกับอุปกรณ์ที่ระบุ
สิทธิ์สำหรับแอปต่างๆ ใน Microsoft Store แอปต่างๆ ที่คุณติดตั้งจาก Microsoft Store ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์เฉพาะของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ของคุณ การใช้คุณสมบัติบางอย่างของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของแอปพลิเคชันอาจให้การเข้าถึงข้อมูลของคุณกับแอปพลิเคชันหรือบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น แอปพลิเคชันสำหรับแก้ไขภาพถ่ายอาจเข้าถึงกล้องในอุปกรณ์ของคุณเพื่อให้คุณถ่ายรูปใหม่หรือเข้าถึงภาพถ่ายหรือวิดีโอที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์ของคุณสำหรับทำการแก้ไข และคู่มือแนะนำร้านอาหารอาจใช้ตำแหน่งที่ตั้งของคุณเพื่อแนะนำร้านอาหารที่อยู่ใกล้เคียง ข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่แอปใช้งานจะมีอยู่ในหน้าคำอธิบายผลิตภัณฑ์ของแอปใน Microsoft Store ฟีเจอร์ต่างๆ ที่แอปใน Microsoft Store ใช้สามารถเปิดหรือปิดผ่านการตั้งค่าส่วนบุคคลในอุปกรณ์ของคุณได้ ใน Windows มีหลายกรณีที่คุณสามารถเลือกได้ว่าแอปใดที่สามารถใช้คุณลักษณะเฉพาะนั้นๆ ได้ ไปที่ เริ่มต้น > การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวหรือ&ความปลอดภัยความเป็นส่วนตัว ให้เลือกฟีเจอร์ (เช่น ปฏิทิน) จากนั้นเลือกว่าจะเปิดหรือปิดสิทธิ์ของแอปใด รายชื่อแอปในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Windows ที่สามารถใช้ฟีเจอร์ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะไม่รวมแอปพลิเคชัน "Windows แบบคลาสสิก" และแอปพลิเคชันเหล่านี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งค่าเหล่านี้
การอัปเดตแอป เว้นแต่คุณจะปิดการอัปเดตแอปโดยอัตโนมัติในการตั้งค่า Microsoft Store ที่เกี่ยวข้อง หรือได้รับแอปที่นักพัฒนาแอปจัดทำและอัปเดตไว้ Microsoft Store จะตรวจสอบ ดาวน์โหลด และติดตั้งการอัปเดตแอปโดยอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบว่าคุณมีเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ แอปที่อัปเดตแล้วอาจจะใชฟีเจอร์ของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Windows ที่แตกต่างจากเวอร์ชันก่อนหน้า ซึ่งอาจทำให้แอปสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต่างกันบนอุปกรณ์ของคุณ คุณจะได้รับพร้อมท์เพื่อขอความยินยอม ถ้าแอปที่อัปเดตแล้วเข้าถึงฟีเจอร์บางอย่าง เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบฟีเจอร์ของฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่แอปใช้ได้ โดยการดูหน้าคำอธิบายผลิตภัณฑ์ของแอปใน Microsoft Store
การใช้ข้อมูลของคุณของแอปแต่ละแอปที่เก็บรวบรวมผ่านฟีเจอร์ใดๆ เหล่านี้ของแอปจะขึ้นอยู่กับนโยบายความเป็นส่วนตัวของนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ถ้าแอปพลิเคชันที่มีอยู่ใน Microsoft Store เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ของคุณ นักพัฒนาแอปพลิเคชันจำเป็นต้องให้นโยบายความเป็นส่วนตัว และมีลิงก์สำหรับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่หน้าคำอธิบายผลิตภัณฑ์ของแอปพลิเคชันใน Microsoft Store
