This is the Trace Id: e2cbc0811da7cef1b0f908a3e922b27f
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
Copilot
ผู้หญิงกำลังถือแล็ปท็อป

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI สำหรับธุรกิจสมัยใหม่

เรียนรู้ว่าระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI สนับสนุนประสิทธิภาพ นวัตกรรม และการเติบโตอย่างไร รวมถึงวิธีการใช้ AI เพื่อทำให้การดำเนินงานง่ายขึ้นและปรับขนาดองค์กรของคุณอย่างชาญฉลาด

ภาพรวมระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจโดยการทำให้งานง่ายขึ้น ซึ่งลดการดำเนินการด้วยตนเองและเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการดำเนินกระบวนการที่ต้องทำซ้ำๆ โดยอัตโนมัติและการส่งเสริมการตัดสินใจ AI จึงสามารถช่วยให้องค์กรมีความเร็ว ความแม่นยำ และนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

ประเด็นสำคัญ

  • ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ใช้ปัญญาประดิษฐ์ เช่น การเรียนรู้ของเครื่องและการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ในการทำงานประจำและทำให้กระบวนการง่ายขึ้น
  • ซึ่งสนับสนุนฟังก์ชันธุรกิจต่างๆ รวมถึงการบริการลูกค้า การตลาด การจัดการห่วงโซ่อุปทาน และทรัพยากรบุคคล
  • วิธีการนี้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดข้อผิดพลาด และลดต้นทุน พร้อมกับช่วยให้ทีมโฟกัสกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ได้
  • ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ช่วยให้ผู้นำตัดสินใจอย่างมีข้อมูลและคาดการณ์ความต้องการทางธุรกิจได้
  • ซึ่งขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตโดยการเปิดโอกาสให้มีการสำรวจเชิงสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ
  • แนวปฏิบัติด้าน AI ที่มีจริยธรรมและมาตรการด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่มีเสถียรภาพเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความไว้วางใจและรับรองการนำไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ
  • โซลูชัน AI มีระบบที่ปรับขนาดและปรับตัวได้ ซึ่งพัฒนาตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และแตกต่างจากเทคโนโลยีที่ล้าสมัยและตายตัว

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI คืออะไร

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI หมายถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อทำงาน ดำเนินการ หรือทำให้กระบวนการที่ต้องมีการดำเนินการจากมนุษย์ง่ายขึ้น ซึ่งรวมเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติเข้ากับความสามารถของ AI ต่างๆ เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ การเรียนรู้ของเครื่อง และคอมพิวเตอร์วิทัศน์เพื่อช่วยให้องค์กรดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลิตภาพมากขึ้น

แก่นแท้ของ AI ช่วยให้ผู้คนมีประสิทธิภาพโดยลดการทำงานซ้ำซาก ปรับปรุงความแม่นยำ และสร้างพื้นที่สำหรับความคิดที่มีมูลค่าสูงขึ้น แทนที่จะเข้ามาแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ ทั้ง AI และระบบอัตโนมัติช่วยส่งเสริมการตัดสินใจดังกล่าว เมื่อองค์กรเผชิญกับแรงกดดันในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและปรับขนาด ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI วางรากฐานสำหรับการดำเนินงานที่ชาญฉลาด รวดเร็ว และมีเสถียรภาพมากขึ้น

การนำระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI มาใช้เป็นความท้าทายทั้งทางเทคนิคและเชิงกลยุทธ์ ธุรกิจที่เข้าใจและนำระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI มาใช้อย่างรอบคอบมักจะมีความพร้อมในการปรับตัว ขยายตัว และเป็นผู้นำในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปที่ดียิ่งขึ้น

เหตุใดถึงต้องใช้ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI มอบความคุ้มค่าในทันทีและในระยะยาวทั่วทั้งองค์กรของคุณ ซึ่งมีประโยชน์หลักๆ ได้แก่:
 
  • ประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ช่วยให้ผู้คนทำงานประจำวันได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก หรือการตอบคำถามของลูกค้า ซึ่งทำให้มีเวลาสำหรับงานเชิงกลยุทธ์ สร้างสรรค์ และการมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น

  • ความแม่นยำที่ได้รับการปรับปรุง ระบบ AI มีความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตามกฎ ตรวจจับสิ่งผิดปกติ และแจ้งปัญหา ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานด้วยตนเอง และช่วยให้ทีมสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้นโดยต้องทำงานซ้ำน้อยลง

  • การประหยัดต้นทุน การทำให้เวิร์กโฟลว์ที่ต้องทำซ้ำๆ เป็นอัตโนมัติช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานได้โดยลดความจำเป็นในการกำกับดูแลด้วยตนเองและลดระยะเวลาหยุดทำงาน เงินที่ประหยัดได้เหล่านี้สามารถนำไปลงทุนใหม่เพื่อการเติบโตและนวัตกรรมได้

  • ความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ทำให้ปรับขนาดการดำเนินงานและปรับตัวตามความต้องการทางธุรกิจใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนการหลัก

  • ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น เวลาตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น การโต้ตอบแบบส่วนตัว และการให้บริการที่สอดคล้องกัน ล้วนส่งผลให้ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

ข้อดีของระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างองค์กรที่ตอบสนองได้รวดเร็ว ยืดหยุ่น และพร้อมสำหรับอนาคต

การใช้งานหลักของระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI พลิกโฉมวิธีการทำงานในฟังก์ชันธุรกิจต่างๆ การผสานรวมเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI เข้ากับกระบวนการประจำวันช่วยกระจายประโยชน์ไปทั่วทั้งองค์กร

ต่อไปนี้คือพื้นที่สำคัญบางส่วนที่ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลง
 
  • บริการลูกค้า: แชทบอทที่ขับเคลื่อนโดย AI และตัวแทนเสมือนช่วยให้ทีมตอบคำถามของลูกค้าได้ตลอดเวลา แก้ไขปัญหาทั่วไป ส่งต่อกรณีที่ซับซ้อน และให้การสนับสนุนที่สม่ำเสมอในทุกช่องทางด้วยเครื่องมือเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น Microsoft Copilot ใน Dynamics 365 Customer Service ช่วยให้เอเจนต์ค้นหาคำตอบได้เร็วขึ้นและปรับคำตอบตามบริบทในเวลาจริง
     
  • การตลาด:การใช้ AI เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้า ปรับเนื้อหาให้เป็นแบบเฉพาะบุคคล และดำเนินแคมเปญช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพให้กับแผนกการตลาด เครื่องมือต่างๆ เช่น Dynamics 365 Customer Insights จะวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกและดำเนินเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติเพื่อให้ทีมการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ถูกต้องด้วยข้อความที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม
     
  • การจัดการห่วงโซ่อุปทาน: AI ช่วยปรับปรุงการมองเห็น คาดการณ์การหยุดชะงัก และปรับลอจิสติกส์ให้เหมาะสม ทำให้ปรับตัวตามสภาพและความต้องการของห่วงโซ่อุปทานที่เปลี่ยนไปได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ความสามารถที่ขับเคลื่อนโดย AI ในโซลูชัน ERP ของ Dynamics 365 ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ความต้องการ การติดตามสินค้าคงคลัง และการประสานงานกับผู้จำหน่าย ช่วยให้องค์กรสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ราบรื่นและปรับตัวได้มากขึ้น
     
  • ทรัพยากรบุคคล: ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI สนับสนุนการสรรหาบุคลากร การเตรียมความพร้อมให้พนักงานใหม่ และการมีส่วนร่วมของพนักงาน เครื่องมือที่มี AI ช่วยเหลือต่างๆ เช่น Copilot ใน Dynamics 365 Human Resources ช่วยให้ทีม HR ระบุผู้สมัครที่มีคุณสมบัติ ทำให้งานประจำวันง่ายขึ้น และสร้างประสบการณ์ของพนักงานที่เป็นแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น 
     
  • การดำเนินการด้านไอที: ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ช่วยให้แผนกไอทีลดการดำเนินการด้วยตนเอง ปรับปรุงความน่าเชื่อถือของบริการ และจัดการสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวทางหนึ่งก็คือการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ผสมผสาน AI เครื่องมือแบบ Low-Code และกระบวนการทำงานอัตโนมัติโดยหุ่นยนต์เพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจและไอทีต่างๆ เป็นอัตโนมัติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โซลูชันการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงช่วยทำให้เวิร์กโฟลว์ด้านไอทีง่ายขึ้น รวมถึงการคัดกรองตั๋ว การจัดเตรียมผู้ใช้ รวมถึงการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบ
AI มอบเครื่องมือที่ดีกว่าเพื่อให้ผู้คนในทุกแผนกทำงานได้ดีที่สุด โดยไม่เข้ามาแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ ด้วยการทำงานประจำวันโดยอัตโนมัติและการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกในเวลาที่ต้องการมากที่สุด ทำให้ AI สามารถช่วยให้ทีมโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญได้

การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วย AI

ผู้คนต้องการการโต้ตอบที่รวดเร็ว เป็นส่วนตัว และสอดคล้องกันตามที่พวกเขาต้องการ ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ช่วยตอบสนองความคาดหวังเหล่านั้นได้โดยทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าตอบสนองได้ดีขึ้น มีความเกี่ยวข้อง และใช้งานง่ายมากขึ้น

เครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย AI ต่างๆ เช่น แชทบอท ผู้ช่วยเสมือน และเอเจนต์ AI จะจัดการคำถามทั่วไป แนะนำผู้คนในงานที่ซับซ้อน และส่งต่อปัญหาให้กับเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์เมื่อจำเป็น เครื่องมือเหล่านี้ทำงานอยู่เสมอและเรียนรู้ตลอดเวลา ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพบริการให้ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เอเจนต์ AI มักถูกสร้างขึ้นให้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุน เพื่อรวบรวมบริบท แนะนำการดำเนินการ และช่วยให้แก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น ทีมสนับสนุนตอบกลับได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นด้วยข้อมูลสรุปที่เป็นประโยชน์ การตอบกลับที่แนะนำ และการค้นหาความรู้ในเวลาจริงด้วย Copilot ใน Dynamics 365 Customer Service

การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ด้วยการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของลูกค้า AI จึงสามารถช่วยระบุสิ่งที่ลูกค้าอาจต้องการก่อนที่พวกเขาจะสอบถามได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความติดตามผล การแจ้งเตือนบริการ หรือคำแนะนำผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนเชิงรุกชนิดนี้ช่วยสร้างความไว้วางใจและความภักดี

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วย:
 
  • เวลาในการแก้ปัญหาที่เร็วยิ่งขึ้นด้วยการสนับสนุนเสมือนทุกวันตลอด 24 ชม.
     
  • การโต้ตอบที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นโดยอิงจากข้อมูลเชิงลึกในเวลาจริง
     
  • การกำหนดเส้นทางบริการที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นเพื่อจับคู่ลูกค้ากับทรัพยากรที่เหมาะสม
     
  • การเข้าถึงเชิงรุกที่คาดการณ์ความต้องการและติดตามผลโดยอัตโนมัติ

การตัดสินใจที่มีข้อมูลรองรับ

ธุรกิจสมัยใหม่สร้างข้อมูลมากกว่าที่เคยเป็นมา ทำให้การทำความเข้าใจข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นเรื่องท้าทาย ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ช่วยเปลี่ยนข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนและดำเนินการได้ ซึ่งสนับสนุนการตัดสินใจที่รวดเร็วและมั่นใจมากขึ้นทั่วทั้งองค์กร

เมื่อใช้แอปที่ขับเคลื่อนโดย AI ทีมจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทั้งที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างจำนวนมากได้ในเวลาจริง เครื่องมือเหล่านี้ระบุแนวโน้ม เปิดเผยรูปแบบที่ซ่อนอยู่ และรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่อาจถูกมองข้ามไป แทนที่จะพึ่งพาการรายงานด้วยตนเองหรือสัญชาตญาณ ผู้มีอำนาจตัดสินใจจะดำเนินการโดยอาศัยหลักฐานที่ได้รับการยืนยันจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในระบบ ทีม และลูกค้า

การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เป็นส่วนสำคัญของวิธีการนี้ โมเดล AI ใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคต ช่วยให้ทีมคาดการณ์ความต้องการ จัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยง ในสาขาต่างๆ เช่น การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การคาดการณ์ยอดขาย และการรักษาลูกค้า การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ ช่วยให้องค์กรมีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน

เมื่อใช้ AI องค์กรสามารถรับประโยชน์จาก:
 
  • การคาดการณ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นซึ่งช่วยให้ทีมวางแผนได้อย่างมั่นใจ
     
  • วงจรการรายงานที่เร็วขึ้นด้วยแดชบอร์ดและการแสดงข้อมูลเป็นภาพในเวลาจริง
     
  • การแจ้งเตือนเชิงรุกที่ระบุประเด็นเล็กๆ ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้น
     
  • การจัดสรรทรัพยากรที่ดีขึ้นตามรูปแบบความต้องการหรือข้อมูลประสิทธิภาพการทำงาน
ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ช่วยในการตัดสินใจในสองวิธี: เร่งการวิเคราะห์และเพิ่มคุณภาพของข้อมูลเชิงลึกสำหรับผู้ตัดสินใจ ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแผนกและนำเสนอตามบริบท ทำให้ AI ช่วยให้ผู้นำโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดและดำเนินการด้วยความชัดเจนได้

ประสิทธิภาพในการดำเนินงานและระบบอัตโนมัติ

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ถือเป็นวิธีปฏิบัติในการทำให้การดำเนินงานง่ายขึ้นและลดภาระของงานซ้ำซากที่ต้องทำด้วยตนเอง จึงช่วยให้ผู้คนและธุรกิจทำสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น ทำงานอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น และรักษาความสม่ำเสมอได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานควบคู่กับเครื่องมือ เช่น กระบวนการทำงานอัตโนมัติโดยหุ่นยนต์ (RPA) และเวิร์กโฟลว์อัจฉริยะ

RPA ใช้ซอฟต์แวร์บอทในการเลียนแบบการกระทำซ้ำๆ ของมนุษย์ เช่น การป้องข้อมูล การอัปเดตระบบ หรือการประมวลผลใบแจ้งหนี้ เมื่อรวมกับ AI บอทจะปรับตัวได้มากขึ้นและสามารถจัดการข้อยกเว้นต่างๆ เรียนรู้จากรูปแบบ และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เวิร์กโฟลว์อัจฉริยะก้าวไปอีกขั้นด้วยการเชื่อมต่อระบบ ข้อมูล และการตัดสินใจในแผนกต่างๆ