แอปพลิเคชันที่โหลดมาโดยตรงและโหมดนักพัฒนา ฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา เช่น การตั้งค่า"โหมดนักพัฒนา"มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการพัฒนาเท่านั้น หากคุณเปิดใช้งานคุณสมบัติสำหรับนักพัฒนา อุปกรณ์ของคุณอาจไม่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่สามารถใช้ได้ และทำให้คุณมีความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัย การดาวน์โหลดหรือรับแอปจากแหล่งที่มาอื่นนอกเหนือจาก Microsoft Store หรือที่เรียกว่าแอป"ที่โหลดมาโดยตรง"อาจทำให้อุปกรณ์และข้อมูลส่วนบุคคลของคุณมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการใช้งานที่ไม่คาดคิดจากแอปต่างๆ นโยบาย การแจ้งเตือน การอนุญาต และคุณสมบัติอื่นๆ ของ Windows มีจุดประสงค์เพื่อช่วยป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณเมื่อแอปพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลของคุณอาจจะไม่ทำงานตามที่อธิบายไว้ในคำชี้แจงสำหรับแอปพลิเคชันที่โหลดมาโดยตรงนี้ หรือเมื่อเปิดใช้งานคุณสมบัติสำหรับนักพัฒนา
Microsoft Start
Microsoft Start (เดิมเรียกว่า MSN หรือ Microsoft News) เป็นบริการเนื้อหาที่มีข่าวสาร สภาพอากาศ กีฬา และการเงิน แอป Microsoft Start พร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึง iOS และ Android บริการ Microsoft Start ยังรวมอยู่ในบริการของ Microsoft อื่นๆ ด้วย รวมถึงเบราว์เซอร์และวิดเจ็ต Microsoft Edge บน Windows
เมื่อคุณติดตั้งแอป Microsoft Start, MSN พยากรณ์อากาศ หรือ Microsoft News เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลที่บอกเราว่าแอปได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้องหรือไม่ วันที่ติดตั้ง เวอร์ชันของแอป และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ เช่น ระบบปฏิบัติการและเบราว์เซอร์ ข้อมูลนี้จะถูกรวบรวมเป็นประจําเพื่อช่วยเราระบุจํานวนผู้ใช้แอปและระบุปัญหาด้านประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้องกับเวอร์ชันระบบปฏิบัติการและเบราว์เซอร์ของแอปที่แตกต่างกัน เมื่อคุณใช้แอปพยากรณ์อากาศ เราจะใช้ตําแหน่งที่ตั้งของคุณเพื่อมอบเนื้อหาพยากรณ์อากาศที่เกี่ยวข้องให้กับคุณ
เรายังเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่คุณโต้ตอบกับเนื้อหาของ Microsoft Start เช่น ความถี่ในการใช้งานและบทความที่ดู เพื่อให้เนื้อหาที่เกี่ยวข้องแก่คุณ Microsoft Start จะมอบประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีขึ้น เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft รวมทั้งช่วยให้คุณสามารถกำหนดสิ่งที่คุณสนใจและรายการโปรดของคุณเองได้ด้วย เราใช้ตําแหน่งที่ตั้งของคุณเพื่อมอบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องให้กับคุณ เช่น สภาพอากาศในท้องถิ่นและข่าวสาร คุณสามารถจัดการการตั้งค่าส่วนบุคคลของคุณได้ในการตั้งค่าของ Microsoft Start และ Bing รวมทั้งในการตั้งค่าบริการอื่นๆ ของ Microsoft ที่รวมบริการ Microsoft Start ไว้ นอกจากนี้ เรายังใช้ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมไว้เพื่อแสดงโฆษณาที่คุณอาจสนใจอีกด้วย คุณสามารถปฏิเสธไม่รับโฆษณาที่อิงตามความสนใจได้ โดยคลิกที่ลิงก์โฆษณาในบริการ Microsoft Start หรือไปที่ หน้าการเลือกไม่รับ ของ Microsoft