ต่อไปนี้คือลักษณะของการทำงาน:
 
  • ทีมการเงินใช้ AI เพื่อดำเนินการจับคู่ใบแจ้งหนี้ การตรวจหาการฉ้อโกง และการรายงานทางการเงินโดยอัตโนมัติ
     
  • ทีมปฏิบัติการสร้างเวิร์กโฟลว์อัจฉริยะที่กำหนดเส้นทางงานโดยอัตโนมัติและแสดงการแจ้งเตือนเมื่อมีข้อยกเว้นเกิดขึ้น
     
  • ทีมไอทีลดปริมาณตั๋วการสนับสนุนโดยการดำเนินการตรวจสอบระบบทั่วไปและขั้นตอนการแก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ
ธุรกิจที่นำระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI มาใช้มักจะมีเวลาตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น ข้อผิดพลาดน้อยลง และมีเวลาสำหรับงานที่มีผลกระทบอย่างสูงมากขึ้น

คู่มือในการเริ่มต้นใช้งานระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI

วิธีการที่รอบคอบทำให้นำระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI มาใช้ได้ง่ายขึ้น ต่อไปนี้คือเส้นทางง่ายๆ ที่ควรทำตามเพื่อสร้างธุรกิจของคุณด้วย AI:
 
  1. ระบุงานที่มีปริมาณมากและซ้ำซากซึ่งปฏิบัติตามกฎที่ชัดเจน
     
  2. เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมตามความซับซ้อนของงาน เช่น RPA สำหรับเวิร์กโฟลว์ที่มีโครงสร้างและเครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย AI สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจหรือความแปรปรวน
     
  3. เริ่มต้นด้วยโครงการนำร่องในทีมหรือแผนกเดียวเพื่อทดสอบผลลัพธ์และปรับปรุงวิธีการ
     
  4. วัดผลกระทบโดยการติดตามการประหยัดเวลา อัตราข้อผิดพลาด และคำติชมของพนักงาน
     
  5. ค่อยๆ ขยายเมื่อทีมมั่นใจมากขึ้นและมีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้น
การปรับใช้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาจริง ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาใช้เพียงเพื่อใช้ประโยชน์ เมื่อเริ่มนำระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ไปใช้อย่างรอบคอบ จะเพิ่มศักยภาพให้ผู้คนทำงานได้ดียิ่งขึ้นและสร้างแรงกระตุ้นสำหรับนวัตกรรมที่กว้างขวางยิ่งขึ้น

สำหรับการเจาะลึกว่าผู้นำด้านไอทีนำการปรับใช้ AI ที่ประสบความสำเร็จทั่วทั้งองค์กรได้อย่างไร ให้อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชื่อว่า ข้อได้เปรียบของ CIO: นวัตกรรมที่รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย AI และ Low-Code

นวัตกรรมและการเติบโตด้วย AI

ด้วยการทลายอุปสรรคทุกระดับ การเร่งความเร็วในการทดลอง และการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ ทำให้ AI สามารถมอบพื้นที่ให้องค์กรปฏิรูปวิธีการดำเนินงานและสิ่งที่พวกเขานำเสนอได้

ในทุกอุตสาหกรรม ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI กำลังช่วยให้ผู้นำสำรวจโมเดลธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ต่อไปนี้คือวิธีการใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคส่วนต่างๆ:

1. การค้าปลีก
  • การให้แนะนำผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคลตามพฤติกรรมของลูกค้าในเวลาจริง
  • การจัดการสินค้าคงคลังอัตโนมัติที่ปรับตัวตามความต้องการที่เปลี่ยนไป
  • เอเจนต์ที่ขับเคลื่อนโดย AI ที่รองรับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่มีการแนะนำ
2. การดูแลสุขภาพ
  • การวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ที่รวดเร็วขึ้นเพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยในระยะเริ่มต้น
  • เครื่องมือการคัดกรองและตรวจสอบอาการผู้ป่วยที่มี AI ช่วยเหลือ
  • เวิร์กโฟลว์งานธุรการอัตโนมัติเพื่อลดเอกสารและปรับปรุงกระบวนการดูแลผู้ป่วย
3. การผลิต
  • การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ช่วยป้องกันความล้มเหลวของอุปกรณ์
  • การควบคุมคุณภาพที่มี AI ช่วยเหลือผ่านการรู้จำภาพและการวิเคราะห์รูปแบบ
  • การวางแผนการผลิตที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นโดยใช้ข้อมูลห่วงโซ่อุปทานและความต้องการในเวลาจริง
4. บริการทางการเงิน
  • การตรวจจับการฉ้อโกงโดยใช้โมเดล AI ที่ระบุกิจกรรมที่ผิดปกติ
  • คำแนะนำทางการเงินเฉพาะบุคคลสำหรับลูกค้าทุกระดับ
  • การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อบังคับโดยอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงความพร้อมในการตรวจสอบ

นวัตกรรมไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เสมอไป บ่อยครั้งที่นวัตกรรมเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เช่น การทดสอบไอเดียใหม่ๆ การปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ หรือการค้นพบข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ช่วยให้ทีมดำเนินการได้เร็วขึ้น และนำไอเดียมาปฏิบัติจริงโดยมีความเสี่ยงน้อยลงและชัดเจนมากขึ้น

AI สร้างพื้นที่ให้เกิดความก้าวหน้าที่สำคัญได้ ด้วยการลดภาระงานที่ต้องทำด้วยตนเองและขยายขอบเขตการทำงานที่เป็นไปได้ด้วยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า การเปิดตัวบริการใหม่ หรือการสำรวจวิธีการทำงานใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

โซลูชัน AI สมัยใหม่เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณได้อย่างไร

เมื่อความต้องการทางธุรกิจเปลี่ยนไป เครื่องมือที่ตอบสนองความต้องการดังกล่าวต้องตามให้ทัน ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI มีระดับความสามารถในการปรับขนาดที่ระบบดั้งเดิมไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ผสานรวมกับแพลตฟอร์มสมัยใหม่ได้อย่างง่ายดาย และยังคงพัฒนาอยู่เรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อเรียนรู้จากข้อมูลใหม่ๆ

โซลูชันทางธุรกิจที่ใช้ AI ได้รับการออกแบบมาเพื่อเติบโตควบคู่ไปกับองค์กร ซึ่งต่างจากระบบเดิมที่มักต้องพึ่งพากฎที่แน่นอน การอัปเดตด้วยตนเอง หรือเวิร์กโฟลว์ที่กำหนดค่าตายตัว อีกทั้งยังตอบสนองต่อข้อมูลใหม่ๆ ปรับขนาดปริมาณงานโดยอัตโนมัติ และปรับตัวตามสภาพที่เปลี่ยนไปโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI สนับสนุนการดำเนินงานที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้โดยช่วยในการ:
 
  • จัดการปริมาณงานแบบไดนามิกที่ปรับขนาดโดยอัตโนมัติตามการใช้งาน ไม่ว่าคุณจะประมวลผลคำขอ 10 หรือ 10,000 รายการก็ตาม
     
  • ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงผ่านโมเดลที่สามารถฝึกฝนใหม่หรือแก้ไขตามลำดับความสำคัญ กฎระเบียบ หรือความต้องการของลูกค้าที่เกิดขึ้นใหม่ได้
     
  • ผสานรวมกับแพลตฟอร์มระบบคลาวด์เพื่อทำให้การขยายตัวในทีม ภูมิภาค หรือหน่วยธุรกิจต่างๆ รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น
ในทางกลับกัน เครื่องมือระบบอัตโนมัติที่ล้าสมัยมักจะประสบปัญหา:
 
  • การกำหนดค่าที่เข้มงวดซึ่งต้องใช้การสนับสนุนด้านไอทีสำหรับการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง
     
  • การผสานรวมที่จำกัดในระบบหรือแหล่งข้อมูลที่ทันสมัย
     
  • เวลาตอบสนองช้ากว่าเมื่อเผชิญกับปัญหาความใช้งานสูง

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI มอบความยืดหยุ่นในการทดลอง ขยายตัว และปรับตัวให้กับธุรกิจ โดยไม่มีความยุ่งยากเหมือนกับเครื่องมือดั้งเดิม ไม่ว่าคุณจะปรับขนาดกระบวนการเดียวหรือเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานทั่วโลก AI ก็สามารถวางรากฐานที่พัฒนาไปพร้อมกับคุณได้

AI ที่มีจริยธรรมและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

แนวปฏิบัติที่มีจริยธรรมและการปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่รัดกุมถือเป็นรากฐานในการรักษาความไว้วางใจกับลูกค้า พนักงาน และคู่ค้า เมื่อระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI รวมเข้ากับการดำเนินงานประจำวันมากขึ้น การสร้างและใช้งานระบบเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ

AI ที่รับผิดชอบเริ่มต้นด้วยความโปร่งใส นั่นหมายถึงการออกแบบระบบที่สามารถเข้าใจได้ ยุติธรรม และมีความรับผิดชอบ เครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย AI ควรสนับสนุนการตัดสินใจของมนุษย์ ไม่ใช่เข้ามาแทนที่ โดยควรแสดงให้เห็นถึงคุณค่าทางจริยธรรม หลีกเลี่ยงอคติ และดำเนินการภายใต้ขอบเขตที่ชัดเจนเพื่อปกป้องบุคคลและสังคม

ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลก็สำคัญไม่แพ้กัน ระบบ AI ต้องพึ่งพาข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการปกป้องข้อมูลดังกล่าว โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ องค์กรต้องมั่นใจว่าการนำ AI มาใช้เป็นไปตามกฎระเบียบเฉพาะภูมิภาคและอุตสาหกรรม เช่น ข้อบังคับทั่วไปเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล

หากต้องการสร้างโซลูชัน AI ที่มีจริยธรรมและคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว องค์กรควร:
 
  • ใช้ข้อมูลตัวอย่างคุณภาพสูงเพื่อลดอคติในผลลัพธ์ของ AI
     
  • ออกแบบเพื่อความโปร่งใสเพื่อให้ทุกคนเข้าใจวิธีการตัดสินใจ
     
  • รักษาการควบคุมโดยมนุษย์ในกระบวนการอัตโนมัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีผลกระทบอย่างสูง
     
  • รักษาความปลอดภัยของข้อมูลตลอดวงจรการใช้งานด้วยการกำกับดูแล การควบคุมการเข้าถึง และการเข้ารหัสลับ
     
  • ติดตามกฎระเบียบที่พัฒนาขึ้นอยู่เสมอและปรับแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบดังกล่าว

เมื่อ AI ถูกพัฒนาขึ้นและนำไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ จะช่วยสร้างความมั่นใจ ไม่เพียงแค่ในด้านเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงความซื่อสัตย์ขององค์กรที่ใช้อีกด้วย

Microsoft ใช้แนวทางตามหลักการด้าน AI ที่รับผิดชอบ วางรากฐานเพื่อความยุติธรรม ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ความครอบคลุม ความโปร่งใส และความรับผิดชอบ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางด้าน AI ที่รับผิดชอบของ Microsoft

ความท้าทายของระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI และวิธีการเอาชนะ

แม้ว่าประโยชน์ของระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI จะชัดเจน แต่หลายองค์กรยังคงเผชิญกับความท้าทายในการนำไปใช้จริงในช่วงเริ่มต้น ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เมื่อมีกลยุทธ์และการสนับสนุนที่เหมาะสม จะสามารถจัดการกับความท้าทายด้าน AI ในลักษณะที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและประสบความสำเร็จมากขึ้นได้

ความท้าทายที่พบบ่อยบางส่วนมีดังนี้:
 
  • ต้นทุนการนำมาใช้สูง การลงทุนล่วงหน้ากับเครื่องมือ โครงสร้างพื้นฐาน หรือการจัดการการเปลี่ยนแปลงอาจฟังดูน่ากลัว โดยเฉพาะสำหรับทีมหรือองค์กรขนาดเล็ก
     
  • การผสานรวมกับเครื่องมือที่มีอยู่เดิม ธุรกิจมากมายพึ่งพาซอฟต์แวร์เก่า ทำให้เชื่อมต่อโซลูชัน AI ใหม่โดยไม่ทำให้การดำเนินงานหยุดชะงักได้ยาก
     
  • ขาดความเชี่ยวชาญด้าน AI การสร้าง การปรับใช้งาน และการจัดการระบบ AI มักต้องใช้ทักษะเฉพาะทางที่อาจไม่สามารถหาได้ในองค์กร
     
องค์กรต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างประสบความสำเร็จดังนี้:
 
  • เริ่มต้นเล็กๆ และค่อยๆ ปรับขนาด โครงการนำร่องช่วยให้ทีมสามารถทดสอบระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ในพื้นที่ที่โฟกัส วัดผลลัพธ์ และปรับปรุงแนวทางก่อนจะขยายไปในวงกว้างมากขึ้น
     
  • เลือกเครื่องมือที่ยืดหยุ่นและทำงานร่วมกันได้ มองหาแพลตฟอร์ม AI ที่ออกแบบมาให้ผสานรวมเข้ากับระบบคุณมีอยู่ได้ โดยใช้ API และตัวเชื่อมต่อมาตรฐานเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานซ้ำซ้อน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมว่าโซลูชันแบบ Low-Code สามารถสนับสนุนความยืดหยุ่นทุกระดับได้อย่างไร ให้ดาวน์โหลดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์คู่มือสู่ Low-Code สำหรับ CIO: นอกเหนือจากปัญหาการขาดแคลนนักพัฒนา
     
  • ลงทุนกับการฝึกอบรมและความร่วมมือ การพัฒนาทักษะให้กับทีมภายในและการทำงานร่วมกับคู่ค้าด้านเทคโนโลยีช่วยอุดช่องโหว่ด้านความรู้และเร่งการนำไปใช้ Microsoft มีทรัพยากรการเรียนรู้และใบรับรองมากมายเพื่อสนับสนุนความพร้อมในด้านต่างๆ เช่น AI
     
  • มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ วางรากฐานการนำไปใช้ของคุณด้วยความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาที่คุณกำลังแก้ไข วิธีนี้จะช่วยจัดลำดับความสำคัญของรูปแบบการใช้ที่เหมาะสมและสร้างการสนับสนุนในทีมต่างๆ
     
เส้นทางของแต่ละองค์กรสู่ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ล้วนแตกต่างกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการวางรากที่รอบคอบ ปรับเปลี่ยนได้ และสอดคล้องกับเป้าหมายที่กว้างขึ้นของคุณ

ผลกระทบในโลกจริงของระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI

องค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ กำลังได้รับผลลัพธ์ที่วัดได้ เช่น ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและการประหยัดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ จากการใช้ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ต่อไปนี้คือเรื่องราวบางส่วนจากลูกค้าจริงของ Microsoft ที่แสดงให้เห็นว่า AI ช่วยให้ธุรกิจปรับตัว ขยายตัว และมอบผลลัพธ์ที่ดีกว่าได้อย่างไร
 
  • ERGO Insurance ซึ่งตั้งอยู่ในกรีซ เปิดตัวผู้ช่วยเสมือนที่ขับเคลื่อนโดย AI ชื่อว่า Χαρά (Joy) โดยใช้ Microsoft Azure ผู้ช่วยช่วยให้ลูกค้าสามารถต่ออายุกรมธรรม์ ชำระเงิน และรับการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจัดการการสอบถามได้ถึง 60% การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าและทำให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการจัดการกับกรณีที่ซับซ้อนกว่า “การบรรลุอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 85 เปอร์เซ็นต์จากการสนทนาที่เริ่มต้นผ่านตัวแทนเสมือนถือเป็นสัญญาณที่ยอดเยี่ยม” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ของเรามีความสุขกับการโต้ตอบเหล่านี้” Rea Theleriti ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของ ERGO Greece กล่าว
     
  • The Hanover Insurance Group เปิดตัวแนวทางปฏิบัติด้านระบบอัตโนมัติขององค์กรเพื่อขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ที่มีเสถียรภาพและปรับขนาดได้ในทุกส่วนของธุรกิจ “เป้าหมายของเราคือการสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม” Mukul Talwar รองประธานฝ่ายกลยุทธ์และบริการระบบอัตโนมัติ กล่าว เมื่อใช้ Microsoft Power Automate จะดำเนินกระบวนการที่ใช้เวลานานจำนวนมากโดยอัตโนมัติ เช่น การทำสัญญารับประกันภัย การเรียกร้อง และการบริการลูกค้า ในเวลาเพียง 18 เดือน ทีมได้ส่งมอบโครงการด้านระบบอัตโนมัติได้มากกว่า 100 โครงการ ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็ว ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานด้วยตนเอง และส่งเสริมให้พนักงานโฟกัสกับงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น
     
  • The University of Hong Kong (HKU) ปรับปรุงประสิทธิภาพของอาจารย์และการสนับสนุนนักเรียนโดยการนำ Microsoft 365 Copilot และ Copilot Studio มาใช้ อาจารย์ใช้ Copilot เพื่อทำให้งานการบริหารง่ายขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพ และปรับแต่งเนื้อหาหลักสูตรสำหรับการเรียนรู้แบบไฮบริด ในเดือนสิงหาคม 2024 HKU ได้เปิดตัว Copilot สำหรับนักศึกษาใหม่ ซึ่งเป็นเอเจนต์ที่ขับเคลื่อนโดย AI ที่สร้างขึ้นด้วย Copilot Studio เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาใหม่เกี่ยวกับการสอบถามทางวิชาการ ลดภาระงานของอาจารย์ และปรับปรุงประสบการณ์การเข้าศึกษา “Microsoft 365 Copilot มอบโซลูชัน GenAI ที่ปลอดภัยและครอบคลุม” Flora Ng หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศและบรรณารักษ์มหาวิทยาลัย กล่าว “Microsoft Copilot Studio ช่วยให้ทีมไอทีของเราสร้างบอทที่ปรับแต่งได้เพื่อจัดการกับการสอบถามจำนวนมากพร้อมกันได้”
อ่านเรื่องราวของลูกค้า Microsoft เช่นนี้เพิ่มเติม

แนวโน้มในอนาคตของระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI

ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI กำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างความเป็นไปได้สำหรับวิธีการทำงานใหม่ๆ เมื่อเครื่องมือมีความชาญฉลาด ปรับตัวได้ และทำงานร่วมกันได้มากขึ้น จะสามารถสร้างอนาคตที่ผู้คนและเทคโนโลยีทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นได้

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ AI อัตโนมัติที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นระบบที่จัดการเวิร์กโฟลว์ทั้งหมดหรือทำการตัดสินใจตามบริบทโดยมีการป้อนข้อมูลโดยมนุษย์น้อยที่สุด เครื่องมือเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดการกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ และปรับการดำเนินการสภาพที่เปลี่ยนไป ในด้านต่างๆ เช่น โลจิสติกส์ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการดำเนินงาน AI อัตโนมัติกำลังช่วยให้ธุรกิจตอบสนองได้เร็วขึ้นและดำเนินงานได้อย่างน่าเชื่อถือมากขึ้น