MSN การเงินและการลงทุนเวอร์ชันก่อนหน้านี้ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลการเงินส่วนบุคคลจากสถาบันการเงินที่เป็นบุคคลที่สามได้ อนึ่ง MSN การเงินและการลงทุนเพียงแค่แสดงข้อมูลนี้เท่านั้น และไม่ได้จัดเก็บข้อมูลนี้ไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของเรา บริการจะเข้ารหัสลับข้อมูลประจำตัวในการลงชื่อเข้าสู่ระบบของคุณซึ่งบุคคลที่สามใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลการเงินของคุณบนอุปกรณ์ของคุณ และไม่ได้ส่งให้กับ Microsoft สถาบันการเงินเหล่านี้ รวมถึงบริการอื่นๆ จากบุคคลที่สามที่คุณเข้าถึงผ่านทางบริการ MSN อยู่ภายใต้ข้อกำหนดและนโยบายความเป็นส่วนตัวของสถาบันและบุคคลที่สามเหล่านั้น
Silverlight
Microsoft Silverlight ช่วยให้คุณเข้าถึงและเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาที่มีลูกเล่นบนเว็บ Silverlight ให้เว็บไซต์และบริการต่างๆ สามารถจัดเก็บข้อมูลในอุปกรณ์ของท่านได้ คุณสมบัติ Silverlight อื่นๆ ประกอบด้วยการเชื่อมต่อไปยังไมโครซอฟท์เพื่อรับอัปเดต หรือเชื่อมต่อไปยังบริการของ Microsoft หรือของบุคคลที่สามเพื่อเล่นเนื้อหาดิจิทัลที่ได้รับการป้องกัน
เครื่องมือกำหนดค่า Silverlight คุณสามารถตัดสินใจเลือกเกี่ยวกับคุณสมบัติเหล่านี้ได้ในเครื่องมือการกำหนดค่า Silverlight หากต้องการเข้าถึงเครื่องมือการกำหนดค่า Silverlight ให้คลิกขวาที่เนื้อหาที่กำลังแสดงโดย Silverlight ในขณะนั้น และเลือก Silverlight ท่านยังสามารถเรียกใช้เครื่องมือการกำหนดค่า Silverlight ได้โดยตรงอีกด้วย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเข้าถึงเครื่องมือดังกล่าวได้โดยการค้นหา "Microsoft Silverlight" ใน Windows ได้
Silverlight Application Storage แอปพลิเคชันที่ทำงานบน Silverlight สามารถจัดเก็บไฟล์ข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านสำหรับวัตถุประสงค์ที่หลากหลายด้วยกัน รวมทั้งการบันทึกการตั้งค่าแบบกำหนดเองของท่าน การเก็บไฟล์ขนาดใหญ่สำหรับคุณสมบัติที่ใช้กราฟิกอย่างมาก (เช่น เกม แผนที่ และรูปภาพ) และการจัดเก็บเนื้อหาที่ท่านสร้างขึ้นในแอปพลิเคชันบางอย่าง คุณสามารถปิดหรือกำหนดค่าที่เก็บแอปพลิเคชันได้ในเครื่องมือการกำหนดค่า Silverlight
การอัปเดต Silverlight Silverlight จะตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft เป็นระยะๆ สำหรับอัปเดตต่างๆ เพื่อให้คุณสมบัติและการปรับปรุงล่าสุดแก่ท่าน และจะทำการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดเล็กที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเวอร์ชันล่าสุดของ Silverlight ไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณและเปรียบเทียบกับเวอร์ชันปัจจุบันที่ติดตั้งอยู่ของคุณ หากมีเวอร์ชันที่ใหม่กว่าพร้อมใช้งาน เวอร์ชันนั้นจะถูกดาวน์โหลดและติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณสามารถปิดหรือกำหนดค่าการอัปเดตได้ในเครื่องมือการกำหนดค่า Silverlight