AI สร้างสรรค์กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้วยเช่นกัน โมเดลเหล่านี้สร้างเนื้อหา สรุปข้อมูล เขียนโค้ด หรือช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งมีประโยชน์ในหลากหลายอุตสาหกรรมและบทบาท เมื่อผสานรวมเข้ากับระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI เครื่องมือสร้างสรรค์จะช่วยสนับสนุนการจัดทำเอกสารที่เร็วขึ้น การสื่อสารที่เป็นแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น และความร่วมมือระหว่างทีมที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

เอเจนต์ AI กำลังก่อคลื่นระบบอัตโนมัติลูกถัดไปโดยการผสมผสานความสามารถอัตโนมัติเข้ากับระบบอัจฉริยะสร้างสรรค์ ซึ่งรวมการให้เหตุผลเชิงสร้างสรรค์เข้ากับการดำเนินงาน ทำให้สามารถตีความเจตนา ตอบสนองด้วยภาษาธรรมชาติ และดำเนินการข้ามระบบได้ เอเจนต์ AI กำลังช่วยให้ทีมทำเวิร์กโฟลว์หลายขั้นตอนให้เป็นอัตโนมัติ รองรับลูกค้า และลดภาระงานที่ต้องทำด้วยตนเองของฝ่ายไอทีและปฏิบัติการ ในขณะเดียวกันก็ยังให้มนุษย์สามารถควบคุมได้

เมื่อมองไปยังอนาคต ยังมีแนวโน้มอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังสร้างคลื่นระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ลูกใหม่ ได้แก่:
 
  • ระบบตามบริบทที่เข้าใจเจตนาและปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้ใช้
     
  • แพลตฟอร์มแบบ Low-Code และ No-Code ที่ช่วยให้พนักงานที่ไม่เข้าใจเรื่องเทคนิกสามารถเข้าถึงการสร้างโซลูชันได้มากขึ้น
     
  • เครื่องมือการกำกับดูแลด้วย AI ที่สนับสนุนความโปร่งใส การตรวจสอบ และการควบคุมทุกระดับ
     
  • โซลูชัน AI เฉพาะอุตสาหกรรมที่ปรับให้เหมาะกับความท้าทายเฉพาะในภาคส่วนต่างๆ เช่น พลังงาน การศึกษา และการดูแลสุขภาพ
แหล่งข้อมูล

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI

ผู้ชายสวมแจ็คเก็ตสีดำกำลังใช้แล็ปท็อป
ผลิตภัณฑ์

สร้างเอเจนต์แบบกำหนดเองด้วย Microsoft Copilot Studio

ออกแบบ เผยแพร่ และจัดการเอจนต์ AI ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการทางธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ
ผู้หญิงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะที่มีแล็ปท็อป
ผลิตภัณฑ์

ทำให้เวิร์กโฟลว์ง่ายขึ้นด้วย Microsoft Power Automate

ทำงานอัตโนมัติในแอปและทีมต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดงานที่ต้องทำด้วยตนเอง
ผู้ชายและผู้หญิงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมแล็ปท็อป
โซลูชัน

เปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธุรกิจด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูง

สำรวจว่า AI และเครื่องมือแบบ Low-Code ทำงานร่วมกันอย่างไรเพื่อดำเนินเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนในทุกระดับโดยอัตโนมัติ

คำถามที่ถามบ่อย

  • ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI หมายถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการทำงาน กระบวนการ หรือการตัดสินใจ ซึ่งปกติแล้วจำเป็นต้องมีข้อมูลจากมนุษย์ ให้เป็นระบบอัตโนมัติ โดยการรวมเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง การประมวลผลภาษาธรรมชาติ และคอมพิวเตอร์วิทัศน์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความสามารถในการปรับขนาดในการดำเนินธุรกิจ
  • ตัวอย่างทั่วไปของระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI คือการใช้ตัวแทนเสมือนที่ขับเคลื่อนโดย AI ในการจัดการคำถามเกี่ยวกับการบริการลูกค้า เครื่องมือเหล่านี้สามาถรตอบคำถามทั่วไป ประมวลผลคำขอ และส่งต่อปัญหา ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์มีเวลามากขึ้นสำหรับการสนับสนุนที่ซับซ้อนกว่า
  • ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานด้วยตนเอง และปรับขนาดการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนการตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้นผ่านข้อมูลเชิงลึกในเวลาจริง และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วยบริการที่ตอบสนองรวดเร็วและเป็นแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น องค์กรต่างๆ ใช้ AI เพื่อลดต้นทุนและเร่งนวัตกรรมในทุกแผนก
ติดตาม Microsoft 365