ระบบจัดการลิขสิทธิ์ดิจิทัล Silverlight ใช้เทคโนโลยีระบบจัดการลิขสิทธิ์ดิจิทัล (DRM) ของไมโครซอฟท์ เพื่อช่วยปกป้องลิขสิทธิ์ของเจ้าของเนื้อหา ถ้าคุณเข้าถึงเนื้อหาที่มีการป้องกันจาก DRM (เช่น เพลงหรือวิดีโอ) ด้วย Silverlight ปลั๊กอินนี้จะขอสิทธิ์ในการใช้งานสื่อจากเซิร์ฟเวอร์ที่มีลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ประสบการณ์การเล่นที่ต่อเนื่อง คุณจะได้รับการแจ้งก่อนที่ Silverlight จะส่งคำร้องขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีลิขสิทธิ์ เมื่อร้องขอสิทธิ์ในการใช้งานสื่อ Silverlight จะให้เซิร์ฟเวอร์ที่มีลิขสิทธิ์ที่มีรหัสสำหรับไฟล์เนื้อหาที่มีการป้องกันจาก DRM และข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับคอมโพเนนต์ของ DRM ในอุปกรณ์ของคุณ เช่น ระดับการตรวจทานแก้ไขและการรักษาความปลอดภัย และรหัสเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ของคุณ
การอัปเดต DRM ในบางกรณี การเข้าถึงเนื้อหาที่มีการป้องกันจาก DRM ต้องการการอัปเดตไปยัง Silverlight หรือไปยังคอมโพเนนต์ของ DRM ในอุปกรณ์ของคุณ เมื่อคุณพยายามที่จะเล่นเนื้อหาที่ต้องการการอัปเดตของ DRM Silverlight จะส่งคำร้องขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ Microsoft ที่มีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับคอมโพเนนต์ของ DRM ในอุปกรณ์ของคุณ เช่น ระดับการตรวจทานแก้ไขและการรักษาความปลอดภัย ข้อมูลการแก้ไขปัญหา และรหัสเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ของคุณ เซิร์ฟเวอร์ Microsoft จะใช้รหัสนี้ในการส่งการอัปเดตเฉพาะของ DRM กลับไปยังอุปกรณ์ของคุณ ซึ่ง Silverlight จะทำการติดตั้งต่อไป คุณสามารถปิดหรือกำหนดค่าการอัปเดตคอมโพเนนต์ของ DRM ได้ที่แท็บ เล่น ในเครื่องมือการกำหนดค่า Silverlight
Windows Mixed Reality
Windows Mixed Reality จะทำให้คุณเปิดใช้งานประสบการณ์ใช้งานเสมือนจริงให้กับคุณในแอปและเกม ความเป็นจริงผสมใช้งานกล้องของชุดหูฟัง ไมโครโฟน และเซนเซอร์อินฟราเรดของที่เข้ากันได้เพื่อเปิดใช้งานการเคลื่อนไหวและเสียงที่จะใช้ในการควบคุมการเล่นเกมและการนำทางไปยังแอปและเกม
Microsoft จะเก็บรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยเพื่อแก้ไขปัญหาและเพื่อทำให้ความเป็นจริงผสมใช้งานใน Windows ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และทันสมัยอยู่เสมอ ข้อมูลการวินิจฉัยยังช่วยให้เราปรับปรุงความเป็นจริงผสมและผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ที่เกี่ยวข้องโดยขึ้นอยู่กับการตั้งค่าข้อมูลการวินิจฉัยที่คุณได้เลือกไว้สำหรับอุปกรณ์ของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการวินิจฉัย Windows
ความเป็นจริงผสมประมวลผลและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงผสม เช่น:
- ความเป็นจริงผสมจะทำการแมประยะห่างระหว่างข้อต่อต่างๆ ของร่างกายของคุณเพื่อสร้างภาพเสมือนโครงร่างบุคคลของตัวคุณขึ้นมา ถ้าคุณกำลังเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เราจะรวบรวมค่าตัวเลขเหล่านั้นเพื่อเปิดใช้งานและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของคุณ
- ความเป็นจริงผสมจะตรวจจับท่าทางเฉพาะของมือเพื่อดำเนินการโต้ตอบกับระบบอย่างง่าย (เช่น การนำทางเมนู การย่อ/ขยาย และการเลื่อน) การประมวลผลข้อมูลนี้จะดำเนินการบนพีซีของคุณและไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้
- ไมโครโฟนของชุดหูฟังเปิดใช้งานคำสั่งเสียงสำหรับการควบคุมเกม แอป หรือเมื่อต้องการใส่คำที่ใช้ค้นหา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลเสียง
- Windows Mixed Reality ยังสามารถใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารด้วยเสียงและวิดีโอผ่านทางบริการต่างๆ ได้ เช่น Skype